ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2054 แย่งสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
ซูอี้ชิงกล่าวว่า “เปล่านะ!”
นางหัวเราะอย่างชั่วร้ายพลางกล่าวว่า “แม้เจ้าจะแค้นใจข้าไปก็เปล่าประโยชน์ ถึงอย่างไรเจ้าก็จะต้องเจ็บปวดอยู่ดี”
“ไปกันเถอะ เสี่ยวโม่โม่ พวกเราไปล่าสัตว์กัน”
มู่เฉียนซีได้เลือกป่าแห่งนี้ นั่นก็เป็นเพราะว่าภายในป่าแห่งนี้มีสัตว์วิญญาณและสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อยู่มากมายเลยทีเดียว
มู่เฉียนซีได้ร่วมมือกับเสี่ยวโม่โม่ และทุกอย่างก็เป็นไปอย่างราบรื่นเป็นอย่างมาก
ตูมมมม!
เสี่ยวโม่โม่เริ่มใช้เพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดในการปิดกั้นเส้นทางของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงตัวนั้นเอาไว้ จากนั้นร่างสีม่วงร่างหนึ่งก็พุ่งทะยานออกไป
พลังธาตุวายุระเบิดออกมา และพัดวิหคเฟิงหลิงก็ถูกกางออกเช่นกัน
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังจับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อยู่นั้นก็ได้ถือโอกาสฝึกฝนไปด้วย โดยหวังว่าจะสามารถบรรลุผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าได้เร็วกว่านี้อีกสักหน่อย
“พลังวายุทำลาย ดับสูญ!”
มู่เฉียนซีกำลังปะทะอยู่กับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ โดยที่นางเป็นคนโจมตีหลัก ส่วนเสี่ยวโม่โม่มีหน้าที่เพียงแค่สนับสนุน และป้องกันไม่ให้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์หลบหนีไปได้เท่านั้น
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้ามนุษย์ เจ้าจะมั่นใจในตนเองมากเกินไปแล้ว มีสัตว์เทพแต่กลับไม่ให้มันออกโรง เมื่อถึงตอนที่ข้าจะสับเจ้าเป็นชิ้น ๆ ถึงเจ้าอยากจะให้เจ้าสัตว์เทพตัวน้อยนั่นมาช่วยก็คงจะไม่ทันการณ์แล้วเป็นแน่”
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วกล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าก็ลองทำดูสิ! มาดูกันว่าเจ้าจะมีความสามารถเช่นนั้นหรือไม่!”
“เจ้ามนุษย์ เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปด เจ้าหยิ่งผยองให้มันน้อยลงหน่อยเถอะ!”
“โฮกกกก!” สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดตัวนั้นกระโจนเข้าโจมตีมู่เฉียนซีทันที
ปัง ปัง ปัง!
มู่เฉียนซีต่อสู้กับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้อย่างน้อยครั้งแล้วครั้งเล่า
จากนั้นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นก็ค้นพบว่าเจ้ามนุษย์ตัวจ้อยผู้นี้มีความเพียรพยายามที่น่าทึ่งเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีความแข็งแกร่งของพลังวิญญาณที่ยอดเยี่ยมมากอีกด้วย
“รนหาที่ตายนัก!” มันได้ระเบิดพลังที่รุนแรงออกมาอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็โจมตีเข้าใส่มู่เฉียนซีอย่างดุเดือด
ในเวลานี้ ก็มีใครบางคนที่สังเกตเห็นถึงความเคลื่อนไหวของทางนี้แล้ว
“ทางนั้นมีเสียงของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์กำลังร้องคำรามอยู่ พวกเรารีบไปกันเถอะ! คราวนี้คุณหนูอย่างข้าจะต้องประสบความสำเร็จในการจับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ไปให้ท่านอาจารย์ดูให้ได้” ร่างเงาสีชมพูพุ่งทะยานไปยังสถานที่ที่มู่เฉียนซีอยู่
ผู้มาเยือนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “เอ๋! เป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปด คิดไม่ถึงเลยว่าจะสู้กับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงอย่างไม่กลัวตายเช่นนี้”
พลันนั้นร่างเงาสีชมพูก็กล่าวขึ้นว่า “ถอยไปซะ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้เป็นเหยื่อของข้า! หากเจ้าจากไปอย่างเชื่อฟัง ข้าก็จะแสดงความเมตตาด้วยการไว้ชีวิตเจ้า”
มู่เฉียนซีขี้เกียจเกินกว่าจะให้ความสนใจกับคนที่โผล่มาอย่างกะทันหันเหล่านี้ ฉะนั้นนางจึงทำเพียงต่อสู้กับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นต่อไป
ชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายคุณหนูผู้นี้กล่าวว่า “คุณหนูใหญ่ สาวน้อยผู้นี้มีความสามารถที่ไม่ธรรมดาเลย! เป็นถึงจอมภูตพลังธาตุวายุ และแม้จะเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูต แต่กลับมีพลังในการต่อสู้ที่เหนือกว่าความสามารถของตนเองอย่างก้าวกระโดด ในบรรดาคนที่ข้ารู้จักทั้งหมดมีเพียงคนเดียวเท่านั้น มีผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีความสามารถเช่นนี้!”
