ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2061 เอาใจใส่เจ้า
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้ายอมรับว่าเจ้าประมูลสัตว์เทพตัวนี้ก็เพื่อมอบให้ข้าเป็นของขวัญขอบคุณอย่างนั้นสินะ!”
ใบหน้าภายใต้หน้ากากของคุณชายชิงหลงมืดมนลงทันที และกล่าวว่า “ข้าก็ไม่เคยปฏิเสธนี่”
“ก่อนหน้านี้ไม่นานคนของสำนักชางโซ่วเหล่านั้นมารังแกเหล่าลูกน้องของเจ้า และข้าก็เคยทดสอบพลังวิญญาณของชายชราคนนั้นมาก่อน ซึ่งเขาแทบจะไม่สามารถฝึกสัตว์เทพระดับหนึ่งให้เชื่องได้เลยด้วยซ้ำ แล้วนับประสาอะไรกับสัตว์เทพระดับสองกันล่ะ” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างใจเย็น
และในเวลานี้ ปรมาจารย์จูท่านนั้นก็เริ่มทำการฝึกสัตว์อสูรแล้ว ซึ่งพลังวิญญาณของเขานั้นดูจะแข็งแกร่งไม่น้อยเลย
คุณชายชิงหลงกล่าวว่า “บางทีคราวนี้เจ้าอาจจะตัดสินใจผิดพลาดไปก็ได้นะ?”
“ตอนนี้เขาแตกต่างจากเดิมมากทีเดียว คาดว่าเขาน่าจะใช้ยาเพื่อเพิ่มพลังวิญญาณของเขา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังขาดคุณสมบัติอีกเล็กน้อยอยู่ดี! แต่เจ้าอย่าลืมว่านี่ไม่ใช่สัตว์เทพระดับสองธรรมดา ฉะนั้นเจ้ารอชมการแสดงดี ๆ ไปเถอะ!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างหยอกล้อ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์เทพระดับสองตัวหนึ่งเช่นนี้ ภายในใจของปรมาจารย์จูก็รู้สึกกระวนกระวายมากเลยทีเดียว
ทว่าในเมื่อง้างคันธนูอย่างเต็มที่แล้ว ฉะนั้นจะไม่ยิงออกไปได้อย่างไร ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเสียใจภายหลังอีกแล้ว
ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำได้เพียงเดินหน้าอย่างดึงดัน และแผ่กระจายพลังวิญญาณออกไป ซึ่งพลังวิญญาณของเขาในตอนนี้ก็แข็งแกร่งไม่น้อยเลยทีเดียว อีกทั้งมันยังสามารถตรึงสัตว์เทพระดับสองตัวนั้นเอาไว้ได้อีกด้วย
ในตอนแรกนั้นปรมาจารย์จูสามารถดำเนินการไปได้อย่างราบรื่นมาก ดังนั้นเขาจึงรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมามากเลยทีเดียว แต่ทว่าเพียงไม่นานสัตว์เทพตัวระดับสองตัวนั้นก็เริ่มต่อต้านขึ้นอย่างรุนแรง และการต่อต้านนี้ก็ทำให้เขาปวดหัวจะแทบจะระเบิด!
ตอนนี้ปรมาจารย์จูเริ่มตาเหลือกด้วยความเจ็บปวดทรมานอย่างยากจะทนไหว ทุกคนที่อยู่โดยรอบต่างพากันกล่าวอย่างตื่นตระหนกว่า “พระเจ้า! ปรมาจารย์จูกำลังจะแย่แล้ว”
“คนของโรงประมูลล่ะ! รีบให้คนของโรงประมูลมาช่วยเหลือเร็วเข้า มิเช่นนั้นปรมาจารย์จูจะต้องกลายเป็นคนบ้าไปเป็นแน่”
“เด็ก ๆ!”
“ปรมาจารย์จูไม่เจียมตัวเกินไปแล้ว มาอวดอ้างความสามารถเช่นนี้ได้อย่างไร?”
