ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2042 มันแย่เกินไป
คุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬกล่าวอย่างชั่วร้ายว่า “หยิ่งผยองนัก”
เจ้าสำนักของกองกำลังระดับสี่ครึ่งคนหนึ่ง กับสาวน้อยที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามคนหนึ่ง ย่อมมีความสามารถที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวแน่นอนอยู่แล้ว
และก็ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนมอบความกล้าหาญให้กับผู้หญิงคนนี้ จนกล้าพูดคำเช่นนี้ออกมาได้!
“ซูอี้ชิง สายตาในการหาผู้หญิงของเจ้าไม่ค่อยดีเท่าไรเลยนะ! ผู้หญิงคนนี้ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเอาเสียจริง ๆ!” คนของสำนักหมอทมิฬที่กำลังติดพันอยู่กับซูอี้ชิงเหล่านั้นกล่าวขึ้นมาอย่างเยาะเย้ยถากถาง
ถึงจะกำลังเผชิญหน้าอยู่กับการเยาะเย้ยของพวกเขา แต่สีหน้าของซูอี้ชิงก็ยังคงไร้อารมณ์ และฟาดฟันพวกเขาต่อไปอยู่ดี
ไอพิษสีดำนี้เป็นราวกับกระแสน้ำวนอย่างไรอย่างนั้น มันสามารถกลืนกินผู้คนและเปลี่ยนให้กลายเป็นความว่างเปล่าไปได้ในทันที
แต่มู่เฉียนซีกลับพุ่งทะยานเข้าไปใกล้คุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬอย่างไร้ความเกรงกลัวโดยสิ้นเชิง
“เฮอะ! เจ้าจะมาหาที่ตายถึงที่เลยอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าจะมามอบความตายให้เจ้าต่างหากล่ะ!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“เพลิงนภาพิฆาต!”
ตูมมมม โครมมม!
ทักษะวิญญาณพลังธาตุวายุระเบิดออกมา และมันก็ได้เข้าไปพัวพันกับคุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬ
และคุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬที่มีความแข็งแกร่งมากในเวลานี้ ก็สามารถขจัดการโจมตีของมู่เฉียนซีได้อย่างง่ายดายแล้ว
หลังจากนั้น ร่างกายของเขาก็เปลี่ยนกลายเป็นพายุหมุนพิษ และพุ่งเข้าจู่โจมมู่เฉียนซีอย่างรวดเร็ว
“ไปตายซะเถอะ!”
พายุหมุนสีดำได้พัดมู่เฉียนซีให้ลอยละลิ่วออกไป ตึง! และร่างของมู่เฉียนซีก็ล่วงลงไปบนพื้น
เขากล่าวอย่างเยาะเย้ยว่า “เมื่อไรที่เจ้าถูกพิษนี้ เลือดก็จะไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดทั่วทั้งร่างกายของเจ้าจนเน่าเปื่อยและตายไป ด้วยความสามารถเพียงเล็กน้อยนี้ของเจ้า จึงทำให้เจ้าอ่อนแอจนน่าสมเพช แต่ยังมิวายกล้ามาพูดจาหยิ่งผยองเช่นนี้ออกมาได้อีก มันมีแต่จะทำให้คนอื่นขำฟันจนหลุดเอาได้นะ”
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ในขณะที่คุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬกำลังภาคภูมิใจอยู่นั้น ก็มีเสียงแหลมสูงพุ่งแหวกอากาศตรงมาทางเขา
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที เป็นไปไม่ได้!
แม้ว่าเข็มยาเหล่านี้จะพุ่งโจมตีเข้ามาอย่างกะทันหัน แต่สำหรับคุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬกลับไม่ได้เป็นภัยคุกคามมากมายเท่าไรนัก
ทันใดนั้น ร่างเงาสีม่วงก็ได้ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศเหนือศีรษะคุณชายไหญ่ของสำนักหมอทมิฬ และในมือของมู่เฉียนซีก็ถือสิ่งของเอาไว้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“เจ้า…คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะไม่โดนพิษ!”
“จะ…เจ้ายังสามารถขยับได้อย่างนั้นหรือ?”
“……”
มู่เฉียนซีอยู่ในสภาพที่ไม่บุบสลายเลยแม้แต่น้อย ซึ่งทำให้ทุกคนต่างประหลาดใจอย่างที่สุด
คนของสำนักหมอทมิฬอย่างพวกเขารู้ดีว่าเคล็ดวิชาพิษนี้มีความยอดเยี่ยมมากเพียงใด
“ข้าบอกกับเจ้าแล้ว พิษนี้ของเจ้าอ่อนแอเกินไป เจ้าก็ไม่เชื่อข้า!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างถากถาง
การโจมตีเมื่อครู่นี้ แน่นอนว่าจุดเด่นสำคัญก็คือพิษร้ายแรงนั่นอยู่แล้ว
แต่ทว่า การป้องกันทางกายภาพของนางสามารถสกัดกั้นพลังการโจมตีนั้นได้ และพิษร้ายแรงนั้นก็ไม่สามารถคุกคามหมอปีศาจอย่างนางได้แต่อย่างใด
“ข้าอยากจะมอบของบางอย่างให้เจ้า ความจริงแล้วพิษที่เจ้าใช้ในการฝึกเคล็ดวิชาพิษนั้นมันแย่มากเกินไป นี่ต่างหากถึงจะเป็นพิษที่แท้จริง”
เพล้ง เพล้ง เพล้ง!
