ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2060 ฝึกสัตว์ต่อหน้าสาธารณชน
อย่างไรเสียการเคลื่อนไหวของชางหยิงก็ได้ทำให้สำนักชางโซ่วกลายเป็นที่สนใจเป็นอย่างมาก และผู้ฝึกสัตว์ที่ดูสะดุดตามากในตอนนี้ ก็ได้ระเบิดความทะนงตัวขึ้นมาอย่างเต็มที่
แม้ว่าจะฝึกให้เชื่องไม่ได้ แต่เพียงแค่พากลับไปด้วย คาดว่าผู้คนน่าจะรู้ว่าเขาก็คือผู้ฝึกสัตว์ที่สามารถฝึกสัตว์เทพระดับสองให้เชื่องได้ สิ่งนี้จะเป็นเรื่องที่สร้างชื่อเสียงให้เขาได้มากมายเลยทีเดียว
สัตว์เทพที่ยังไม่ได้ฝึกตัวหนึ่งก็ใช้เงินไม่มากเท่าไรนัก เมื่อเห็นอีกฝ่ายเพิ่มราคา คราวนี้ผู้ฝึกสัตว์ผู้นั้นจึงเป็นคนริเริ่มให้ชางหยิงเพิ่มราคาต่อไป
“สิบเอ็ดล้าน!” ชางหยิงเพิ่มราคาต่อไปอย่างตื่นเต้น
“ยี่สิบล้าน!”
“บัดซบเอ้ย!” ชางหยิงขบฟันด้วยความเกลียดชัง ไม่ง่ายที่จะได้พบกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ ฉะนั้นนางไม่มีทางยอมแพ้แน่นอนอยู่แล้ว
ด้วยเหตุนี้นางจึงกล่าวว่า “ยี่สิบเอ็ดล้าน!”
“สามสิบล้าน!”
อย่างไรเสียต่อไปนี้ก็คือการแข่งขันของคุณหนูใหญ่ของสำนักชางโซ่วกับลูกน้องของคุณชายชิงหลงผู้นั้น คุณชายชิงหลงร่ำรวยและมีอำนาจมาก และดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเลยว่าราคาจะสูงมากแค่ไหน ซึ่งมันก็ทำให้หัวใจของชางหยิงเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
“หนึ่งร้อยสิบล้าน!” นางตะโกนกล่าว
ตอนนี้ได้ถึงขีดจำกัดของสำนักชางโซ่วแล้ว หากสูงไปกว่านี้เกรงว่าพวกเขาจะจ่ายไม่ไหวอีกแล้ว
“ท่านอาจารย์ พวกเราควรจะทำอย่างไรกันดี?”
ท่านปรมาจารย์จูกล่าวว่า “ที่ข้ายังมีอีก สามารถให้เจ้ายืมได้อีกนิดหน่อย! เมื่อถึงเวลาเพียงแค่รายงานท่านเจ้าสำนักก็พอแล้ว”
“ท่านอาจารย์ ท่านเป็นคนใจดีจริง ๆ เลย”
แม้ว่าราคาจะสูงจนมาถึงหนึ่งร้อยล้านผนึกซวนแล้ว แต่ทางด้านของคุณชายชิงหลงก็ยังคงกล่าวต่อไปว่า “หนึ่งร้อยยี่สิบล้าน!”
“หนึ่งร้อยสามสิบล้าน!” ชางหยิงกล่าวต่อ
และเวลานี้ มู่เฉียนซีก็โบกมือพลางกล่าวว่า “เสี่ยวเหลิ่ง พวกเราไปทางนั้นกันเถอะ!”
