ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2053 กินทุกอย่าง
ซูอี้ชิงกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ผู้หญิงคนนั้นมีเจตนาที่ไม่ดีจริง ๆ ด้วย”
ผู้ที่กลับมาเป็นคนแรกสุดก็คือมู่เฉียนซีและเสี่ยวโม่โม่ และสิ่งที่พวกเขาจับมาได้ก็คือสัตว์ร้ายที่หน้าตาคล้ายกับปลาฉลามอย่างไรอย่างนั้นตัวหนึ่ง
เจ้าตัวนี้ใช้เวลาไปเพียงไม่กี่ร้อยปีก็สามารถบรรลุจนกลายเป็นสัตว์เทพฉลามดำได้แล้ว ซึ่งมันมีความสามารถที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
ในฐานะเผ่าทะเล มันก็คาดไม่ถึงเลยว่าจะกลายมาเป็นเป้าหมายของสัตว์เทพพ่นไฟที่บินอยู่กลางอากาศได้
แต่ทว่าสถานที่แห่งนี้คืออาณาเขตของพวกมันเผ่าทะเล ถึงจะเป็นสัตว์เทพก็อย่าคิดที่จะมาทำตัวโอหังเช่นนี้ได้
ดังนั้นมันจึงโกรธเคืองเป็นอย่างมากและลงมือโจมตีพวกเขาอย่างแรง แต่ผลสุดท้ายกลับถูกควบคุมอย่างน่าเวทนา และโดนจับมาทั้งเป็นเช่นนี้
ซูอี้ชิงที่เริ่มทนไม่ไหวกำลังจะกินยาแต่ก็บังเอิญเจอเข้ากับมู่เฉินซีที่เพิ่งกลับมาถึงพอดี และนั่นก็ทำให้สีหน้าของเขายิ่งน่าเกลียดมากขึ้นไปอีก
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ยอดเยี่ยมจริง ๆ! คิดไม่ถึงว่าจะทนได้จนถึงตอนนี้”
“อันที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องฝืนขนาดนั้นหรอก ทนไม่ไหวก็กินไปเถอะ ข้ายังมีเหลือให้เจ้าอีกเยอะ” มู่เฉียนซีกล่าวกับเขา
“ที่จริงแล้วเจ้าเอายาอะไรให้ข้ากินกันแน่?” ซูอี้ชิงกล่าวอย่างโกรธเคือง
“นี่คือของขวัญก่อนจากลาสำหรับเจ้าไม่ใช่หรือ? แล้วเจ้าจะโมโหขนาดนี้ไปทำไมกันล่ะ?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญา
“นี่เจ้าถือว่ามันเป็นของขวัญด้วยอย่างนั้นหรือ?” ซูอี้ชิงกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ทำให้คนอื่นต้องทุรนทุรายอย่างยากที่จะทานทนได้ นี่มันคือการทรมานคนอื่นเสียมากกว่า!
หลังจากนั้นคนอื่น ๆ ก็กลับมาถึง และได้รับรางวัลกันไปไม่น้อยเลยทีเดียว!
หลังจากกลับมาแล้วพวกเขาจึงกล่าวว่า “แม่นางมู่ ท่านให้พวกเราไปจับพวกมันมาทำไมกัน? เนื้อของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อร่อยอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าก็ยังไม่เคยกินเหมือนกัน! อยากลองดูสักหน่อยไหม!”
“……”
สัตว์ทะเลที่ถูกจับมาทั้งเป็นเหล่านั้นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นแล้ว เจ้าพวกมนุษย์กลุ่มนี้บ้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ?
ก่อนหน้านี้เคยได้ยินมาว่าความจริงแล้วมนุษย์นั้นน่าสะพรึงกลัวกว่าสัตว์ร้ายเสียอีก เพราะพวกเขากินได้ทุกอย่างจริง ๆ ดังนั้นดูท่าแล้ว เหล่าผู้อาวุโสที่แปลงกายขึ้นฝั่งไปก็คงจะไม่ได้โกหกสัตว์ร้ายอย่างพวกเขาแล้วล่ะ!
