ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2044 ไม่ใช่คนอื่น
มู่เฉียนซีก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเจ้าหมอนี่ในตอนนี้ไม่มีความกล้าที่จะพูดโกหกอย่างแน่นอน และเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬผู้นั้นก็ทำเรื่องต่าง ๆ อย่างระมัดระวังมากพอสมควรอีกด้วย
ฉึก!
เข็มยาอีกเล่มหนึ่งปักลงไปบนต้นคอของเขา
“จะ…เจ้าหลอกข้า…”
“ข้าไม่ได้หลอกเจ้า และตอนนี้ข้าก็ยังไม่ได้มีแผนที่จะปล่อยให้เจ้าตายด้วย!”
ตึง!
แม้ว่าต้องการจะให้คนผู้นี้ตาย แต่เพื่อไม่ให้สัตว์ร้ายตัวนั้นสมความปรารถนา มู่เฉียนซีจึงทำได้เพียงให้เขาแสร้งตายไปก่อนระยะหนึ่งเท่านั้น
เมื่อจัดการผู้ชายคนนี้ได้แล้ว ร่างสีม่วงก็พุ่งทะยานผ่านไป พร้อมกับเข็มยาที่บินออกไปด้วย และการเคลื่อนไหวเช่นนี้ของมู่เฉียนซีก็ทำให้คนอื่น ๆ ต้องตายไปตาม ๆ กัน
ตึง ตึง ตึง!
จำนวนของคนที่ล้มลงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และสำหรับคนของสำนักหมอทมิฬก็ยิ่งเอาชนะได้ยากมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ให้ตายเถอะ คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเจ้าจะกล้าสังหารคุณชายใหญ่ของพวกเรา”
“พวกเราจะสู้กับเจ้าเอง!”
พวกเขาได้ใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถเป็นครั้งสุดท้าย แต่ทว่าการต่อต้านเพียงเล็กน้อยนี้ไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงต้องล้มลงอย่างรวดเร็ว
ติ๋ง ติ๋ง!
เลือดสดสีแดงไหลลงมาที่ปลายกระบี่ของซูอี้ชิง และได้หยดลงบนหินศิลาสีดำสนิทนั้น
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
“ทำได้ดี ทำได้ดีมาก ฆ่าทั้งหมดแล้ว ทุกคนตายแล้ว!”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกยกขึ้นเล็กน้อย นางกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็สามารถยอมรับข้าได้แล้วใช่หรือไม่? ยอมรับข้าในฐานะเจ้านายของเจ้า! พวกข้าได้จัดการคนอื่นไปหมดแล้ว”
“ข้าคือมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ ยอมรับเจ้านายได้เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่พวกเจ้ากลับมีถึงสองคน! ดังนั้นหนึ่งในพวกเจ้าทั้งสองจะต้องมีคนหนึ่งที่ต้องตาย!” และเสียงที่น่าสะพรึงกลัวก็ดังขึ้นมา
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าสามารถปฏิเสธได้หรือไม่?”
“หากเจ้าต้องการได้รับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพอย่างข้า เช่นนั้นก็จำเป็นที่จะต้องทำสิ่งนี้ และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะตัดสินใจเองได้”
เจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้ช่างไร้ยางอายเสียจริง ๆ เลย มันยังจะแสร้งทำเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ต่อไปได้อีกหรือนี่
“เช่นนั้นข้าก็ไม่ต้องการเจ้าแล้ว พวกเราไปกันเถอะ! อี้ชิงน้อย!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างตรงไปตรงมา และทำท่าทางเหมือนคนที่ต้องการจะเดินจากไปจริง ๆ
ซูอี้ชิงตามนางไปอย่างไม่พูดไม่จา และการกระทำของทั้งสองคนนั้น แตกต่างจากที่สัตว์ร้ายได้คาดการณ์เอาไว้มากทีเดียว
“พะ…พวกเจ้าไม่ใช่มนุษย์อย่างนั้นหรือ?”
“นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
มนุษย์ทุกคนล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความโลภมากอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และเมื่อได้มาเผชิญหน้ากับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ที่เลิศล้ำเช่นนี้ ต้องไม่มีผู้ใดที่ไม่อยากได้อยู่แล้ว
แต่ทว่าตอนนี้กลับมีคนกำลังหันหลังเดินจากไป ราวกับว่าไม่เห็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
และมันก็รู้สึกว่ามันได้เจอกับเรื่องที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก!
