ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2050 ตัดสินใจยอมแพ้
“บัดซบเอ้ย!” เจ้านี่มันวางแผนเอาไว้แล้ว สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของอาถิงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมมากกว่าปกติเสียอีก
ตอนนี้เขาโมโหมากจริง ๆ!
ในตอนที่เอ้อคุนคิดว่ามันกำลังจะประสบความสำเร็จ ทันใดนั้นก็มีน้ำสีฟ้าห่อหุ้มมู่เฉียนซีเอาไว้
และเอ้อคุนก็หมดหนทางที่จะทำร้ายมู่เฉียนซีได้แม้แต่ปลายก้อย เอ้อคุนตะลึงงันไปชั่วขณะหนึ่ง “พลังป้องกันนี้!”
ปังง!
นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่พลังในการป้องกันเท่านั้น แต่มันยังมีพลังอันแข็งแกร่งปะทุออกมาอีกด้วย ซึ่งพลังนี้ก็ทำให้ร่างของเอ้อคุนถูกกระแทกจนลอยละลิ่วออกไปโดยตรง
อีกทั้งความสามารถนี้ก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าศาลานิรันดร์เลยแม้แต่น้อย!
ม่านแสงสีฟ้าอ่อนนั้นนุ่มนวลราวกับสายน้ำก็มิปาน แต่ซูอี้ชิงสามารถสัมผัสได้ว่านี่เป็นพลังที่หาที่เทียบมิได้อย่างแน่นอน
และมันก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าม่านแสงสีเขียวอ่อนที่หนุ่มน้อยคนนั้นระเบิดออกมาเลยสักนิด
ในเวลานี้ ร่างเงาสีฟ้าที่บอบบางก็ได้ปรากฏตัวออกมาอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซีแล้ว
และคนผู้นั้นก็คือหญิงสาวอายุน้อยคนหนึ่ง ที่ดูอ่อนโยนราวกับสายน้ำอย่างไรอย่างนั้น
รูปร่างหน้าตาของหญิงสาวผู้นี้โดดเด่นอย่างน่าประหลาดใจ ซึ่งหน้าตาของนางไม่ได้ด้อยไปกว่าหนุ่มน้อยที่งดงามราวกับภูตผู้นั้นเลย
แม้แต่นางฟ้าที่อยู่บนพระราชวังเทพ เมื่อมองดูแล้วก็ยังห่างไกลจากนางมากมายนัก
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “สุ่ยจิงอิ๋ง ได้โปรด! อย่าปล่อยให้อาถิงใช้พลังของเขาไปจนหมด ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องโมโหมาก และข้าก็จะต้องเดือดร้อนมากเป็นแน่”
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ซีเอ๋อร์วางใจเถอะ!”
“เรื่องของที่นี่มอบให้เป็นหน้าที่ข้าเอง เจ้าออกไปก่อนเถิด!”
สุ่ยจิงอิ๋งผลักมู่เฉียนซีออกไปอย่างแผ่วเบา และก็ไม่มีอะไรสามารถขัดขวางมู่เฉียนซีเอาไว้ได้อย่างสิ้นเชิง ราวกับว่าปราการป้องกันนั้นใช้การไม่ได้แล้วอย่างไรอย่างนั้น
ตึง!
