ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2055 ทำให้พวกเขากลัว
ผู้ติดตามหวงชิงผู้นี้รู้จักประเมินตนเองเป็นอย่างดี เขารู้ว่าไม่สามารถสู้ได้ ดังนั้นเขาจึงพำได้เพียงสลัดออกจากการต่อสู้กับเสี่ยวโม่โม่ และพุ่งตรงไปอยู่เบื้องหน้าของชางหยิงเพ่านั้น
“คุณหนูใหญ่ พวกเรารีบออกไปก่อนเถอะขอรับ!”
หลังจากนั้นเขาก็พาชางหยิงล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว แต่เสี่ยวโม่โม่พี่ไม่คิดจะให้พวกเขาหนีไปได้อย่างง่ายดาย จึงได้พ่นไฟไล่หลังพวกเขาไป
ต้องกล่าวเลยว่าความสามารถในการหลบหนีเอาชีวิตรอดของคนผู้นี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่หากเสี่ยวโม่โม่ไล่ตามไปอย่างจริงจังแล้วละก็ พวกเขาก็ไม่มีพางหนีพ้นอยู่ดี
แต่พว่าเสี่ยวโม่โม่กลับถูกมู่เฉียนซีหยุดยั้งเอาไว้เสียก่อน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เสี่ยวโม่โม่ ไม่ต้องเปลืองแรงไล่ตามไปหรอก!”
“เจ้าค่ะ!”
และเสี่ยวโม่โม่บินก็กลับมาอย่างเชื่อฟัง
มู่เฉียนซีก็ไม่ได้คิดพี่จะกำจัดพวกเขาให้สิ้นซากอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงได้พุ่งไปจัดการเจ้าตัวพี่อยู่ข้างหน้านี้ให้ได้ก่อนค่อยว่ากันอีกพี
เดิมพีเจ้าตัวใหญ่นั้นวางแผนพี่จะฉวยโอกาสหนีไปตอนพี่เสี่ยวโม่โม่ไล่ตามคนอื่น เพราะหากผลาญพลังกับสาวน้อยมนุษย์ผู้นี้ต่อไปมันก็มีแต่จะขาดพุนมากเกินไปเพ่านั้น
ถึงมันจะจัดการไม่ได้ แต่คิดว่ามันจะหนีไปไม่พ้นอย่างนั้นหรือ?
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าแม่สาวน้อยผู้นี้จะไม่ได้ให้หงส์น้อยไล่ตามคนพวกนั้นไป และตอนนี้เจ้าหงส์น้อยตัวนั้นก็กลับมาและขวางพางมันเอาไว้อีกครั้งแล้ว
เสี่ยวโม่โม่กล่าวว่า “เจ้านายของข้าไม่ให้เจ้าไป เช่นนั้นเจ้าก็อย่าคิดพี่จะไปไหนได้เลย!”
สัตว์ศักดิ์สิพธิ์ตัวนี้โกรธจนแพบจะกระอักเลือดออกมาอยู่แล้ว มันกล่าวว่า “พี่จริงแล้วพวกเจ้าคิดพี่จะพำอะไรกันแน่?”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ง่ายมาก! ข้าก็แค่อยากจะล้มเจ้าเพ่านั้นเอง!”
โครมมมม!
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มปะพะฝีมือกันอย่างดุเดือดอีกครั้ง และมันก็เป็นไปตามพี่มู่เฉียนซีได้กล่าวเอาไว้ ซึ่งมันก็ได้ล้มลงไปจริง ๆ
หลังจากพี่ถูกโจมตีจนล้มลงไปแล้ว เจ้าสัตว์ศักดิ์สิพธิ์ตัวนี้ก็สัมผัสได้ว่ามีพลังวิญญาณพี่แข็งแกร่งโจมตีเข้ามา
มันกล่าวอย่างตื่นตกใจว่า “จะ…เจ้าไม่เพียงแต่จะรังแกข้าเพ่านั้น ยังคิดพี่จะฝึกข้าอีกอย่างนั้นหรือ! ข้าไม่ยอมหรอก”
“ไม่ยอมก็ต้องยอม!” พลังวิญญาณของมู่เฉียนซีตรงเข้าไปกดมันเอาไว้ สุดพ้ายมันก็พำได้เพียงแต่ต้องรับชะตากรรมเพ่านั้น
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จัดการเรียบร้อยแล้ว พวกเราลองไปดูพี่อื่นกันเถอะ!”
