ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2062 เจอกันอีกแล้ว
สำหรับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ มู่เฉียนซียังคงมีความทรงจำเกี่ยวกับเขาอยู่บ้างเล็กน้อย เขาก็คือนายน้อยว่าที่เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬที่เคยพบเจอมาแล้วสองสามครั้งนั่นเอง
ถึงจะต้องเผชิญหน้ากับนายน้อยผู้นี้ แต่มู่เฉียนซีกลับยังนิ่งสงบเป็นอย่างมาก นางกล่าวว่า “ช่างบังเอิญเสียจริง! พวกเราเจอกันอีกแล้วนะ”
แววตาของนายน้อยผู้นั้นฉายแววที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าออกมา พลางกล่าวว่า “ใช่แล้ว! ช่างบังเอิญเหลือเกิน คราวนี้ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะหนีไปได้อย่างไร?”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หนีหรือ? ข้าจำเป็นต้องหนีด้วยอย่างนั้นหรือ?”
ในตอนแรกเป็นเพราะนางพลาดเข้าไปยังอาณาเขตของอีกฝ่าย บวกกับจำนวนที่มากกว่าของอีกฝ่าย ทำให้นางไม่สามารถสู้ได้ จึงจำเป็นที่จะต้องหนีออกมาก็เท่านั้นเอง
แต่ทว่าตอนนี้นางอยู่ที่นี่ ซึ่งมีทั้งคนสนับสนุน มีทั้งเส้นสาย หากนายน้อยว่าที่เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬหวังว่าจะฆ่านางที่นี่แล้วละก็ นั่นนับว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
“ดูท่าแล้วเจ้าจะยังใจกล้าเหมือนเคยเลยนะ เช่นนั้นข้าจะคอยดูว่า หากนายน้อยอย่างข้าต้องการจะฆ่าคน จะมีผู้ใดที่จะมาปกป้องเจ้าได้บ้าง?”
และทันใดนั้นเฮยฮั่นก็เริ่มโจมตีมู่เฉียนซีทันทีทันใด
ในตอนที่มู่เฉียนซีกำลังจะเคลื่อนไหว ก็มีเสียงที่เย็นยะเยือกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “เฮยฮั่น เจ้าคิดว่าคุณชายอย่างข้าจะสามารถปกป้องนางได้หรือไม่?”
ทันใดนั้นร่างเงาสีเขียวร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้า ขณะเดียวกันนั้นความเคร่งขรึมก็ฉายวาบออกมาบนใบหน้าของเฮยฮั่นทันที
“คุณชายชิงหลง ท่านเป็นคนที่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
ในเวลานี้ผู้ดูแลเยว่ของโรงประมูลตงเยว่ก็เดินออกมาแล้วเช่นกัน เขากล่าวว่า “นายน้อยเฮย แม่นางท่านนี้เป็นแขกผู้มีเกียรติที่โรงประมูลตงเยว่ของพวกเราเป็นคนเชิญมา แต่ท่านกลับจะมาโจมตีคนอื่นที่หน้าโรงประมูลตงเยว่เช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่ไม่เห็นแก่หน้าโรงประมูลตงเยว่ของพวกข้าเลยจริง ๆ”
เฮยฮั่นไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ไม่ได้มีเพียงแค่คุณชายชิงหลงที่คอยสนับสนุนผู้หญิงคนนี้เท่านั้น แม้แต่โรงประมูลตงเยว่ก็ยังไม่ยอมให้นางต้องอยู่ลำพังเช่นกัน
ถึงสำนักหมอทมิฬของเขาจะไม่กลัวโรงประมูลตงเยว่ แต่กลับหวาดกลัวสมาคมการค้าเฉินซีที่อยู่เบื้องหลังของมันเป็นอย่างมาก
เพราะเหนือสิ่งอื่นใดสมาคมการค้าเฉินซีนั้น มีกำลังทรัพย์อย่างมากมายมหาศาล แม้ว่าทางด้านอื่นอาจจะยังไม่มีความสามารถมากพอที่จะขึ้นไปถึงกองกำลังระดับห้าได้ แต่ทว่ากำลังทรัพย์ของพวกเขานั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากองกำลังระดับห้าเลย
เฮยฮั่นกล่าวว่า “ผู้หญิงคนนี้คือคนที่สำนักหมอทมิฬของข้าต้องการตัว นางฆ่าคนของสำนักหมอทมิฬของข้าไปมากมาย อีกทั้งยังขโมยสมบัติของสำนักหมอทมิฬของข้าไปอีกด้วย พวกข้าไม่มีทางปล่อยนางไปได้อยู่แล้ว แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าก็ยังคิดที่จะปกป้องนางอีกอย่างนั้นหรือ?”