คนของโรงประมูลตงเยว่ก็ไม่อยากให้เกิดปัญหาจนถึงแก่ชีวิตเช่นกัน ดังนั้นจึงให้นักฝึกสัตว์ของโรงประมูลเข้าช่วยเหลือ แต่ทว่านักฝึกสัตว์เหล่านั้นก็หมดหนทางช่วยเหลือเช่นกัน อีกทั้งยังทำให้ตนเองต้องเข้าไปติดกับอีกด้วย
ในเวลานี้ผู้ดูแลเยว่เริ่มกังวลใจขึ้นแล้ว เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะฆ่าสัตว์เทพระดับสองตัวนั้นไป แต่ก็ไม่อาจที่จะช่วยคนได้อยู่ดี ทว่าในเวลานี้กลับมีพลังวิญญาณอื่นเพิ่มเข้ามา และมันก็ได้ทำให้สัตว์เทพระดับสองที่บ้าคลั่งอยู่ตอนนี้เริ่มค่อย ๆ สงบลง
ทุกคนต่างก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังวิญญาณนั้นถูกปลดปล่อยออกมาจากที่ใด “เป็นห้องส่วนตัวโม่เยว่ห้องนั้น!”
“ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยแข่งขันกับสำนักชางโซ่วด้วย! ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาสามารถแข่งขันได้ เพราะพวกเขามีผู้ฝึกสัตว์มากความสามารถอยู่ที่นี่ด้วยนั่นเอง!”
“หากไม่มีความสามารถที่เพียงพอ ก็อย่าคิดที่จะลงมือทำเลยดีกว่าจริง ๆ!”
คนที่อยู่ข้างกายคุณชายชิงหลงก็มองไปทางมู่เฉียนซีอย่างประหลาดใจเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าแม่นางน้อยที่ได้รับการปฏิบัติจากคุณชายต่างออกไปผู้นี้จะเป็นนักฝึกสัตว์ที่ยอดเยี่ยมมากถึงเพียงนี้
ตึง!
ปรมาจารย์จูล้มลงไปกองอยู่บนพื้น และสุดท้ายเขาก็ไม่ได้กลายเป็นคนบ้าไปแต่อย่างใด
ทว่าเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ดี และอย่างน้อยภายในหนึ่งปีปรมาจารย์จูผู้นี้ก็จะไม่สามารถฝึกสัตว์ได้ อีกทั้งภายในสามปีนี้เขาก็จะไม่สามารถฝึกสัตว์เทพได้อีกด้วย
ในขณะที่เขาตกอยู่ในความหวาดกลัว ชางหยิงที่ได้เห็นฉากที่น่าเหลือเชื่อฉากนั้น ก็ตัวแข็งทื่อไปด้วยความตื่นตะลึง ในตอนนี้นางก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอาจารย์ของตนเองนั้นจะไม่สามารถฝึกสัตว์เทพระดับสองให้เชื่องได้
เยว่จีกล่าวว่า “ปรมาจารย์จูแห่งสำนักชางโซ่ว ท่านยังต้องการสัตว์เทพตัวนี้อยู่อีกหรือไม่? หากท่านไม่ต้องการแล้วละก็ ท่านสามารถขายต่อให้กับคุณชายชิงหลงได้ หลังจากนั้นคนของคุณชายชิงหลงจะเป็นผู้ฝึกสัตว์เทพระดับสองตัวนี้เอง”
สีหน้าของปรมาจารย์จูดูสับสนเล็กน้อย เขากล่าวว่า “คิดไม่ถึงเลยว่านั่นคือคุณชายชิงหลง เป็นเพราะข้าไม่รู้ตัวตนของเขา หากข้ารู้ข้าไม่มีทางที่จะแข่งขันด้วยอย่างแน่นอน!”
“ข้ายอมขายสัตว์เทพตัวนี้ต่อให้กับคุณชายชิงหลง”
ชางหยิงกล่าวว่า “มันคือของข้านะ ท่านอาจารย์ มันคือของของข้า สัตว์เทพนั่น ท่านขายต่อให้คนอื่นได้อย่างไรกัน! ข้าไม่เห็นด้วยหรอก!”
อารมณ์ของปรมาจารย์จูในเวลานี้ไม่ดีเป็นอย่างมาก ยิ่งเมื่อได้ยินคำพูดของชางหยิงก็ยิ่งโมโหมากขึ้นไปอีก หากไม่ใช่เพราะแม่สาวน้อยที่โง่เขล่าผู้นี้ วันนี้เขาก็คงไม่ต้องมาขายหน้าเช่นนี้หรอก
ปรมาจารย์จูกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้เจ้าหุบปากไปเสียทีจะได้หรือไม่?!”
