ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2052 ประเมินตนเองสูงไป
“ชิ!” หลังจากที่อาถิงส่งเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชาแล้ว เขาก็เงียบไปทันที
ในตอนที่มู่เฉียนซีกำลังเตรียมจะจากไปนั้น ก็นึกขึ้นได้ว่าเหมือนจะลืมอะไรบางอย่างไป
ตึง ตึง ตึง!
มีคนถูกโยนออกมาทีละคน และนี่ก็คือคนที่เหลืออยู่ในตอนแรกนั่นเอง
นางได้เอาพวกเขาเข้าไปซ่อนไว้ในมิติตั้งนานแล้ว นั่นเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้พวกเขากลายเป็นอาหารที่เพิ่มระดับความสามารถให้เจ้าเอ้อคุนตัวนั้น ซึ่งมันก็เป็นการสิ้นเปลืองยาของนางมากเลยทีเดียว
ฤทธิ์ของยาที่ทำให้คนแสร้งตายนั้นได้หมดลงแล้ว และคนของสำนักหมอทมิฬที่เดิมทีคิดว่าตายไปแล้วเหล่านั้น กลับลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งอย่างคาดไม่ถึง ราวกับว่ากำลังฝันไปอย่างไรอย่างนั้น
“ข้ายังไม่ตายนี่นา!”
“คุณชายใหญ่ พวกเรายังไม่ตายขอรับ”
“……”
ยังไม่ทันรอให้พวกเขาตื่นเต้นตีใจอย่างเพียงพอ ก็มีน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“ก่อนหน้านี้พวกเจ้ายังไม่ตาย แต่ว่าตอนนี้พวกเจ้าจะต้องตายแล้วล่ะ!”
ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ตอบสนองกลับมา มู่เฉียนซีก็ได้กวัดแกว่งกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณ เพื่อคร่าชีวิตพวกเขาในทันที!
“อ๊ากกกก”
“เจ้า…”
พวกเขาจ้องมองไปทางมู่เฉียนซีอย่างเหลือเชื่อ จากนั้นก็ค่อย ๆ ล้มลงไปทีละคน และคราวนี้พวกเขาก็ได้ตายจริง ๆ แล้ว
ในเวลานี้คุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬก็ได้กล่าวขึ้นมาว่า “จะ…เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ตอนนี้เหลือเขาเพียงคนเดียวแล้ว เห็นได้ชัดว่าการฟื้นจากความตายนั้นเป็นเรื่องที่น่ายินดีเรื่องหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะยังคิดที่จะฆ่าเขาอีกครั้ง
คุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬกล่าวว่า “จะ…เจ้า เจ้าฆ่าข้าไม่ได้นะ หากเจ้าฆ่าข้า ท่านพ่อจะต้องรู้แน่ว่าเจ้าเป็นคนฆ่าข้า! เขาได้ทิ้งรอยตราไว้ที่จิตวิญญาณของข้า! เมื่อถึงตอนนั้นสำนักหมอทมิฬของข้าจะต้องไล่ล่าเจ้าไม่จบไม่สิ้นอย่างแน่นอน!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ว่า “ฟังดูเหมือนจะน่ากลัวมากเลยนะ ดูเหมือนว่าจะฆ่าเจ้าไม่ได้แล้วล่ะ!”
“ใช่แล้ว! แน่นอนว่าเจ้าฆ่าข้าไม่ได้อยู่แล้ว!”
คุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬคิดว่าตนเองสามารถถ่วงเวลาได้ และคิดที่จะลองใช้ม้วนหนังสือส่งตัวระยะไกล แต่เวลานี้กระบี่ของมู่เฉียนซีก็รวดเร็วจนไม่สามารถใช้ม้วนหนังสือส่งตัวระยะไกลได้ทันเลยทีเดียว!
พรึ่บ!