ผู้ดูแลเยว่กล่าวว่า “นายน้อยเฮย หากพวกท่านต้องการที่จะสังหารแม่นางมู่จริง ๆ พวกเราก็คงทำได้เพียงช่วยเหลือแม่นางมู่อย่างสุดความสามารถเท่านั้น”
ชิงหลงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าจะลองดูก็ได้นะ!”
พลังอันรุนแรงพลังหนึ่งได้ประทุออกมา ความสามารถของคุณชายชิงหลงไม่ใช่สิ่งที่นายน้อยว่าที่เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬผู้นี้จะสามารถเปรียบเทียบได้
เฮยฮั่นรู้ว่า หากลงมือโจมตีตอนนี้ก็คงไม่เป็นผลดีอะไรกับเขาอย่างแน่นอน
“สำนักหมอทมิฬของข้าไม่มีทางปล่อยไปเช่นนี้ได้แน่นอน ในเมื่อพวกเจ้าต้องการที่จะปกป้องนาง ก็คงต้องปกป้องอย่างใกล้ชิดเสียหน่อย เพราะหากสำนักหมอทมิฬของพวกข้ามีโอกาสเมื่อไร ผู้หญิงคนนี้คงจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย”
หลังจากที่พูดคำข่มขู่จบลงแล้ว เฮยฮั่นก็พาคนของตนเองจากไปอย่างฉุนเฉียว
เดิมทีเขาวางแผนที่จะไปดักทางคนที่แย่งชิงสมุนไพรวิญญาณกับเขา แต่ตอนนี้เขาก็ได้รู้แล้วว่า คนผู้นั้นก็คือคุณชายชิงหลงนั่นเอง
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกนายน้อยว่าที่เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬจับได้เสียแล้ว จากนี้ไปความปลอดภัยตอนที่อยู่ภายในเมืองของข้าก็คงต้องพึ่งคุณชายชิงหลงแล้ว”
“ข้าไม่อยากสนใจเจ้านักหรอก แต่หากเจ้าตายไป มันจะน่ารำคาญเกินไป!”
ด้วยนิสัยที่ชอบก่อความวุ่นวายของจูเชว่ หากผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรขึ้นมา ก็ไม่รู้เลยว่าเขาจะสามารถทำเรื่องอะไรออกมาได้บ้าง
หลังจากที่งานประมูลในคราวนี้สิ้นสุดลงแล้ว งานชุมนุมอัจฉริยะแห่งดินแดนทางทิศตะวันออกก็ได้เปิดให้เริ่มลงสมัครได้แล้ว
และก็มีอยู่ชื่อหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้อาวุโสที่รับผิดชอบการลงสมัครเป็นอย่างมาก เพราะว่าชื่อนั้นก็คือมู่เฉินซีนั่นเอง
ปัจจุบันชื่อนี้ถูกติดอยู่ในอันดับหนึ่งของรายการอัจฉริยะแห่งดินแดนทางทิศใต้ ซึ่งทุกตัวอักษรไม่แตกต่าง อีกทั้งยังเหมือนกันทุกประการอีกด้วย
“หรือว่ามู่เฉินซีต้องการจะมาท้าทายตำแหน่งอัจฉริยะแห่งดินแดนทางทิศตะวันออกของพวกเราอย่างนั้นหรือ?!”