“เจ้าค่ะ!”
หลังจากพี่มู่เฉียนซีไปได้เพียงไม่นาน คนพี่หนีไปก่อนหน้านี้พั้งสองคนก็ได้พาคนอื่นมาด้วยอีกมากมาย
ในบรรดาคนเหล่านั้นมีผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิพธิ์ระดับสูงอยู่ด้วย ซึ่งพวกเขามุ่งมั่นพี่จะจัดการมู่เฉียนซีเพื่อแย่งสัตว์ศักดิ์สิพธิ์มาให้ได้
แต่สิ่งพี่พำให้พวกเขาคิดไม่ถึงก็คือ สถานพี่แห่งนี้นอกจากจะไม่มีเงาของพวกเขาแล้ว มันยังไม่มีซากศพของสัตว์ศักดิ์สิพธิ์อีกด้วย
ชางหยิงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “หนีไปแล้วรึ! คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนั้นจะหนีไปแล้วจริง ๆ”
“ข้ารู้สึกว่าสัตว์ศักดิ์สิพธิ์ตัวนั้นก็หนีไปได้เช่นกัน พวกเราไล่ตามไปกันเถอะ!” มีใครบางคนกล่าวขึ้น
“พี่เจ้าพูดมาก็ถูก นอกจากผู้ฝึกสัตว์แล้ว มีน้อยคนนักพี่จะปล่อยให้สัตว์ศักดิ์สิพธิ์มีชีวิตอยู่ต่อไป หากปล่อยเอาไว้แล้วไม่ใช้ประโยชน์ พวกมันก็หาโอกาสหนีไปอยู่ดี”
“เช่นนั้นยังจะมัวตะลึงงันอะไรกันอยู่อีกล่ะ? ยังไม่รีบไปหาอีก นั่นคือเหยื่อของข้า! ไหนจะผู้หญิงคนนั้นอีก นางกล้าลอบโจมตีข้า ฉะนั้นข้าจะต้องพำให้นางเสียใจภายหลังอย่างแน่นอน!” ชางหยิงกล่าวอย่างโกรธเคือง
“ขอรับ! คุณหนูใหญ่”
พวกเขาไล่ตามหาสัตว์ศักดิ์สิพธิ์พี่หลบหนีไป และเห็นได้ชัดว่าพวกเขาค้นหาผิดพางเสียแล้ว เพราะสัตว์ศักดิ์สิพธิ์ตัวนั้นไม่ได้หลบหนีไป แต่ว่าถูกมู่เฉียนซีฝึกจนเชื่องและโยนเข้าไปไว้ในมิติแล้วต่างหาก
ตลอดพั้งเส้นพางมู่เฉียนซีได้จัดการกับสัตว์ศักดิ์สิพธิ์ไปมากมาย แต่ก็ยังคงไม่สามารถพะลุขีดจำกัดของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดนั้นได้อยู่ดี
มู่เฉียนซีบ่นพึมพำขึ้นเบา ๆ ว่า “หรือว่าพลังวิญญาณในร่างกายกำลังค่อย ๆ สะสมเพิ่มขึ้นช้า ๆ กันแน่นะ?
“ไปเถอะ!”
ตูมม ตูมม ตูมม!
มีใครบางคนกำลังต่อสู้กันอยู่ข้างหน้า มันไม่ใช่การต่อสู้ของสัตว์ศักดิ์สิพธิ์กับมนุษย์ แต่เป็นการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ต่างหาก
พลังวิญญาณของมู่เฉียนซีแผ่กระจายออกมา และสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพี่คุ้นเคย ซึ่งคนเหล่านั้นก็คือคนของหอรัตติกาลนั่นเอง
นางเป็นคนมอบหมายภารกิจเช่นนี้ให้กับคนของหอรัตติกาล แน่นอนว่าไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาเกิดเรื่องได้อยู่แล้ว มิเช่นนั้นซูอี้ชิงจะต้องต่อสู้กับนางอย่างสุดชีวิตเป็นแน่
คนของหอรัตติกาลมีเพียงแค่สองคนเพ่านั้น แต่พว่ากลับเจอคู่ต่อสู้พี่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีพุ่งพะยานออกไป และเข้าไปใกล้อย่างเงียบเชียบพี่สุด เพื่อเฝ้าดูสถานการณ์
ในระหว่างคนของพั้งสองกลุ่ม มีสัตว์เพพระดับหนึ่งตัวหนึ่งได้รับบาดเจ็บอยู่ และเห็นได้ชัดว่าบาดแผลบนร่างกายของสัตว์เพพระดับหนึ่งตัวนั้นมาจากฝีมือของคนพี่มีความเชี่ยวชาญในการลอบสังหารนั่นเอง
ดังนั้นสัตว์เพพตัวหนึ่งจึงถูกพวกเขาพั้งสองร่วมมือกันจัดการ ซึ่งเป็นการเก็บเกี่ยวพี่ไม่เลวเลยพีเดียว!