ม้วนหนังสือส่งระยะไกลเล่มนั้นถูกทำลายลงในทันที
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้ตวัดกระบี่กลับไปอีกครั้ง และกระบี่นี้ก็หมายมั่นที่จะเอาชีวิตของเขาให้จงได้
“จะ…เจ้ากล้าจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
เปลวเพลิงอันร้อนแรงพุ่งเข้าโจมตี แต่ทว่ากลับมีพลังของกระบี่ที่รวดเร็วกว่าของมู่เฉียนซีปลิดชีวิตเขาไปเสียแล้ว
พรวดด!
มีรอยเลือดอยู่บนต้นคอของเขา ร่างของเจ้าหมอนั่นล้มลงไปบนพื้น ซึ่งการโจมตีของมู่เฉียนซีก็ได้ล้มเหลวไปเช่นกัน
ตูมมม!
ในเวลานี้คนที่สามารถจัดการหมอนั่นได้รวดเร็วกว่านาง ก็มีเพียงซูอี้ชิงนักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งดินแดนตะวันออกที่ยืนอยู่ข้างกายนางผู้เดียวเท่านั้น
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าเคยรับภารกิจของสำนักหมอทมิฬให้มาฆ่าข้า และคิดว่าเจ้าก็ไม่ได้รังเกียจสำนักหมอทมิฬมากขนาดนั้น แต่เจ้าดันฆ่าลูกชายของเจ้าสำนัก เจ้าไม่กลัวถูกสำนักหมอทมิฬไล่ล่าหรืออย่างไรกัน?”
“ข้าไม่เคยกลัวถูกไล่ล่ามาก่อน นอกจากนี้ข้าก็แค่ไม่อยากติดหนี้บุญคุณเจ้าก็เท่านั้น! เช่นนั้นข้าจะเป็นคนฆ่าคนผู้นี้เอง!” ซูอี้ชิงกล่าวอย่างเย็นชา
“หวังว่าเจ้าจะรักษาคำพูด!” หลังจากนั้นเขาก็กล่าวอีกครั้ง
“แน่นอนว่าข้ารักษาคำพูดอยู่แล้ว!” มู่เฉียนซีกล่าวพร้อมหยิบยาขวดหนึ่งออกมา
“อ่ะนี่! เอาไปสิ!” และมู่เฉียนซีก็ได้เอายาขวดนั้นโยนออกไป
ซูอี้ชิงไม่กลัวว่านางจะมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรอีก เพราะหากนางอยากจะเล่นแง่แล้วละก็ คาดว่านางน่าจะมีอีกมากมายหลายวิธีที่จะทำให้เขาตายได้
หลังจากที่ซูอี้ชิงกินยานั้นเข้าไป ก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย จนทำให้เขาสงสัยเล็กน้อยว่านี่ไม่ใช่ยาถอนพิษหรือไม่? และคิดว่าถูกผู้หญิงคนนี้วางยาพิษอีกครั้งเสียมากกว่า
มู่เฉียนซีเห็นสายตาที่สงสัยนี้ก็หัวเราะพร้อมกล่าวว่า “นี่คือการตอบสนองตามปกติของการถอนพิษ หากข้าคิดที่จะใช้พิษควบคุมเจ้าจริง ๆ ก็คงไม่ต้องทำให้เกินจำเป็นขนาดนี้หรอก”
“แต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เจ้าอย่าได้แพร่งพรายออกไปเป็นอันขาด มิเช่นนั้นถึงแม้ว่าคราวนี้เจ้าจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นเด็กทารกอีกครั้งข้าก็จะไม่สนใจเจ้าอีก” มู่เฉียนซีกล่าวเตือน
“วางใจเถอะ ข้าซูอี้ชิงไม่ใช่คนพูดมากเช่นนั้น”
ทุกส่วนในร่างกายของเขากำลังเจ็บปวด แต่ทว่าซูอี้ชิงสามารถทนต่อความเจ็บปวดเช่นนี้ได้
และหลังจากนั้นไม่นานนัก ไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกเจ็บปวดเท่านั้น แต่ยังรู้สึกคันขึ้นมาอีกด้วย
สีหน้าของซูอี้ชิงมืดมนลงในทันที ในเมื่อกินยาไปแล้วก็ทำได้เพียงแต่ทนเอาเท่านั้น