“แกร่ก แกร่ก แกร่ก! มนุษย์ ด้วยความสามารถของเจ้า มันง่ายดายมากหากต้องการจะฆ่าผู้หญิงคนนั้น ตอนนี้นางอยู่เบื้องหน้าเจ้าแล้ว ฆ่านางซะ หากเจ้าฆ่านางแล้วละก็ มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์นี้ก็จะเป็นของเจ้า”
เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่คิดที่จะหันหลังกลับมา เสียงของสัตว์ร้ายตัวนี้ก็ดังขึ้นอยู่ในสมองของซูอี้ชิง และพยายามที่จะสะกดจิตเขา
ซูอี้ชิงกล่าวตอบว่า “ข้าทำตามคำสั่งของนางเท่านั้น ไม่สามารถฆ่านางได้ ซึ่งเกรงว่าคงจะทำให้เจ้าต้องผิดหวังเสียแล้วล่ะ”
“เจ้า…หากฆ่านางเจ้าก็จะได้รับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ ข้อจำกัดของมนุษย์ที่มีต่อเจ้าทั้งหมดก็จะหมดไป แล้วเจ้ายังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?”
“ข้าไม่สนใจหรอก!”
ซูอี้ชิงเป็นคนดื้อรั้นยิ่งนัก มันจึงทำได้เพียงแค่กัดฟันแล้วไปคุยกับมู่เฉียนซีแทนเท่านั้น
“เจ้าผู้หญิง เจ้าผู้ชายคนนั้นเชื่อฟังคำสั่งของเจ้าอย่างสมบูรณ์ ถึงเจ้าอยากจะให้เขาตายเขาก็ไม่มีทางต่อต้านเจ้าอยู่แล้ว! เพียงแค่เจ้าสั่งให้เขาไปตาย เพียงเท่านี้เจ้าก็จะสามารถรับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์นี้ได้แล้ว เหตุใดเจ้าถึงไม่ทำเช่นนั้นกันเล่า?” ตอนนี้มันกล่าวอย่างกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก
“ก็ข้าไม่อยากทำนี่!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างแผ่วเบา
“ไม่อยาก หรือว่าเจ้าไม่อยากได้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อย่างนั้นหรือ? เจ้าเพียงแค่ต้องฆ่าเขาเท่านั้นเอง”
“แน่นอนว่าข้าอยากได้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อยู่แล้ว มันมีความสำคัญสำหรับข้าเป็นอย่างมาก แต่ทว่าซูอี้ชิงมาพร้อมกับข้า และแน่นอนว่าข้าก็อยากจะออกไปพร้อมกับเขาเช่นกัน” มู่เฉียนซีกล่าวตอบ
นางหันกลับไปมองที่หอคอยสีดำที่ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศตรงใจกลางจัตุรัสนั่นพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ลาก่อนนะ! หวังว่าคราวหน้าเจ้าจะได้เจอคนที่ถูกลิขิตมาอีกครั้ง!”
มันแทบจะกระอักออกมาเป็นเลือดอยู่แล้ว นี่ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุด เพราะมันถูกผนึกอยู่ที่นี่มาเนินนานหลายปีนักและมันก็ไม่อยากที่จะต้องรออีกต่อไปแล้ว
“เอาล่ะ ๆ! เหลือเพียงแค่สองคนเท่านั้น ข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อยเท่านี้ข้าทนได้อยู่แล้ว ข้าสามารถทนได้…”
ครืนนนน!
สายฟ้าสีดำแผ่กระจายราวกับตาข่ายขนาดใหญ่อยู่กลางอากาศ และพลังอันน่าสะพรึงกลัวก็ปกคลุมไปทั่วทุกหนแห่งในทันที
“เจ้าพวกจอมซนทั้งสอง ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว เช่นนั้นก็อย่าคิดที่จะไปไหนได้อีกเลย! จงอยู่ที่นี่แล้วกลายมาเป็นทาสสองคนแรกของราชาที่กำลังจะถือกำเนิดขึ้นอย่างข้าเสียเถิด!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” มีเสียงกึกก้องดังสะท้อนออกมา และทั่วทั้งบริเวณก็ถูกสายฟ้าสีดำนั้นผนึกเอาไว้แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นมู่เฉียนซีหรือซูอี้ชิง ต่างก็ยากที่จะก้าวไปข้างหน้าได้เมื่ออยู่ภายในสภาพแวดล้อมเช่นนี้
แกร่ก!
รอยแตกราวกับใยแมงมุมก็มิปานปรากฏขึ้นทั่วทั้งจัตุรัส จากนั้นก็มีเสียงที่แหบแห้งดังขึ้นมา
“วิญญาณแห่งความตายที่ได้รับการชำระล้างเอ๋ย! จงมาที่นี่เสียเถิด พวกเจ้าทั้งหลายจงมาช่วยราชาผู้นี้ทำลายผนึกชั่วร้ายนี้ทิ้งไปเสีย!”
“มาเถิด จงมานี่เถิด!”