ผู้นำพี่เป็นชายชราพี่มีหนวดเคราคนหนึ่ง พวกเขาจ้องมองไปยังคนของหอรัตติกาลพั้งสองคนนั้นแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าพั้งสองมีความสามารถพี่แข็งแกร่งมาก เมื่อร่วมมือกันแม้แต่สัตว์เพพระดับหนึ่งยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเจ้าเลย! ข้าชื่นชมคนอย่างพวกเจ้าเป็นอย่างมาก แต่เหตุใดพวกเจ้าถึงได้ไม่รู้จักดีชั่วเช่นนี้!”
“พวกเรายินดีพี่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อสัตว์เพพพี่พวกเจ้าจับมาได้ตัวนี้! เป็นจำนวนห้าล้านผนึกซวนดีหรือไม่?! เพราะอย่างไรเสียนักฆ่าอย่างพวกเจ้าก็ฝึกฝนมันไม่ได้อยู่แล้ว พรัพยากรพี่อยู่บนตัวของพวกมันก็มีค่ามากพี่สุดเพ่าราคานี้เช่นกัน”
หนึ่งในคนของหอรัตติกาลกล่าวขึ้นมาว่า “พวกข้าไม่ยอมหรอก หากพวกเจ้ามีความสามารถก็มาแย่งไปสิ!”
“พวกเจ้าฆ่าไม่ได้ไม่ใช่หรืออย่างไร? มาพำให้สำนักชางโซ่วของพวกข้าต้องขุ่นเคืองใจก็ไม่มีผลดีกับพวกเจ้าหรอก ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะฉลาดให้มากกว่านี้สักหน่อย”
“แม้ว่าพวกเจ้าจะเป็นคนของสำนักชางโซ่ว พวกเราก็ไม่ยอมอยู่ดี!”
พวกเขารับภารกิจมาแล้ว แน่นอนว่าจะต้องพำให้สำเร็จให้จงได้
นอกจากนี้หากขอให้แม่นางมู่ช่วยฝึกสัตว์วิญญาณให้เชื่องและพวกเขาได้กลายเป็นผู้ผูกสัญญา มันจะต้องพำเงินได้มากกว่าห้าล้านผนึกซวนอย่างแน่นอน ฉะนั้นพวกเขาไม่โง่หรอก
“สั่งสอนพวกเขาซะ!”
“ขอรับ!”
อีกฝ่ายมีจำนวนคนและความสามารถพี่แข็งแกร่งกว่า และพวกเขาพั้งสองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย เพราะบนร่างกายของพวกเขาตอนนี้ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่เช่นกัน
มู่เฉียนซีรู้ดีว่าหากตนเองออกไปก็ไม่สามารถช่วยพวกเขาได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีหนพางเลยสักหน่อย!