ขวดยาแต่ละขวดแตกกระจาย และสิ่งที่อยู่ภายในนั้นก็คือผงพิษ จากนั้นพิษเหล่านั้นก็โปรยปรายลงมาจากกลางอากาศราวกับเทพธิดาโปรยดอกไม้ลงมายังโลกมนุษย์อย่างไรอย่างนั้น
ในฐานะของคนที่ฝึกฝนทักษะพิษคนหนึ่ง คุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬควรจะรู้สึกมีความสุขเมื่อได้เห็นยาพิษและไม่ใช่หวาดกลัวเช่นนี้ แต่ทว่าในเวลานี้หลังของเขากลับมีเหงื่อชุ่มอยู่เติมไปหมด
เสียงที่อยู่ภายในก้นบึ้งของจิตใจเขากำลังร่ำร้องว่า รีบหนีไป! รีบหนีไปเร็วเข้า!
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าอยากจะหนีแล้วจะสามารถหนีไปได้ง่าย ๆ เสียที่ไหน
พลังวิญญาณสีดำที่เขาระเบิดออกมานั้นเต็มไปด้วยพิษร้ายแรง และเมื่อมันสัมผัสเข้ากับพิษนี้ เขาก็รู้สึกราวกับว่ากำลังถูกฉีดเลือดไก่อย่างไรอย่างนั้น หลังจากนั้นพลังวิญญาณสีดำของเขาก็เริ่มดูดซับพิษเหล่านั้นอย่างบ้าคลั่ง
ในฐานะปรมาจารย์พิษคนหนึ่ง คุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬก็สัมผัสได้ว่าพิษนี้ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าอันที่จริงแล้วผู้หญิงคนนี้บำเพ็ญโชคมากี่ชีวิต ถึงได้รับยาพิษที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” เขาหัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“นางผู้หญิงโง่ เจ้านี่จะโง่เง่าเกินไปแล้ว! เจ้าคิดจะใช้พิษกับข้า มันคงจะทำให้ความสามารถของข้าเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียมากกว่า คิดไม่ถึงเลยว่าอยากจะใช้พิษทำร้ายข้า ช่างเป็นความคิดที่เพ้อฝันสิ้นดี!”
เมื่อพิษร้ายกลายมาเป็นพลัง และพลังวิญญาณได้ผสานเข้าไปในร่างกายของเขา คุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬก็รู้สึกว่าตนเองนั้นแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งร่างกายนั้นก็ยังเต็มไปด้วยพลัง และหลงลืมความรู้สึกหวาดกลัวก่อนหน้านี้ไปจนสิ้นแล้วเช่นกัน
เขาได้ปล่อยให้ตนเองดูดซับพิษที่มู่เฉียนซีโยนลงมาอย่างอิสระ!
เมื่อรู้สึกว่าได้ที่แล้ว มู่เฉียนซีก็ไม่อยากสิ้นเปลืองพิษของนางอีกแล้ว และรีบถอยห่างไปให้ไกลจากคุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้เขากำลังหมกมุ่นอยู่กับการดูดซับพิษร้าย และไม่ได้สนใจการโจมตีของมู่เฉียนซีเลย แต่มู่เฉียนซีรู้ดีอยู่แล้วว่าหากนางลอบโจมตีแล้วละก็ เจ้าหมอนี่ก็ไม่มีทางนิ่งเฉยเช่นกัน
ดังนั้นนางจึงคิดที่จะหยุดพักเพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณสักครู่หนึ่ง
“เจ้าเพลิดเพลินไปกับลมหายใจเฮือกสุดท้ายก่อนที่เจ้าจะต้องตายเสียเถอะ! รอให้ข้าดูดซับพิษเหล่านี้เสร็จเมื่อไร จะต้องไปเอาชีวิตของเจ้าอย่างแน่นอน!”
ยาพิษที่มู่เฉียนซีนำออกมานั้นถูกดูดกลืนไปอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าก่อนจะรอให้คุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬดูดซับพิษเหล่านี้จนเสร็จ ตัวเขาเองก็ประสบกับปัญหาใหญ่เข้าเสียแล้ว
ริมฝีปากของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ “อ๊ากกก! พรวด!” เขาเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างจนอยากจะตาย ต่อมาเขาก็ได้กระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง และเขาก็รู้สึกว่าดวงตาทั้งสองเริ่มพร่าเลือน
ฉวยโอกาสในตอนที่เขากำลังอ่อนแอเพื่อเอาชีวิตของเขา คิดได้ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงได้คว้าโอกาสนี้ในการเริ่มโจมตีเขาขึ้นมาทันที
กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณถูกเหวี่ยงออกไป “เพลิงนภาพิฆาต!”