“พวกเจ้าไม่รู้สึกว่าการกินสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มันจะดูสิ้นเปลืองเกินไปหน่อยหรือ? ข้ายังมีประโยชน์อย่างอื่นอีกนะ”
มู่เฉียนซีเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกจับมาทั้งเป็นเหล่านั้น จากนั้นพลังวิญญาณของนางก็แผ่กระจายออกไป และเริ่มผนึกฉลามดำที่แข็งแกร่งมากที่สุดตัวนั้นก่อน
คนอื่นต่างประหลาดใจเล็กน้อย และมองไปทางซูอี้ชิงพลางกล่าวว่า “ลูกพี่ นี่แม่นางมู่ต้องการจะทำอะไรอย่างนั้นหรือ?”
ซูอี้ชิงนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนอยู่ก้นทะเลขึ้นมาได้ และรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน นี่ไม่ใช่ว่าผู้หญิงคนนี้อยากจะฝึกสัตว์หรอกนะ!
เพิ่งจะได้รับสืบทอดมรดกมาเองแท้ ๆ หรือว่านางอยากจะทดลองมันอย่างนั้นหรือ?
คนทั่วไปหากเพิ่งเริ่มก็จะลองกับสัตว์วิญญาณระดับธรรมดาก่อน แต่นางกลับตรงไปที่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งมากที่สุดก่อนเสียได้ นี่มันจะกล้ามากเกินไปแล้ว
“โฮกกกก!”
ตอนนี้ฉลามดำตัวนั้นก็รู้เจตนาของมู่เฉียนซีแล้วเช่นกัน ฉะนั้นมันจึงเริ่มร้องคำรามออกมา
และการต้านทานทางพลังวิญญาณของมู่เฉียนซีนั้นแแข็งแกร่งมาก หากเป็นนักฝึกอสูรทั่วไป เมื่อเจอการต่อต้านเช่นนี้คาดว่าน่าจะโดนกลืนกินเสียเองแล้วเป็นแน่
แต่ในที่สุดเจ้าฉลามดำตัวนี้ก็ได้ค้นพบว่ามนุษย์ผู้นี้ดูไม่เหมือนมนุษย์เลยด้วยซ้ำ!
พลังวิญญาณนั้นเปรียบเสมือนมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ที่พวกเขาอาศัยอยู่อย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว การดิ้นรนเช่นนั้นของมัน อย่างมากที่สุดก็ทำได้เพียงสร้างลูกคลื่นที่ไร้ค่าเท่านั้น
การดิ้นรนเช่นนี้ไม่เกิดประโยชน์โดยสิ้นเชิง ซึ่งมันก็รู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างยิ่ง
ต่อมา มู่เฉียนซีก็ฉวยโอกาสเข้าไปใกล้ และประทับตรามันเอาไว้ หลังจากนั้นก็เริ่มทำการฝึกมันให้เชื่อง!
หลังจากที่ใช้เวลาไปเพียงไม่นาน นางก็สามารถทำมันได้สำเร็จ
เดิมทีก็พอมีประสบการณ์บ้างอยู่แล้ว บวกกับได้รับสืบทอดความสามารถที่ยอดเยี่ยมเช่นนั้นพร้อมทั้งพลังวิญญาณที่วิปลาสนั่นด้วย ซึ่งทำให้สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่น้อย
พวกเขาค้นพบว่าแววตาและกลิ่นอายของฉลามดำตัวนั้นเปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งมันได้เปลี่ยนไปราวกับว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกฝึกแล้วอย่างไรอย่างนั้น และแต่ละคนต่างก็พากันอ้าปากค้างด้วยความตื่นตะลึง!