มู่เฉียนซีและซูอี้ชิงออกไปจากก้นทะเลแห่งนี้ และหลังจากที่พวกเขาขึ้นไปข้างบน คนของหอรัตติกาลที่ค้นพบพวกเขาแล้ว คนเหล่านั้นก็วิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้น
“ลูกพี่ ช่างดีเหลือเกินที่ท่านไม่เป็นอะไร”
“ที่จริงแล้วมีคนบอกว่าลูกพี่ตายอยู่ข้างล่างนั่น แต่พวกเราไม่เชื่อ”
“……”
ซูอี้ชิงกล่าวด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ว่า “ไม่เป็นไร ออกไปจากที่นี่กันเถอะ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ซูอี้ชิง ข้ารู้ว่าหากเป็นเช่นนี้มันจะเป็นการเอาเปรียบเจ้ามากเกินไป แต่เจ้าไปเป็นเพื่อนข้าอีกรอบเถอะนะ!”
“เจ้าต้องการที่จะทำอะไร?” ซูอี้ชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา และรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการที่จะแกล้งเขา ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขารู้สึกไม่สบายใจหลังจากที่กินยานั้นเข้าไป
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไปกับข้าเถอะน่า! ที่ไหนในทะเลแห่งนี้มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดอยู่มากที่สุด พวกเราก็จะไปเที่ยวที่นั่นกัน จากนั้นค่อยกินอาหารทะเล และหาสัตว์ทะเลเหล่านั้นมาเป็นคู่ซ้อมกันสักหน่อย”
นี่มันคือคำขอร้องอะไรกัน ผู้หญิงคนนี้ต้องการจะทำบ้าอะไรกันแน่?
ถึงซูอี้ชิงจะไม่เข้าใจ แต่เขาก็เลือกที่จะให้ความร่วมมือกับนาง
เขากล่าวกับคนอื่นว่า “พวกเราไปกันเถอะ!”
…
ภายในสำนักหมอทมิฬตอนนี้ แววตาของชายวัยกลางคนตัวสูงใหญ่ที่สวมชุดคลุมดำคนหนึ่งฉายแววโหดเหี้ยมออกมา “ซูอี้ชิง คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้าฆ่าลูกชายข้า! สั่งการลงไป ไม่ว่าอย่าไรก็ห้ามปล่อยให้ซูอี้ชิงรอดไปได้ และไม่ต้องสนใจว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม”
“ขอรับ ท่านเจ้าสำนัก!”
หลังจากที่ออกคำสั่งนี้ไปแล้ว บนใบหน้าของเขาก็ไม่ยุ่งเหยิงอีกแล้ว และหลังจากนั้นก็ไปรังสรรค์ผลงานอันยิ่งใหญ่ของเขาต่อไป
เมื่อนายน้อยเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬได้รับคำสั่งนี้ก็ผงะไปครู่หนึ่ง “ฆ่าซูอี้ชิงอย่างนั้นหรือ คราวที่แล้วที่ภารกิจของซูอี้ชิงล้มเหลว พวกเรายังไม่ได้คิดบัญชีกับเขาเลย แล้วคราวนี้เขาทำอะไรให้ท่านพ่อโมโหเข้ากันล่ะ?”
“เรียนนายน้อยเจ้าสำนัก ซูอี้ชิงเป็นคนสังหารคุณชายใหญ่ขอรับ!”
“โอ้! ที่แท้เจ้าคนไร้ประโยชน์นั่นก็ตายไปแล้วนี่เอง แม้ว่าคนที่เขาฆ่าจะเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์คนหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรเสียก็เป็นคนของสำนักหมอทมิฬของพวกเรา ซึ่งไม่สามารถปล่อยให้ใครมาฆ่าอย่างตามใจชอบได้! เช่นนั้นก็ถ่ายทอดคำสั่งลงไปซะ!”