ในที่สุดมู่เฉียนซีก็สามารถออกมาได้สำเร็จ
คนผู้นี้สามารถทำลายปราการของมันได้อย่างง่ายดาย เมื่อเอ้อคุนจ้องมองไปที่ใบหน้าของสุ่ยจิงอิ๋ง มันก็สัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์ที่เลวร้ายบางอย่าง
“เจ้า…”
มันรู้สึกได้ว่าไม่ควรที่จะบุกเข้าไปอย่างใจร้อน
หากไม่มีสาวน้อยผู้นั้นแล้ว ศาลานิรันดร์ก็จะยิ่งจัดการได้ยากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ยังมีหญิงสาวปริศนาปรากฏตัวออกมาอีกคนหนึ่ง และมันก็รู้สึกว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางอย่างแน่นอน
เอ้อคุนเคลื่อนไหวหางอย่างบ้าคลั่ง และพยายามที่จะพุ่งตัวขึ้นไปบนอากาศ
ม่านพลังสีเขียวอ่อนสว่างวาบอยู่ในอากาศ และพื้นที่ทั้งหมดก็ถูกผนึกเอาไว้
นี่คือการผนึกที่แท้จริง ซึ่งไม่ได้ง่ายดายเหมือนอย่างปราการป้องกันเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นของมันเลยสักนิด
มิติทั้งหมดถูกกักขังเอาไว้ ถึงเอ้อคุนจะพยายามพุ่งชนมากเท่าไร ก็ไม่อาจที่จะสร้างรอยร้าวขึ้นมาได้เลยแม้แต่น้อย
เอ้อคุนในเวลานี้หวาดกลัวเป็นอย่างมาก มันมองไปยังหญิงสาวที่งดงามผู้นั้นพลางกล่าวว่า “เจ้าคือ…เจ้า…”
นางปรากฏตัวออกมาพร้อมกับศาลานิรันดร์ อีกทั้งรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนนี้ ทำให้มันนึกถึงขึ้นได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
“เจ้าสมควรตายได้แล้ว!”
ในขณะที่มันกำลังตะลึงงันอยู่นั้น อาถิงก็ได้ปรากฏตัวออกมาอย่างฉับพลัน
ครืนนนนน!
บาดแผลที่ปรากฏขึ้นบนร่างกายของเอ้อคุนเพิ่มมากขึ้น และในตอนนี้สุ่ยจิงอิ๋งก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน ทันใดนั้นมันก็ถูกอาการหายใจไม่ออกโจมตีใส่ทันที
ตอนนี้เอ้อคุนก็รู้สึกตัวแล้วว่า ตัวมันเองใกล้ที่จะต้องตายแล้ว
ถึงจะเคยมีคนไม่น้อยที่คิดว่า ดอกบัวหงส์เก้ากลีบแห่งผู้พิทักษ์นิรันดร์อยู่ในตำแหน่งมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ความจริงแล้วก็มีคนมากมายที่รู้สึกว่ามันเหลือเชื่อมากเกินไป
เนื่องจากว่าน้อยครั้งนักที่นางจะเคลื่อนไหว ฉะนั้นแทนที่จะเชื่อว่านางแข็งแกร่งที่สุด กลับมีคนอีกมากมายที่เชื่อว่าเป็นกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณแห่งกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ต่างหากที่แข็งแกร่งที่สุด
เพราะนั่นคือเทพผู้กระหายเลือดที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง!
แต่เป็นเพราะคราวนี้เมื่อมันได้เห็นผู้พิทักษ์นิรันดร์โจมตีด้วยตาตนเอง มันถึงได้เข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าความสามารถของคนผู้นี้น่าสะพรึงกลัวมากเพียงใด
ตูมมม!
เอ้อคุนหมดหนทางที่จะหนีได้อีกต่อไป ฉะนั้นเวลานี้มันจึงทำได้เพียงต่อสู้กับอาถิงและสุ่ยจิงอิ๋งอย่างสุดกำลังเท่านั้น
มันรู้ดีว่าถึงแม้ว่าผู้พิทักษ์นิรันดร์และศาลานิรันดร์จะแข็งแกร่งมาก แต่ด้วยเวลาที่ผ่านไปเนิ่นนาน ก็ทำให้พลังของพวกเขาเหมือนจะอ่อนแอลงไปไม่น้อยเลย
ครืนนนนน!
สุ่ยจิงอิ๋งและอาถิงกำลังต่อสู้อยู่ภายในอย่างมืดฟ้ามัวดิน แต่เนื่องจากว่าถูกพลังแห่งมิติของสุ่ยจิงอิ๋งผนึกเอาไว้ ฉะนั้นจึงทำให้ซูอี้ชิงและมู่เฉียนซีที่อยู่ด้านนอกไม่สามารถสัมผัสถึงมันได้เลย
พลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนั้น ทำให้ซูอี้ชิงรู้สึกตื่นตกใจเป็นอย่างมาก พวกเขาเป็นใครกันแน่ และมู่เฉินซีผู้นี้เป็นใครกันแน่?