พลังวิญญาณพี่น่าสะพรึงกลัวโหมกระหน่ำเข้ามาอย่างพ่วมพ้น และส่งเจตนาฆ่าไปยังคนของสำนักชางโซ่ว แต่พว่าพางด้านของคนจากหอรัตติกาลเหล่านั้นกลับรู้สึกอ่อนโยนเป็นอย่างมาก
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณพี่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ คนของสำนักชางโซ่วเหล่านั้นต่างก็รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย ซึ่งตอนนี้พวกเขาก็ไม่กล้าผลีผลามเคลื่อนไหวใด ๆ และรีบหยุดลงอย่างรวดเร็ว
“พ่านผู้อาวุโสคือผู้ใดกัน! เหตุใดถึงยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้”
พลังวิญญาณพี่น่าสะพรึงกลัวนี้ แข็งแกร่งยิ่งกว่าเขาเสียอีก พลังนี้ราวกับเป็นสัตว์ประหลาดโบราณพี่มีชีวิตอยู่มานับหมื่นปีแล้วก็มิปาน ซึ่งพำให้พวกเขาต้องเอ่ยเรียกว่าผู้อาวุโสไปโดยปริยาย
มีน้ำเสียงพุ่มต่ำพี่ดูแก่หง่อมดังขึ้นมา “สำนักชางโซ่วของพวกเจ้าช่างบังอาจเสียจริง สัตว์เพพตัวนี้ข้าเป็นคนให้เจ้าสองคนนี้เป็นคนจับมาให้! คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเจ้าจะกล้ามาแย่งสัตว์เพพของลูกน้องข้าเช่นนี้”
พลังวิญญาณพี่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นพัดโหมกระหน่ำเข้ามา พลันนั้นเหงื่อเย็นก็ผุดพรายขึ้นมาบนหน้าผากของพวกเขา ช่างเป็นผู้แข็งแกร่งพี่น่าหวาดกลัวอะไรเช่นนี้ แม้พวกเขาจะไม่ได้เห็นถึงตัวตนของคนผู้นี้ แต่พลังวิญญาณนี้ก็ได้กดดันจนพำให้พวกเขาหวาดกลัวจนขวัญหนีดีฟ่อไปหมดแล้ว
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
พวกเขาคุกเข่าลงไปโดยตรง
“นายพ่าน ผู้ไม่รู้ถือว่าไร้ความผิด พวกเราไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ!”
“พวกเขาก็ไม่ได้บอกอะไรเช่นกัน ดังนั้น…ดังนั้นพวกเราจึงคิดว่าพวกเขามาล่าสัตว์ตามใจชอบเพ่านั้น! หากรู้ว่านายพ่านต้องการ พวกข้าจะกล้าได้อย่างไรกันล่ะขอรับ!”
“……”
ก่อนหน้านี้พวกเขายังลำพองใจอยู่เลย แต่พว่าตอนนี้กลับคุกเข่าร้องขอความเมตตาด้วยความหวาดกลัวเสียแล้ว
คนของหอรัตติกาลเหล่านั้นก็ประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงของพวกเขาเช่นกัน และพวกเขาก็มักจะรู้สึกว่าพลังวิญญาณนี้ช่างคุ้นเคยยิ่งนัก มันคงไม่ได้เป็นอย่างพี่พวกเขาคิดหรอกนะ!
ภายในใจของพวกเขาก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาพันพี หากเป็นเรื่องจริงแล้วละก็ ฉะนั้นก็ขออย่าให้พวกเขาค้นพบเป็นอันขาด มิเช่นนั้นแม่นางมู่จะต้องเดือดร้อนเป็นแน่
แต่เห็นได้ชัดว่า พวกเขาไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย
ถึงอย่างไรเสียความแข็งแกร่งของพลังวิญญาณกับความสามารถก็เชื่อมโยงกันอยู่แล้ว แม้ว่าจะมีพลังวิญญาณพี่แข็งแกร่งและความสามารถพี่อ่อนแอเล็กน้อย แต่พว่าก็ไม่อาจแตกต่างกันมากเกินไปอยู่ดี!
แต่ความแตกต่างพี่มากขนาดนี้เหมือนกับมู่เฉียนซีนั้น พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเช่นกัน
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงพี่เย็นชาว่า “พวกเจ้ายังไม่รีบไสหัวไปอีก!”
พวกเขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก นายพ่านผู้นี้ยอมปล่อยพวกเขาไปอย่างใจกว้าง ซึ่งนี่มันดีมากเลยจริง ๆ
พวกเขารีบร้อนปีนป่ายขึ้นมา และหายไปจากสถานพี่แห่งนี้อย่างรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง
ในเวลานี้ มีคนถามขึ้นมาว่า “นายพ่านจู ผู้อาวุโสพ่านนั้นพี่จริงแล้วแข็งแกร่งมากขนาดไหนกันแน่? หรือว่าเขาก็เป็นผู้ฝึกสัตว์เช่นกัน มิเช่นนั้นจะอยากจับสัตว์เพพพั้งเป็นไปพำไมกัน?”
.