ในเวลานี้ นี่คือวิธีที่ดีที่สุดที่จะหยุดความสูญเสียที่กำลังจะเกิดขึ้น อย่างไรเสียคนของสำนักชางโซ่วก็ไม่สามารถฝึกสัตว์เทพระดับสองนี้ให้เชื่องได้อยู่ดี และมองไม่ออกเลยว่าหากเจ้าสิ่งนี้หนีออกมาทำร้ายผู้อื่นก็จะยิ่งเป็นปัญหามากเพียงใด
เยว่จีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ทราบว่าปรมาจารย์จูต้องการจะเสนอราคาสูงแค่ไหนอย่างนั้นหรือ?”
“หนึ่งร้อยสี่สิบล้าน! นี่คือราคาที่คุณชายชิงหลงเสนอไปก่อนหน้านี้ ถือว่าข้าขาดทุนไปสักเล็กน้อยก็แล้วกัน!” ปรมาจารย์จูกล่าวตอบ
เยว่จีกล่าวว่า “สัตว์เทพตัวนี้จะถูกฝึกให้เชื่องได้โดยคนของคุณชายชิงหลง หากไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ฝึกสัตว์ของคุณชายชิงหลง ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจผูกพันธสัญญากับมันได้ ฉะนั้นดูเหมือนว่าราคาของสัตว์เทพตัวนี้จะไม่ค่อยสูงเท่าไรนัก! ปรมาจารย์จูราคานี้ของท่านเหมือนจะสูงเกินไปหน่อยแล้ว”
“แม่นางเยว่จีเช่นนั้นเจ้าคิดว่าราคาเท่าไรถึงจะเหมาะสมอย่างนั้นหรือ?”
“สิบล้าน!” เยว่จีกล่าวตอบ
สีหน้าของปรมาจารย์จูแข็งทื่อไปในทันที ผู้หญิงคนนี้จะต่อราคามากเกินไปหน่อยหรือไม่!
“หากท่านปรมาจารย์ไม่เห็นด้วยแล้วละก็ เช่นนั้นท่านโปรดเอามันกลับไปด้วยเถิด! หากท่านสามารถเอากลับไปด้วยได้ล่ะก็นะ”
มุมปากของปรมาจารย์จูกระตุกอย่างบ้าคลั่ง เวลานี้เขาทำได้เพียงแค่ยอมรับผลลัพธ์ที่ยากจะยอมรับได้นี้เท่านั้น ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่า “ตกลง เช่นนั้นก็ราคาสิบล้าน!”
มู่เฉียนซีที่อยู่ภายในห้องส่วนตัวกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชายชิงหลง เจ้าว่าแม่นางเยว่จีผู้นั้นกำลังสนใจเจ้าอยู่หรือไม่! เจ้าดูสิ เจ้ายังไม่ทันเอ่ยกดราคาออกมาด้วยตนเองเลย แต่นางกลับช่วยท่านกดราคาเสียต่ำถึงเพียงนั้นแล้ว นี่มันสามารถช่วยเจ้าประหยัดได้มากเลยทีเดียวนะ”
คุณชายชิงหลงกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “เจ้านี่พูดจาไร้สาระเก่งจริง ๆ”
“เจ้าอย่ามาปฏิเสธไปหน่อยเลยน่า! มันต้องเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว!”
หลังจากที่ปรมาจารย์จูได้รับเงินมาแล้ว เขาก็สะบัดแขนเสื้อจากไปด้วยความโกรธเคืองทันที
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เงินจากร้อยห้าสิบล้านกลายเป็นเพียงสิบล้านเลย นอกจากนี้เขายังต้องอับอายขายหน้าอีกด้วย และคาดว่าคงจะไม่มีผู้ใดได้พบหน้าเขาไปอีกสักระยะเลยทีเดียว
หลังจากนั้นเพียงไม่นานก็มีคนเอาสินค้าที่คุณชายชิงหลงประมูลได้มาส่ง นอกจากสมุนไพรกองหนึ่งแล้วก็ยังมีสัตว์เทพระดับสองอย่างมังกรคู่เปลวเพลิงน้ำแข็งอีกด้วย
และคนที่นำเอาของประมูลเหล่านี้มาส่งก็คือเยว่จีผู้ดำเนินการประมูลที่รูปร่างหน้าตางดงามผู้นั้นนั่นเอง นางกล่าวขึ้นมาว่า “คุณชายชิงหลง นี่คือสิ่งของที่ท่านประมูลมาได้ ท่านโปรดนับดูสักหน่อยเถิด”
คุณชายชิงหลงเหลือบมองไปทางมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “ยังไม่ไปนับดูอีก ของพวกนี้ไม่ใช่ของที่เจ้าต้องการอย่างนั้นหรือ?”
รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของเยว่จีแข็งทื่อไปทันที ความหมายของคุณชายก็คือ รายการประมูลที่มีราคาสูงลิ่วทั้งหมดนี้ล้วนมอบให้ผู้หญิงคนนี้เพียงคนเดียวอย่างนั้นหรือ?
นางไม่เคยเห็นว่าคุณชายจะปฏิบัติต่อผู้หญิงคนไหนดีเช่นนี้มาก่อนเลย!
มู่เฉียนซีกล่าวพลางหัวเราะออกมาเล็กน้อย “ในเมื่อเจ้าใจกว้างถึงเพียงนี้ เช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจก็แล้วกัน จะไม่เอาก็น่าเสียดายน่ะสิ!”
มู่เฉียนซีตรวจนับสิ่งของที่ประมูลมาอย่างไม่เกรงใจ ซึ่งมันก็ไม่ขาดหายไปเลยสักชิ้น หลังจากนั้นนางก็เก็บสิ่งของทั้งหมดไป แต่มีเพียงสัตว์เทพระดับสองตัวนี้เท่านั้นที่ยังคงอยู่กับที่และไม่ถูกเก็บไปด้วย
นี่ไม่ได้เกรงใจเลยแม้แต่น้อยนี่! เยว่จีตะลึงงันไปครู่หนึ่ง
“คุณชายชิงหลง!” ดวงตาที่งดงามคู่นั้นของเยว่จีจ้องมองไปที่คุณชายชิงหลงทันที
ชิงหลงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าออกไปได้แล้ว”
ด้วยท่าทางที่เมินเฉยของเขาที่มีต่อหญิงสาวผู้งดงาม ก็ทำเอาหัวใจของสาวงามแทบจะแหลกสลายไปเลยจริง ๆ! และมู่เฉียนซีก็ทำได้เพียงแต่ตำหนิเขาอยู่ภายในใจเท่านั้น
ส่วนเยว่จีก็ไม่ได้เซ้าซี้อีกต่อไป และกล่าวด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า “เช่นนั้นเยว่จีขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”
หลังจากที่เยว่จีออกไปแล้ว มู่เฉียนซีก็โบกมือให้กับเหลิ่งหนิงจือพลางกล่าวว่า “มันค่อนข้างเหมาะสมกับเจ้า เจ้าลองผูกพันธสัญญากับมันดูสิ”
เหลิ่งหนิงจือก็ไม่ได้เป็นคนที่ไม่มีเหตุผลเช่นกัน เพราะนี่คือความตั้งใจของเจ้านายที่ได้ตระเตรียมเอาไว้ให้นางเป็นพิเศษ ดังนั้นนางจึงไม่ทำให้มู่เฉียนซีต้องผิดหวัง และทำการผูกพันธสัญญากับมังกรคู่เปลวเพลิงน้ำแข็งตัววนี้ได้สำเร็จ
มู่เฉียนซีกล่าวกับคุณชายชิงหลงด้วยรอยยิ้มว่า “ต้องขอบคุณของขวัญขอบคุณของเจ้ามาก นี่ถือว่าเป็นของขวัญตอบแทนของข้า! หากมีคนต้องการละก็ เจ้าสามารถมอบมันให้คนผู้นั้นได้”
มู่เฉียนซีได้มอบขวดยาให้เขาสองสามขวด ซึ่งยาในขวดนั้นเหมือนกับยาที่เขากินแล้วทำให้ต้องได้รับความทุกข์ทรมานก่อนหน้านี้ไม่มีผิด
ในตอนที่มู่เฉียนซีและเหลิ่งหนิงจือเดินออกมาจากโรงประมูลตงเยว่ ก็ได้เผชิญหน้ากับเฮยฮั่นนายน้อยว่าที่เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬที่กำลังเฝ้ารอผู้คุ้มกันของเขาอยู่ใต้ต้นไม้พอดี ในตอนที่เขาได้เห็นใบหน้านั้นของมู่เฉียนซี เขาก็กล่าวขึ้นมาอย่างอาฆาตแค้นว่า “ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เองหรือ?”