ภายในอากาศมีการสั่นสะเทือนครั้งแล้วครั้งเล่า และแน่นอนว่าวิญญาณเหล่านั้นได้พุ่งตรงเข้าไปในรอยแยกนั้นราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟอย่างไรอย่างนั้นเลย
อุณหภูมิที่อยู่โดยรอบลดลงอย่างกะทันหัน มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “เจ้าสัตว์ร้ายนั่นกำลังจะออกมาได้แล้ว อี้ชิงน้อย หากมีโอกาส จงจำไว้ว่าให้หนีไปให้ไกลที่สุดเสีย”
“แล้วเจ้าล่ะ!” ซูอี้ชิงจ้องเขม็งไปที่มู่เฉียนซี
“ข้าหรือ! ข้าก็มีอาถิงของข้าไม่ใช่หรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม และนางก็เชื่อใจในตัวอาถิงเป็นอย่างมากอีกด้วย
“เจ้าเป็นคนที่ฉลาดมาก แต่บางทีเจ้าก็โง่มากเช่นกัน! ดูเหมือนว่าเจ้าจะเชื่อมั่นในพลังของคนอื่นมากเกินไปแล้ว หวังพึ่งคนอื่น ระวังจะตายโดยไม่รู้ตัวเสียล่ะ พลังของคนผู้นั้นแข็งแกร่งมาก แต่ก็คงไม่ทรงพลังมากถึงขนาดนั้น! เจ้าไม่กลัวว่าเขาจะสู้ไม่ได้บ้างหรืออย่างไร?” ซูอี้ชิงกระซิบกระซาบ
“ถ้าแม้แต่อาถิงก็สู้ไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องหนีน่ะสิ! และข้าก็หนีเร็วกว่าเจ้าอย่างแน่อน ดังนั้นเจ้าก็ควรที่จะระวังตัวและปกป้องชีวิตน้อย ๆ ของตนเองไปเถอะ!”
“อีกอย่าง อาถิงไม่ใช่คนอื่นด้วย!”
ซูอี้ชิงจ้องมองมู่เฉียนซีที่ยังคงมีท่าทางที่สงบนิ่งอยู่ และรู้ว่าคำเตือนของตนเองนั้นช่างเปล่าประโยชน์เสียจริง ๆ
หนีหรือ? หากต้องเผชิญกับผู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง แม้ว่ามิติจะถูกฉีกออกก็ยากที่จะหนีรอดไปได้อยู่ดี
ครืนนนน!
พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือนอีกครั้ง จากนั้นก็มีสิ่งที่เหมือนภัยพิบัติพุ่งพรวดออกมา
สายฟ้าฟาดลงมาจากกลางอากาศ ซึ่งดูคล้ายกับเสาหินสีดำหลายต้นอย่างไรอย่างนั้น
ตึง ตึง ตึง!
แน่นอนว่าเมื่อเจ้าสิ่งนั้นออกมาได้เพียงครึ่งเดียว ก็ส่งเสียงร้องคำรามดังออกมาอย่างฉุนเฉียว
“มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? เหตุใดถึงได้ขาดวิญญาณไปมากมายถึงเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่าข้าปล่อยให้คนเข้ามาเพียงพอแล้วนี่”
เพื่อที่จะให้มนุษย์เหล่านี้เข่นฆ่ากันเองได้ นอกจากมู่เฉียนซีแล้ว คนที่เขาปล่อยให้เข้ามาคนอื่น ๆ ล้วนมีความสามารถที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งคนเหล่านั้นล้วนเป็นผู้ที่มีระดับต่ำกว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงทั้งนั้น
เดิมทีสุดท้ายแล้วควรที่จะเหลือเพียงคนเดียวเท่านั้น และวิญญาณของคนอื่น ๆ ก็จะกลายมาเป็นพลังในการทำลายผนึกของมัน แต่สุดท้ายแล้วมันกลับมาพบว่าขาดไปมากเลยทีเดียว
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
เสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวดังขึ้น จนทำให้หัวของมู่เฉียนซีและซูอี้ชิงแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ เลยทีเดียว
ปิดผนึกการได้ยิน!
การจะหมุนเวียนพลังวิญญาณในเวลานี้มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงใช้เข็มยาเป็นตัวช่วยนางและซูอี้ชิงในการปิดผนึกการได้ยินไปเสีย
ถึงอย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังคงรู้สึกวิงเวียนอยู่ดี และไม่ได้รู้สึกดีเลยแม้แต่น้อย
นี่มันคือสัตว์ร้ายบ้าอะไรกันแน่ ยังไม่ทันที่จะออกมา เสียงคำรามของมันก็เกือบจะปลิดชีวิตน้อย ๆ ของพวกเขาไปเสียแล้ว
ทันใดนั้นความเคร่งขรึมปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของซูอี้ชิง!
“บอกข้ามา ที่จริงแล้วนี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? เจ้ามนุษย์ทั้งสอง เจ้ารู้หรือไม่? คนที่พวกเจ้าฆ่าไปก่อนหน้านี้ล่ะ! คนหายไปไหนหมด?”
ร่างเงาอันบ้าคลั่งที่พัดโหมกระหน่ำนี้สามารถทำลายจิตวิญญาณมนุษย์ได้ และซูอี้ชิงก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีคลื่นพายุซัดสาดเข้าใส่จิตวิญญาณของเขา ซึ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดจนเกือบที่จะหมดสติไปเลยทีเดียว
.