เปลวเพลิงสีแดงฉานพุ่งเข้ามาโจมตีคุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นเขาก็รีบหลบหลีกอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าที่ซีดเซียวเช่นกัน แม้ว่าสภาพร่างกายของเขาในตอนนี้จะไม่ค่อยดีเท่าไรนัก แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงผู้บำเพ็ญขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ ฉะนั้นจึงพอพยายามหลบหลีกได้
“พรวด!”
เพียงแต่ว่าทันทีที่เขาหลบหลีก เขาก็ยิ่งกระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก
“บัดซบเอ้ย! นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” มีเส้นเลือดผุดขึ้นมาบนหน้าผากของเขา และสีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นอย่างผิดปกติอีกด้วย
“คุณชายใหญ่ คุณชายใหญ่ขอรับ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” เวลานี้ผิวหนังของคุณชายใหญ่สำนักหมอทมิฬเริ่มกลายเป็นสีดำมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว และดูเหมือนว่ามีสิ่งแปลกประหลาดบางอย่างคืบคลานอยู่ในเส้นเลือดของเขา ซึ่งดูแล้วก็น่าสะพรึงเป็นอย่างมาก
คนอื่น ๆ ก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาเช่นกัน และมีหนึ่งคนในนั้นได้ทิ้งการต่อสู้กับซูอี้ชิงทันทีแล้วรีบพุ่งทะยานเข้ามา จากนั้นก็ยืนคุ้มกันคุณชายใหญ่ของพวกเขาและจ้องเขม็งไปที่มู่เฉียนซีด้วยความโกรธเคือง “นางปีศาจ เจ้าทำอะไรกับคุณชายใหญ่ของพวกข้ากันแน่?”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างหยอกล้อว่า “หรือว่าพวกเจ้าไม่มีตาหรืออย่างไรกัน? ข้าก็เพียงแค่วางยาพิษเท่านั้นเอง เจ้าในฐานะคุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬ แม้แต่พิษเล็กน้อยเพียงเท่านี้ก็ทนไม่ได้อย่างนั้นหรือ กองกำลังระดับสี่ครึ่งอย่างสำนักหมอทมิฬก็ไม่เห็นจะเก่งกาจเท่าไรเลย!”
“เป็นไปไม่ได้ ทักษะของคุณชายใหญ่สามารถเปลี่ยนชนิดของพิษได้ เขาจะโดนวางยาพิษได้อย่างไรกัน”
“นั่นก็หมายความว่าคุณชายใหญ่ของพวกเจ้ายังฝึกฝนทักษะนั้นได้ไม่ดีพอน่ะสิ!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เจ้ามันพูดจาไร้สาระ! นี่เป็นถึงทักษะวิชาที่ได้รับสืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณเชียวนะ!” คุณชายใหญ่สำนักหมอทมิฬคำรามกล่าว
ในฐานะผู้สืบทอดของหม้อเทพนิรันดร์ นางเข้าใจเกี่ยวกับเคล็ดวิชาพิษต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี แม้ว่าเคล็ดวิชาพิษของเจ้าหมอนี่จะดูยอดเยี่ยม แต่ทว่าพิษชนิดนี้เป็นสิ่งที่น่าขยะแขยงที่สุดในบรรดาความรู้ทั้งหมดของนิรันดร์
หากว่าพิษร้ายที่ปลดปล่อยออกมาเกินกว่าที่ทักษะวิชานี้จะสามารถรับภาระได้ แน่นอนว่ามันจะทำให้คนที่ฝึกฝนไม่สามารถทนได้ และเมื่อไม่สามารถถอนพิษเหล่านั้นได้อย่างสมบูรณ์ ก็จะทำให้ถูกหลอมรวมเข้าไปในร่างกายของผู้ฝึกฝน และมันก็จะทำให้เขาตายลงในที่สุด
สถานการณ์ในตอนนี้ ทำให้คุณชายใหญ่ท่านนี้ของสำนักหมอทมิฬรู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างมาก ผู้อาวุโสท่านนั้นอยากที่จะช่วยเหลือ แต่กลับไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เขา
เนื่องจากว่าพิษในร่างกายของเขาตอนนี้แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มากนัก และคนที่เข้าใกล้ก็จะต้องตายลงเช่นกัน ถึงเขาจะมีความสามารถที่แข็งแกร่งแต่ก็ไม่อาจทานทนได้
“จับผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ นางจะต้องมีหนทางอย่างแน่นอน! เร็วเข้า อ๊ากกก...”
“ข้าใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว! เร็วเข้า! ลงมือเร็ว!”
ตึง!
คุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬล้มลงไปบนพื้นด้วยความเจ็บปวดราวกับสุนัขที่กำลังจะตายอย่างไรอย่างนั้น แต่ก็ยังมิวายสั่งการลูกน้องของเขาอย่างเดือดดาลอีกด้วย
บนเสื้อผ้าของเขาต่างก็เปียกโชกไปด้วยเลือดพิษที่ทะลักออกมา ซึ่งราวกับว่าถูกลากออกมาจากคูน้ำที่เหม็นเน่าอย่างไรอย่างนั้น
.
.