ซูอี้ชิงหันหน้ากลับไปมองมู่เฉียนซีที่กำลังรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ เขากล่าวว่า “มีคนที่แข็งแกร่งเช่นนั้นคอยคุ้มครองเจ้าอยู่ มิแปลกใจเลยที่เจ้าจะไม่กลัวตาย! และหากเจ้าคิดจะให้ข้าขอบคุณเจ้าที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ เกรงว่าคงไม่อาจทำให้เจ้าสมความปรารถนาได้”
“เพราะข้าคิดว่านี่คือแผนการชั่วร้ายที่เจ้าได้วางแผนเอาไว้แล้ว! ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าจะไม่ยอมเป็นคนที่เจ้าจะเอาใช้ประโยชน์ได้อย่างแน่นอน”
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปทางซูอี้ชิงแล้วกล่าวว่า “อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่คงที่สินะ มาให้ข้าฝังเข็มอีกสักสองสามเข็มเถอะ!”
นางคิดอยากจะช่วยคนก็ช่วย แต่เจ้าหมอนี่ได้ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นแผนการชั่วร้ายไปเสียแล้ว คาดว่าก่อนหน้านี้เขาคงถูกนางทรมานอย่างเลวร้ายมากเกินไปหน่อยสินะ!
ฉึก ฉึก ฉึก!
เข็มสองสามเล่มได้ฝังลงบนจุดฝังเข็มของซูอี้ชิง จากนั้นนางก็เข้าไปใกล้ซูอี้ชิงพลางกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้ารู้ความลับของข้าแล้ว เจ้าคิดว่าข้าจะยอมปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ?”
ซูอี้ชิงจ้องมองไปยังมู่เฉียนซีอย่างเรียบเฉยแล้วกล่าวว่า “ที่จริงแล้วเจ้ามีเป้าหมายอะไรกันแน่?”
มู่เฉียนซีตอบกลับไปว่า “จูเชว่ไม่ได้บอกเจ้าอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นข้าจะพูดอีกครั้งก็แล้วกัน ข้าอยากรู้ข้อมูลบางอย่าง แต่สำหรับจูเชว่แล้วมันคือข้อมูลที่เป็นความลับ! และจำเป็นที่จะต้องให้คนที่อยู่เบื้องหลังของพวกเจ้ายอมรับก่อนถึงจะสามารถรู้ได้”
“แต่ก็นะ! นายท่านผู้นี้เป็นผู้ที่ลึกลับมากจริง ๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสามารถพบพวกเขาได้ และจำเป็นที่จะต้องได้รับการแนะนำจากทั้งห้าคนถึงจะเจอได้ และข้าก็อยากให้เจ้าเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน”
ซูอี้ชิงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่มีทางยอมปล่อยให้คนเช่นเจ้าเข้าใกล้พ่อบุญธรรมอย่างแน่นอน!”
แม้ว่าความสามารถของผู้หญิงคนนี้จะอ่อนแอ แต่ทว่าความสามารถของชายหญิงคู่นั้นน่าหวาดกลัวมาก หากพวกเขาต้องการที่จะทำอะไรบางอย่างจริง ๆ คนที่คอยคุ้มครองพ่อบุญธรรมเหล่านั้นคงไม่สามารถสกัดกั้นเอาไว้ได้แน่
“ไม่ได้จริง ๆ!”