“ขอรับ นายน้อยเจ้าสำนัก!”
สำนักหมอทมิฬจะต้องจัดการเขาอย่างแน่นอน และหลังจากที่ซูอี้ชิงได้ลงมือสังหารคุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬผู้นั้นเขาก็รู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว แต่ทว่าเขากลับไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
ในเวลานี้เขาได้พาคนของหอรัตติกาลติดตามมู่เฉียนซีไปกินอาหารทะเลจริง ๆ และไม่ว่าผู้หญิงคนนี้จะปากคอเราะร้ายและใจร้ายมากแค่ไหน แต่ฝีมือของนางนั้นไม่เลวเลยจริง ๆ
คนของหอรัตติกาลต่างก็มีความสุขเป็นอย่างมาก “โอ้ยยย! มันจะอร่อยเกินไปแล้ว ข้าไม่เคยกินอาหารทะเลย่างที่อร่อยมากขนาดนี้มาก่อนเลย!”
“แม่นางมู่ท่านยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว ผู้ใดที่แต่งงานกับท่านจะต้องโชคดีมากเป็นแน่”
“……”
คนอื่น ๆ ก็ชื่นชอบเป็นอย่างมาก และมีเพียงซูอี้ชิงที่ยังคงมีสีหน้าที่ไร้อารมณ์ แม้ว่ารสชาติมันจะอร่อยมาก แต่กลับไม่สามารถบรรเทาอาการเจ็บปวดที่อยู่ภายในร่างกายของเขาได้อยู่ดี!
หลังจากที่อิ่มหนำสำราญแล้ว มู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นว่า “ในเมื่อกินเสร็จแล้วก็เริ่มทำงานให้ข้าได้แล้ว! ลงไปที่ก้นทะเลแล้วหาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มาให้ข้า หากเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดจะดีมาก หากสัตว์เทพมันหายากก็ไม่ต้องบีบบังคับตนเองเกินไปนัก”
ซูอี้ชิงยอมรับในคำสั่งของมู่เฉียนซีที่สั่งการลูกน้องของเขา ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มเคลื่อนไหวทันที
เสี่ยวโม่โม่เริ่มขันอาสาด้วยตนเอง “นายท่าน ข้าก็อยากจะไปลองด้วยเหมือนกัน!”
“ตกลง! พวกเราไปกันเถอะ!”
ก่อนจะเดินหน้ามู่เฉียนซีก็กล่าวกับซูอี้ชิงว่า “ร่างกายของเจ้ายังไม่สบายดี ดังนั้นก็นั่งพักอยู่บนเกาะแห่งนี้แล้วรอพวกเขากลับมาเถอะ!”
คนของหอรัตติกาลกล่าวอย่างเป็นห่วงว่า “ร่างกายของลูกพี่ไม่สบายอย่างนั้นเหรอ หรือว่าได้รับบาดเจ็บตอนที่อยู่ข้างล่างนั่น?”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวว่า “อื้ม!”
ซูอี้ชิงเหลือบมองไปที่มู่เฉียนซี เห็นอยู่ชัด ๆ ว่านางก็คือคนร้าย แต่ว่านางกลับสามารถพูดจาโกหกได้โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย
“หากทนไม่ไหวจริง ๆ ก็กินยาซะนะ!”
ซูอี้ชิงคิดว่า ไม่มีทางที่เขาจะทนไม่ไหวอย่างแน่นอน
แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเขาจะประเมินตนเองสูงเกินไปหน่อย เพราะหลังจากที่พวกเขาออกไปได้เพียงไม่นาน ซูอี้ชิงก็รู้สึกเจ็บ ๆ คัน ๆ อย่างยากที่จะทนไหว และมันก็ยากที่จะทนได้จริง ๆ!
.