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก!” ซูอี้ชิงได้ยินเสียงเคาะประตูอีกครั้ง
ลูกน้องผู้นั้นไปเปิดประตู และเห็นว่าไม่ได้มีเพียงเหลิ่งหนิงจือเท่านั้น แต่ยังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งด้วย
เขาคลี่ยิ้มจนตาหยีพลางกล่าวว่า “ท่านนี้ก็คือแม่นางมู่ใช่หรือไม่? เชิญด้านใน เชิญด้านในขอรับ คุณชายของพวกเราดีใจมากที่ท่านมาถึงที่นี่ได้”
สุดท้ายคุณชายชิงหลงก็กล่าวด้วยเสียงที่เย็นชาว่า “ใครให้ต้อนรับนางกัน ให้นางออกไปเดี๋ยวนี้”
ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะไม่ได้ยินคำสั่งไล่แขกของคุณชายชิงหลงนั่นแต่อย่างใด ฉะนั้นนางจึงก้าวเท้าเข้ามา และจ้องมองไปยังชายหนุ่มที่สวมหน้ากากสีเขียวผู้นั้น
ด้วยการปรากฏตัวของเขาในฐานะคุณชายชิงหลง ทำให้เจตนาฆ่าที่ถึงขั้นพรากชีวิตได้นั้นลดน้อยลง แต่กลับมีกลิ่นอายที่ดูสูงส่งเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทำให้คนรู้สึกได้ถึงความเหนือชั้นกว่ามาก
มู่เฉียนซีนั่งลงอย่างไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย จากนั้นนางก็มองไปทางเขาแล้วกล่าวว่า “ไม่จำเป็นที่จะต้องแข่งขันกับคนผู้นั้นอย่างดุเดือดอีกต่อไปแล้ว เพราะข้ายังมีอยู่อีกวิธีหนึ่ง”
คุณชายชิงหลงกว่าวอย่างเย็นชาว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีความคิดที่ชั่วร้ายอะไรอีกแล้วสินะ?”
“มันเป็นความคิดที่ดีมากต่างหาก เจ้านี่พูดให้มันน่าฟังหน่อยไม่ได้เลยหรืออย่างไรกัน” มู่เฉียนซีกล่าวพลางกลอกตาไปทางเขา
ซูอี้ชิงได้สั่งให้คนของเขาหยุดแข่งขันราคา และสุดท้ายสัตว์เทพระดับสองตัวนั้นก็ได้ถูกชางหยิงประมูลไปในราคาร้อยห้าสิบล้าน ไม่ว่าจะเป็นางหรือว่าผู้ฝึกสัตว์ผู้นั้นต่างก็รู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัสเช่นกัน
แต่ทว่าคนหนึ่งในพวกเขากำลังคิดว่าตนเองจะได้มีสัตว์เทพระดับสองเป็นสัตว์พันธสัญญาแล้ว ส่วนอีกคนก็คิดว่าสามารถสร้างชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่ได้แล้ว พวกเขาต่างรู้สึกว่าเงินที่จ่ายไปนั่นคุ้มค่ายิ่งนัก
คุณชายชิงหลงกว่าถามว่า “เจ้ามีวิธีอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“ในเมื่อสำนักชางโซ่วสามารถประมูลสัตว์เทพระดับสองไปได้ ก็ย่อมต้องให้พวกเขาฝึกสัตว์ให้เชื่องในทันที หากมันเเกิดปัญหาอะไรขึ้นในภายหลัง พวกเขาก็อาจจะมาเอาเรื่องโรงประมูลตงเยว่ได้ไม่ใช่หรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวตอบ
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นคนเปิดโรงประมูลตงเยว่เองอย่างนั้นหรือ? เขาจะเชื่อฟังเจ้าหรืออย่างไรกัน?” คุณชายชิงหลงกล่าวอย่างเย็นชา
“เสี่ยวเหลิ่ง เจ้าไปเชิญผู้ดูแลเยว่มานี่นี่หน่อย”
ทันทีที่ผู้ดูแลเยว่เดินทางมาถึง เขาก็ได้ฟังคำพูดที่ดูสมเหตุสมผลนั้นของมู่เฉียนซี และด้วยความสัมพันธ์ที่ดูไม่ธรรมดาของพวกเขากับหมอปีศาจ ดังนั้นเขาจึงยอมที่จะขายคนอื่นเพื่อให้เกียรติแก่หมอปีศาจสักครั้ง
แต่ทว่า…
ผู้ดูแลเยว่กลับมองไปทางชายชุดคลุมสีเขียวที่ดูเย็นชาผู้นั้น เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถตัดสินใจเองได้
พลันนั้นคุณชายชิงหลงก็ส่งสัญญาณให้แก่ผู้ดูแลเยว่ จากนั้นผู้ดูแลเยว่จึงพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไปแจ้งในทันที”
และก่อนที่เยว่จีจะออกไปจากสถานที่จัดงาน นางก็ได้รับคำสั่งใหม่ ดังนั้นนางจึงกล่าวขึ้นมาอีกครั้งว่า “ทุกท่านโปรดอยู่ก่อน ข้ายังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องแจ้งให้ทราบ”
คนที่เดิมทีกำลังจะออกไป เมื่อได้ยินคำพูดของสาวงามจึงหยุดเดินและนั่งลงอีกครั้ง และกล่าวถามว่า “เยว่จี หรือว่ายังมีสินค้าใหม่มาให้ประมูลอีกอย่างนั้นหรือ?”