“นั่นก็คือมู่เฉินซี ผู้เป็นถึงอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งดินแดนทางทิศใต้ และมีความเป็นไปได้ถึงเก้าในสิบส่วนที่สาวน้อยคนนี้จะเป็นคนผู้นั้น!”
หญิงสาวชุดสีชมพูกล่าวอย่างเยาะเย้ยว่า “ข้าดูแล้วน่าจะเป็นเพราะว่าดินแดนทางทิศใต้ไม่ค่อยมีอัจฉริยะถึงได้ให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่อันดับที่หนึ่งสินะ! ข้าเก่งกาจถึงเพียงนี้ แม้แต่อัจฉริยะยี่สิบอันดับแรกของดินแดนทางทิศตะวันออกยังต้องพ่ายแพ้ แล้วนางที่เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดมีคุณสมบัติอะไรกัน!”
“คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้ยังคิดที่จะมาแย่งสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของข้าอีก หวงชิง เจ้ารีบให้นางผู้หญิงคนนี้ไสหัวไปเสีย และข้าจะเป็นคนจัดการสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้เอง!”
สาวน้อยผู้นี้เย่อหยิ่งเป็นอย่างมาก แม้ว่าผู้ติดตามของนางจะรู้ถึงสถานะของมู่เฉินซี แต่นางก็ไม่ได้เห็นมู่เฉินซีอยู่ในสายตาอยู่ดี
นางดูออกว่าพลังของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้ถูกใช้ไปไม่น้อยแล้ว ดังนั้นนางจะต้องสามารถจัดการมันได้อย่างง่ายดายแน่นอน และเมื่อถึงตอนนั้นท่านอาจารย์จะต้องให้รางวัลใหญ่แก่นางอย่างไม่ต้องสงสัย
ร่างสองร่างพุ่งทะยานออกไป คนหนึ่งมุ่งตรงไปทางมู่เฉียนซี ส่วนอีกคนหนึ่งพุ่งไปทางสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้น
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นคิดว่ามนุษย์ผู้นี้คือผู้ช่วยของสาวน้อย แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าพวกมนุษย์เหล่านี้จะต่อสู้กันเองด้วย
คุณหนูใหญ่ผู้นั้นกล่าวว่า “ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอัจฉริยะแบบไหนก็ตาม แต่ข้าชอบสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้ ฉะนั้นเจ้ารีบถอยไปซะ! ต่อสู้มาตั้งนานขนาดนี้ยังจัดการมันไม่ได้ เช่นนั้นเจ้าก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเอาชนะมันได้แล้ว”
มู่เฉียนซีเข้าใจแล้วว่าทั้งสองคนเข้ามาเพื่อแย่งสัตว์ตัวนี้ นางจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ข้าเป็นคนที่หาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้เจอ ทำไมข้าจะต้องยกให้พวกเจ้าด้วย! หากพวกเจ้าอยากจะจับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ก็ไปหาที่อื่นไป!”
“ข้าไม่ไปหรอก! หวงชิง ทำให้นางไสหัวไปไกล ๆ ซะ!”
ผู้ติดตามที่ชื่อหวงชิงผู้นั้นเป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งได้กล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “แม่นาง ข้าไม่อยากที่จะหยาบคายกับเจ้า เช่นนั้นเจ้าถอยไปจะดีกว่า!”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเยาะเย้ยว่า “แน่นอนว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนมาแย่งชิงสัตว์ร้ายเช่นนี้ ถือว่าวันนี้ข้าได้เปิดหูเปิดตามากจริง ๆ! ทางที่ดีที่สุดเจ้าลากคุณหนูของเจ้าออกไปเสียเถอะ มิเช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน”
หวงชิงก็กลุ้มใจเล็กน้อยเช่นกัน แม้ว่าเขาจะพูดแล้วว่านางเป็นใคร แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะยังไม่ฟังอีก
ดูท่าว่าคงจะต้องลองสั่งสอนนางดูสักหน่อย ในตอนที่หวงชิงเตรียมจะลงมือกับมู่เฉียนซี ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงเงาดำเหนือศีรษะ และตอนนี้หงส์สีดำตัวหนึ่งก็เริ่มโจมตีมาที่เขา
“อาศัยเพียงแค่เจ้า ยังคิดจะมาทำร้ายเจ้านายของเสี่ยวโม่โม่อีกอย่างนั้นหรือ! ข้าจะเผาเจ้าให้ตายไปซะ!”