“พระเจ้า! ข้าไม่ได้มองผิดไปสินะ! คิดไม่ถึงเลยว่าแม่นางมู่จะสามารถฝึกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงตัวนี้ให้เชื่องได้แล้ว”
“นางเก่งกาจเกินไปแล้ว! เคยได้ยินมาว่าแม้แต่ปรมาจารย์ฝึกสัตว์ยังต้องใช้เวลาหลายชั่วยามเลย! คิดไม่ถึงว่านางจะใช้เวลาเร็วถึงเพียงนี้”
“……”
ซูอี้ชิงตระหนักถึงความวิปลาสของผู้หญิงคนนี้ได้อีกครั้งแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความประหลาดใจใด ๆ ออกมาอยู่ดี
หลังจากที่ฝึกเจ้าตัวนี้ให้เชื่องแล้ว ลำดับต่อไปมู่เฉียนซีก็ได้ลงมือพร้อมกัน ซึ่งนางก็ได้ทำการฝึกสัตว์ตัวอื่น ๆ พร้อมกันในคราวเดียว และมันก็ราบรื่นจนน่าประหลาดใจเลยทีเดียว
“นะ…นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ฝึกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มากมายถึงเพียงนี้พร้อมกัน ที่จริงแล้วแม่นางมู่ทำได้อย่างไรกันแน่?”
“นี่ยังเรียกว่าเป็นมนุษย์อยู่อีกหรือ?”
“……”
ทุกสิ่งทุกอย่างที่มู่เฉียนซีทำ ทำให้ความรู้ความเข้าใจของพวกเขาถูกปรับเปลี่ยนไปอีกครั้ง
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เอาล่ะ! จัดการเรียบร้อยแล้ว พวกเจ้าเป็นนักฆ่า ถึงแม้ว่าสัตว์ทะเลเหล่านี้จะถูกฝึกให้เชื่องแล้วก็ไม่มีประโยชน์ต่อพวกเจ้าอยู่ดี”
“เฮ้อ! น่าเสียดายเหลือเกิน หากไม่ใช่เพราะเป็นสัตว์ทะเล! แม้ว่าข้าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตามข้าก็อยากที่จะขอจากแม่นางมู่สักตัว!”
“แม้ว่าความสามารถของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงจะสู้พวกเจ้าไม่ได้ แต่หากในการต่อสู้มีผู้ช่วยสักคนก็ดีไม่น้อยเช่นกัน! อีกทั้งสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ก็ยังสามารถฝึกฝนเพื่อเลื่อนระดับได้อีกด้วย”
“……”
พวกเขาก็รู้สึกว่าน่าเสียดายมากเช่นกัน มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “แต่นี่ก็ไม่แน่นะ เช่นนั้นสถานที่ต่อไป พวกเราขึ้นบกไปยังป่าที่มีสัตว์วิญญาณมากที่สุดกัน ดีหรือไม่?”
“จริงหรือ?” พวกเขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“แน่นอนว่าจริงอยู่แล้ว!” มู่เฉียนซีกล่าวตอบ
แน่นอนว่าย่อมมีคนที่เหมาะสมที่ต้องการสัตว์ทะเลเหล่านี้อยู่แล้ว ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงได้เอาพวกมันเข้าไปไว้ในมิติก่อน
ซูอี้ชิงทำได้เพียงแค่เฝ้ามองผู้หญิงจอมเจ้าเล่ห์ผู้นี้เอาชนะใจเหล่าลูกน้องของเขา ในตอนที่เขากำลังเจ็บปวดแสนสาหัสแต่เจ้าพวกนี้กลับดูมีความสุขกันเป็นอย่างมาก
สายตาที่เย็นยะเยือกจ้องมองไปที่พวกเขา ทำให้พวกเขารู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีมากบางอย่าง
พวกเขาแอบคิดในใจว่า ‘สีหน้าของลูกพี่ก็ดูไร้อารมณ์อยู่เสมอ แต่ทำไมพวกเขาถึงรู้สึกว่าวันนี้เขากลับน่ากลัวกว่าปกติ และดูเหมือนว่าจะอารมณ์ไม่ดีมากกันล่ะ’
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ออกเดินทางกันเถอะ!”