เยว่จีกล่าวต่อไปว่า “สินค้าที่ประมูลไปชิ้นสุดท้ายนั้น เนื่องจากว่ามันมีความอันตรายในตัวเองเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหา ฉะนั้นคนที่ประมูลมันไปจะต้องทำการฝึกสัตว์เทพระดับสองตัวนี้ต่อหน้าสาธารณชน ถึงจะสามารถเอามันออกไปจากโรงประมูลแห่งนี้ได้”
“ท่านปรมาจารย์จู ท่านโปรดช่วยฝึกสัตว์เทพระดับสองตัวนี้ให้เชื่องเลยได้หรือไม่?” เยว่จีมองไปยังห้องส่วนตัวของสำนักชางโซ่วห้องนั้น
ปัง!
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผู้ฝึกสัตว์ผู้นั้นก็ได้ตบลงไปบนโต๊ะและลุกขึ้นมากล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “โรงประมูลตงเยว่ของพวกเจ้าหมายความว่าอย่างไรกันแน่? เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงได้ไม่พูดให้ชัดเจน เพิ่งมาบอกอะไรตอนนี้ คิดจะล้อข้าเล่นอย่างนั้นหรือ?”
การทำตัวหยาบคายต่อหน้าสาวงามเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องทำให้คนที่ชื่นชอบแม่นางเยว่จีโกรธเคืองขึ้นมาอยู่แล้ว
“นี่มันก็สมเหตุสมผลเป็นอย่างมากแล้ว ท่านปรมาจารย์จูท่านจะโกรธไปทำไมกัน?”
“โรงประมูลตงเยว่ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ขายสัตว์เทพให้พวกท่านนี่”
“……”
แม้แต่ชางหยิงก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากเช่นกัน ดังนั้นนางจึงกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ หากท่านฝึกสัตว์เทพระดับสองนี้ต่อหน้าทุกคน หลังจากนี้ไปคาดว่าคนเหล่านี้จะต้องให้ความเคารพนับถือต่อท่านมากขึ้นเป็นแน่ เช่นนั้นมันก็จะน่าดูชมมากเลยทีเดียวนะเจ้าคะ”
“หลังจากที่ท่านอาจารย์ฝึกมันให้เชื่องแล้ว ข้าจะได้ผูกพันธสัญญากับมันที่นี่เลย เมื่อถึงตอนนั้นคนอื่นจะต้องอิจฉาข้ามากเป็นแน่! ท่านอาจาร์ยท่านไปเถอะ! ท่านไปเลย! ทำไมท่านถึงเงียบไปล่ะ?”