นี่คือสัตว์เทพ! สีหน้าของหวงชิงเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
แม้ว่าจะเป็นเพียงสัตว์เทพระดับหนึ่ง แต่การต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม และเปลวเพลิงที่พลุ่งพล่านเช่นนั้น ถึงจะเป็นหวงชิงก็ทำได้เพียงแค่หลบหลีกอย่างรวดเร็วเท่านั้น
คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าสาวน้อยผู้เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดคนหนึ่งจะสามารถเป็นผู้พันธสัญญากับสัตว์เทพระดับหนึ่งตัวนี้ได้
ผู้ชายคนนี้มีเสี่ยวโม่โม่คอยจัดการ ฉะนั้นร่างสีม่วงจึงพุ่งทะยานออกไป และมู่เฉียนซีก็เข้าไปใกล้กับคนที่คิดจะแย่งสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้น และเป็นคนที่กำลังต่อสู้อยู่กับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อยู่พอดี
ผู้หญิงคนนั้นมีความสามารถเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับแปดขั้นสูงสุดเท่านั้น และยังมีระดับที่สูงกว่านางขั้นหนึ่งพอดีอีกด้วย
แต่ทว่าการตอบสนองของผู้หญิงคนนี้เชื่องช้ามากจริง ๆ ถึงนางจะเข้ามาใกล้ขนาดนี้แล้วก็ยังไม่ได้สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย การจัดการกับคนประเภทนี้ได้ไม่มีความน่าภูมิใจเลยสักนิดเดียว
สายลมกระโชกแรงพัดผ่านไป และมู่เฉียนซีก็โยนผู้หญิงคนนั้นออกไปโดยตรง!
“ไสหัวไปซะ!”
“กรี๊ดดดด!” หญิงสาวชุดสีชมพูลอยละลิ่วไปกลางอากาศ จากนั้นก็กล่าวอย่างเดือดดาลว่า “ให้ตายเถอะ! คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะลอบโจมตีข้า คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้าลอบโจมตีข้า ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่”
ตึง!
ถึงจะก่นด่าอย่างรุนแรง แต่กลับล้มหัวทิ่มไปกับพื้นเสียแล้ว
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นกล่าวว่า “ถึงแม้ว่าข้าจะเกลียดมนุษย์อย่างเจ้า แต่ต้องบอกเลยว่าเจ้าเก่งกาจกว่านางสาวน้อยผู้นั้นมากเลยทีเดียว”
สีหน้าของชางหยิงมืดมนเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้จะชื่นชมสาวน้อยที่เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดที่อ่อนแอกว่านางตั้งขั้นหนึ่งเช่นนี้ นางเป็นเพียงแค่ผู้หญิงต่ำช้าที่ทำได้แค่แวงกัดเท่านั้น แล้วจะเก่งกาจกว่านางได้อย่างไรกัน!
ชางหยิงไม่พอใจเป็นอย่างมาก และพุ่งทะยานเข้าไปหมายจะจัดการมู่เฉียนซีให้จงได้
“กรี๊ดดดด!” ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องอย่างโหยหวนดังขึ้นมา เป็นเพราะขาข้างหนึ่งของนางหัก และทันทีที่ขยับก็ทำให้เจ็บปวดจนทนไม่ไหวเลยทีเดียว
เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของชางหยิง หวงชิงก็กล่าวอย่างเป็นกังวลว่า “คุณหนูใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
“บัดซบเอ้ย! คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนั้นจะกล้าทำร้ายข้า หวงชิงจับนางเอาไว้ ข้าจะทำลายขาทั้งสองข้างของนางทิ้งเสีย” ชางหยิงกล่าวอย่างเดือดดาล
ในเวลานี้หวงชิงก็กำลังประสบปัญหาอยู่เช่นกัน! และตอนนี้เขาก็ถูกเปลวเพลิงของสัตว์เทพตัวนั้นทำให้บาดเจ็บสาหัสแล้วเช่นกัน ตอนนี้เขาไม่สามารถดูแลตนเองได้ด้วยซ้ำ!
คุณหนูใหญ่ต้องการที่จะล่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เพียงลำพังเพื่อพิสูจน์ความสามารถของตนเองต่อท่านจู ดังนั้นจึงได้พาคนมาด้วยเพียงคนเดียวเท่านั้น อีกทั้งยังไม่ได้พาองครักษ์คนอื่นมาด้วย
ในตอนนี้พวกเขาทั้งสองได้พบเจอกับคนที่ยากจะรับมือได้ และเขาก็ไม่สามารถที่จะจัดการอะไรได้เลย
ชางหยิงคนพบว่าหวงชิงถูกสัตว์เทพสีดำตัวหนึ่งพัวพันด้วยจนไม่สามารถทำตามคำสั่งของนางได้ นางก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก
“ให้ตายเถอะ! คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะผูกพันธสัญญาณกับสัตว์เทพตัวหนึ่งด้วย ข้าไม่มีเลยสักตัวเดียว! บัดซบนัก! แน่นอนว่าคราวนี้ข้าจะต้องทำให้ท่านอาจารย์มอบสัตว์เทพให้ข้าให้จงได้”
.