และพวกเขาก็ออกเดินทางไปจากทะเลแห่งนี้ในทันที
เพราะว่าคนที่มาค้นหาหอคอยนิรันดร์ก่อนหน้านี้เหล่านั้น มีเพียงผู้แข็งแกร่งไม่กี่คนเท่านั้นที่ออกไปได้อย่างปลอดภัย ซึ่งแน่นอนว่ายังมีคนของหอรัตติกาลอีกด้วย
ที่นี่ไม่ได้มีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ จะมีก็แต่เพียงสัตว์ร้ายตัวหนึ่งเท่านั้น เพราะไม่รู้ว่าสัตว์ร้ายตัวนั้นอยู่หรือตาย ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ทะเลแห่งนี้อีกแล้ว
“โฮกกกกก!” เสียงร้องคำรามของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ดังกึกก้องไปทั่วทั้งผืนป่า และร่างเงาที่แข็งแกร่งหลายร่างก็กำลังต่อสู้กับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นอยู่ทั่วทั้งป่าแห่งนี้เลยทีเดียว
เพราะมู่เฉินซีได้พูดเอาไว้แล้วว่า หากสามารถจับสัตว์เทพมาได้หนึ่งตัวหรือว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงได้ยี่สิบตัว นางจะช่วยฝึกให้พวกเขาด้วยตัวหนึ่ง
พวกเขามีความสามารถที่แข็งแกร่ง และนักฆ่าก็เป็นงานที่อันตรายถึงชีวิต แม้ว่าพวกเขาจะสร้างรายได้มากมาย แต่ก็ยังไม่มีความสามารถมากพอที่จะไปขอให้ผู้ฝึกสัตว์ช่วยฝึกสัตว์อสูรให้พวกเขาได้
เพราะผู้ฝึกสัตว์มีจำนวนน้อยเป็นอย่างมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ก่อตั้งสำนักอิสระที่แข็งแกร่ง หรือไม่ก็อุทิศตนให้กับกองกำลังระดับสี่ครึ่งหรือกองกำลังระดับห้า อีกทั้งยังมีสถานะที่สูงส่งมากอีกด้วย
โอกาสที่ดีเช่นนี้ พวกเขาไม่เคยคิดฝันถึงมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
ก็แค่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงยี่สิบตัวหรือสัตว์เทพเดียวเองไม่ใช่หรือ? แม้ว่าการจับเป็นจะรับมือได้ยากกว่าการจับตาย แต่พวกเขาก็ไม่ได้กลัวแต่อย่างใด!
คนของหอรัตติกาลมีความกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก และซูอี้ชิงก็ทำเพียงเฝ้าดูอยู่อีกด้านหนึ่งเท่านั้น ทันทีที่ใบหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยด้วยความเจ็บปวด เขาก็จะกินยาเข้าไปเม็ดหนึ่งในทันที
ยาลูกกลอนที่อยู่ในขวดยาเริ่มค่อย ๆ ลดน้อยลง แต่เขากลับรู้สึกว่าความเจ็บปวดมันกลับทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ซูอี้ชิงกำกระบี่เอาไว้แน่น และอดที่จะพุ่งเข้าจู่โจมมู่เฉินซีไม่ได้
“เจ้ารับปากว่าจะฝึกสัตว์อสูรให้พวกเขา คงจะไม่ได้ทำอะไรบางอย่างบนตัวสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้หรอกใช่หรือไม่?” แววตาที่พินิจพิเคราะห์กวาดมองไปทางมู่เฉินซี
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “นี่เจ้ากำลังสงสัยข้าหรือ? เจ้าจะคิดให้มันง่ายกว่าหน่อยไม่ได้เลยหรือ? การออกไปค้นหาหอคอยนิรันดร์ในครั้งนี้ของพวกเรา ทำให้ข้ารู้ว่าพวกเขาไม่เลวเลยทีเดียว อีกทั้งยังให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ข้าแค่ซาบซึ้งใจแล้วอยากที่จะช่วยพวกเขาบ้างไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ?”
“หากเป็นคนอื่นข้าคงจะไม่สงสัยมากมายขนาดนี้ แต่ตัวตนที่แท้จริงของคนอย่างเจ้าน่าสงสัยมากเกินไป นอกจากนี้เจ้ายังมีแผนการชั่วร้ายมากมาย ข้าจำเป็นที่จะต้องป้องกันไว้ก่อน! เพราะพวกเขาคือลูกน้องคนสำคัญของข้า”
มู่เฉียนซีเบ้ปากพลางกล่าวว่า “ข้าว่าเจ้ากำลังแค้นใจที่ข้าทำให้เจ้าเจ็บปวดนานถึงขนาดนี้มากกว่า”
.