สีหน้าของปรมาจารย์จูซีดเผือด เขารู้ความสามารถของเขาดี
เมื่อเห็นว่าปรมาจารย์ท่านนี้นิ่งเงียบไป คนอื่น ๆ ต่างก็พากันประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“หรือว่าสำนักชางโซ่วจะทำอะไรเกินตัวเพื่อรักษาหน้าตัวเอง เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าฝึกสัตว์เทพระดับสองนี้ให้เชื่องไม่ได้ แล้วยังจะเสียเงินมากมายขนาดนั้นมาประมูลสัตว์เทพระดับสองนี้ไปอีก”
“แม้แต่สัตว์เทพระดับสองเช่นนี้ก็ยังไม่กล้าไปฝึกเลย สำนักชางโซ่วก็ไม่เห็นจะเท่าไรเลยนี่น่า!”
“……”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ชางหยิงก็กล่าวขึ้นมาด้วยความโกรธว่า “พวกเจ้าอย่ามาพูดจาไร้สาระ! ท่านอาจารย์ของข้าจะฝึกสัตว์เทพระดับสองตัวนี้ไม่ได้ได้อย่างไรกัน พวกเจ้าอย่าได้มาดูถูกสำนักชางโซ่วมากเกินไปนักเลย”
“ท่านอาจารย์ ท่านรีบ…”
เพียะ!
คำพูดของชางหยิงยังไม่ทันจบ ก็ถูกฝ่ามือของผู้ฝึกสัตว์ผู้นั้นฟาดลงไปบนใบหน้า และใบหน้าเล็ก ๆ นั่นของนางก็บวมแดงขึ้นมาในทันที
“โง่เง่าสิ้นดี!” ตบยังไม่พอ เขายังตำหนินางด้วยความโมโหอีกด้วย
“ท่านอาจารย์! ท่านตบข้า ท่านด่าข้า ฮือออออ!” ชางหยิงตกตะลึงและร้องไห้โฮออกมาทันที
เวลานี้ยากที่จะลงจากหลังเสือได้แล้ว หากไม่ลงสนามแล้วละก็ เขาจะต้องกลายเป็นตัวตลกแห่งโลกของผู้ฝึกสัตว์อสูรเป็นแน่
แต่หากไปแล้วละก็ มันก็จะเสี่ยงมากเลยทีเดียว!
ดูท่าคงทำได้เพียงเท่านี้แล้ว!
เขาหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมา หลังจากนั้นเขาก็กลืนยาเม็ดนั้นลงไป เขาอุตส่าห์ใช้ยาอันล้ำค่านี้ไปอย่างสิ้นเปลืองเช่นนี้แล้ว ฉะนั้นเขาจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
และต้องบอกเลยว่ายาลูกกลอนเม็ดนี้ เป็นยาที่เจ้าสำนักหมอทมิฬเป็นผู้กลั่นออกมาด้วยตนเองเลยทีเดียว
“เอาล่ะ! เช่นนั้นก็เอาสัตว์เทพระดับสองตัวนั้นออกมาให้ข้าฝึกเถอะ!” ปรมาจารย์จูกล่าวด้วยพลังอันท่วมท้น
ทันใดนั้นแววตาของทุกคนก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที ดูท่ากำลังจะมีการแสดงดี ๆ ให้พวกเขาได้ดูแล้ว!
ก่อนที่จะฝึกให้เชื่อง โรงประมูลก็ได้ให้สำนักชางโซ่วจ่ายเงินค่าสัตว์เทพระดับสองตัวนี้มาก่อน หลังจากนั้นปรมาจารย์จูก็ยืนอยู่บนเวทีของงานประมูล และได้เผชิญหน้ากับสัตว์เทพระดับสองตัวนั้น
“โฮกกกก!” พลันนั้นสัตว์เทพระดับสองตัวนี้ก็คำรามใส่ปรมาจารย์จูอย่างบ้าคลั่ง
คุณชายชิงหลงกล่าวว่า “ดูท่าแล้วเขาจะมั่นใจในตนเองมากทีเดียว อะไรทำให้เจ้าแน่ใจว่าเขาจะทำไม่ได้กันล่ะ! หากเขาสามารถทำได้สำเร็จ เจ้าสัตว์เทพระดับสองที่เจ้าชอบตัวนี้ก็คงจะต้องตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นเป็นแน่”
.