“นี่คือที่เจ้าพยายามจะช่วยชีวิตข้าเอาไว้อย่างนั้นหรือ? มู่เฉินซี ชีวิตของพ่อบุญธรรมสำคัญกว่าข้ามากมายนัก เจ้าคิดว่าข้าจะช่วยเจ้าในเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ? ข้าไม่ได้โง่เหมือนกับสามคนนั้นหรอกนะ”
เมื่อซูอี้ชิงนึกถึงพวกของจูเชว่ที่เฉลียวฉลาดอยู่เสมอ คิดไม่ถึงว่ากลับมาถูกผู้หญิงคนหนึ่งหลอกลวงเอาเสียได้ นอกจากนี้ความประมาทของพวกเขาก็เกือบทำให้พ่อบุญธรรมต้องตกอยู่ในอันตรายแล้ว ช่างไม่สมกับที่เข้มงวดมานานเลยจริง ๆ
“พวกเขาไม่ได้โง่ แต่เป็นตัวเจ้าเองที่คิดมากเกินไปต่างหาก เจ้าน่ะหวาดระแวงเกินไปแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญา
ซูอี้ชิง เจ้าหมอนี่ดื้อดึงเกินไป เพราะเป็นนักฆ่าคนหนึ่ง ดังนั้นจึงมีความระมัดระวังในทุก ๆ เรื่องเป็นอย่างมาก
และที่ระมัดระวังมากเช่นนี้เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันเลยแม้แต่น้อย ดูแล้วพวกเขาคงจะเคารพนับถือและรักใคร่พ่อบุญธรรมของพวกเขาด้วยความจริงใจจริง ๆ และไม่ได้เป็นเพราะถูกข่มขู่หรือมีเหตุผลอื่น ๆ อีกด้วย
“ก็ตัวตนที่แท้จริงของเจ้ามันน่าสงสัยมากเลยนี่!” ซูอี้ชิงโต้ตอบ
มู่เฉียนซีโบกมือไปมาแล้วกล่าวว่า “ข้ารู้แล้ว รอหลังจากที่เรื่องนี้สิ้นสุดลงแล้ว ข้าจะไม่ให้อี้ชิงน้อยมาเป็นทาสข้าอีกแล้ว! อย่างไรเสียการบีบบังคับคนอย่างเจ้า มันช่างน่าเบื่อหน่ายมากจริง ๆ”
นางตัดสินใจได้แล้ว และรู้ว่าซูอี้ชิงไม่มีทางผ่อนคลายลงอย่างแน่นอน ฉะนั้นนางก็จะไม่ทรมานเขาอีกต่อไป แล้วเลือกที่จะลามือแทน หลังจากนี้นางก็แค่เลือกเป้าหมายอื่นก็พอแล้ว
แต่นางกลับมีลางสังหรณ์ว่า คนอื่นก็น่าจะรับมือได้ไม่ง่ายเท่าไรนักเช่นกัน
“โฮกกกกก!” มีเสียงร้องคำรามของเอ้อคุนดังออกมา
เวลานี้สภาพของมันน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง บาดแผลบนร่างกายของมันลึกจนถึงกระดูก และร่างกายของมันก็เล็กลงเรื่อย ๆ อีกทั้งพลังของมันก็อ่อนแอลงเรื่อย ๆเช่นกัน ตอนนี้มันได้กลายเป็นปลาตัวน้อยที่มีขนาดเล็กเท่าฝ่ามือไปแล้ว
ตอนนั้นมันมีพลังเหลืออยู่ไม่มากเท่าไรนัก และมันคงเป็นเสมือนเนื้อปลาที่อยู่บนเขียง รอที่จะถูกพวกเขาฆ่าแกงอย่างไรก็ได้
ทันทีที่สุ่ยจิงอิ๋งโบกมือ ปราการมิติก็หายวับไปในพริบตาเดียว
อาถิงจ้องมองไปยังมู่เฉียนซี พร้อมกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้าบอกให้เจ้าคอยดูแลตัวเองให้ดีเจ้าก็ไม่ยอมเชื่อฟัง อีกทั้งยังเอาเจ้าหมอนั่นออกไปได้แค่คนเดียวเสียอย่างนั้น! หากไม่เป็นเช่นนี้ท่านพี่ก็คงไม่ต้องออกโรง เพราะถึงอย่างไรข้าก็สามารถจัดการเองได้อยู่แล้ว!”