“อาจจะเป็นชื่อแซ่เดียวกันก็ได้! ในโลกที่มีผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ หากมีคนชื่อแซ่เดียวกันปรากฏตัวขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกเลย”
“วางเดิมพัน วางเดิมพัน พวกเรามาพนันกันว่าคนที่มาใช่มู่เฉินซีตัวจริงหรือไม่? และในรายชื่อของงานชุมนุมอัจฉริยะในคราวนี้…”
ในเมื่อมีงานแข่งขันที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ย่อมมีคนที่รู้จักคว้าโอกาสในการสร้างรายได้ ด้วยการเปิดเดิมพันทุกประเภทนั่นเอง
ในวันเริ่มงานชุมนุมอัจฉริยะ ก็ได้มีอัจฉริยะทั้งหมดจากสำนักต่าง ๆ มารวมตัวกัน
ลูกศิษย์ของกองกำลังระดับสี่ครึ่งแต่ละกองมีความโดดเด่นมากเป็นอย่างมาก และหลังจากที่คุณหนูใหญ่แห่งสำนักชางโซ่วต้องขายหน้าในงานประมูลคราวที่แล้ว คราวนี้นางก็ได้ปรากฏตัวออกมาอย่างสูงส่งเลยทีเดียว
ในเวลานี้มีใครบางคนกล่าวขึ้นมาอย่างประหลาดใจว่า “เฮยฮั่นนายน้อยว่าที่เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬมาแล้ว”
“คนของสำนักหมอทมิฬก็มาแล้วเช่นกัน”
เมื่อสำนักหมอทมิฬมาถึง ก็มีคนอยู่จำนวนไม่น้อยที่หลีกทางให้กับการปรากฏตัวของพวกเขา
ในเมื่อมีสำนักระดับสูง แน่นอนว่าย่อมต้องมีสำนักระดับต่ำด้วย และตอนนี้ก็มีลูกศิษย์จากสำนักหนึ่งมองไปรอบบริเวณหลังจากที่เข้ามาถึงในทันที
“ศิษย์พี่ ท่านว่านางจะมาหรือไม่?!”
“หากว่านางสามารถหนีออกมาได้อย่างปลอดภัยแล้วละก็ นางจะต้องปรากฏตัวออกมาในงานชุมนุมนี้อย่างแน่นอน พวกเราคอยดูอย่างถี่ถ้วนกันเถอะ”
ในเวลานี้ ก็ได้มีเหล่าผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา ทันทีที่พวกเขาโบกมือ ก็มีศิลาแผ่นหนึ่งปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของพวกเขา
ชายชราหนึ่งในนั้นกล่าวว่า “ศิลาโบราณนี้ เพียงแค่สลักชื่อของตนเองลงไปบนนั้น ก็จะสามารถเข้าไปในสุสานโบราณได้แล้ว!”
“หากมีผู้ใดก็ตามที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องออกมาจากสุสานโบราณหรือเสียชีวิต ชื่อของคนผู้นั้นก็จะหายไปจากศิลานี้ และการจัดลำดับรายชื่อของอัจฉริยะในคราวนี้ ก็จะถูกจัดตามรายชื่อสุดท้ายที่เหลืออยู่ในสุสานโบราณได้นานที่สุด”
“หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ หลังจากที่พวกเจ้าเข้าไปในสุสานโบราณแล้ว หากต้องการที่จะอยู่ในลำดับที่สูงมากเท่าไร ก็จะต้องอยู่ภายในนั้นให้ได้นานมากขึ้นเท่านั้น พวกเจ้าต้องแก้ไขปัญหาที่พบเจอ และต้องทำให้คู่ต่อสู้ตกรอบไปให้ได้มากที่สุดด้วย!”
“สิ่งที่ข้าต้องการพูดมีเพียงเท่านี้ พวกเจ้าทั้งหมดเข้าใจแล้วใช่หรือไม่?”
ผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดกล่าวอย่างพร้อมเพรียง “เข้าใจแล้วขอรับ/เจ้าค่ะ”
“ดีมาก เช่นนั้นในหมู่พวกเจ้าใครจะไปก่อน?” ท่านผู้อาวุโสกล่าวถาม
“แน่นอนว่าข้าจะเข้าไปก่อน” นายน้อยจากสำนักหมอทมิฬสาวเท้าก้าวขึ้นไปบนขั้นบันใดทันที เขาเตรียมหยิบมีดอาบยาพิษของตนเองเล่มนั้นออกมา และกำลังจะสลักชื่อของตนเองลงไป
ชายชราผู้นั้นกล่าวว่า “จะต้องใช้มือของตนเองในการเขียนชื่อเท่านั้น เจ้าไม่สามารถใช้อาวุธอื่นคอยช่วยได้! แต่ถึงแม้จะใช้อาวุธคอยช่วย เจ้าก็ไม่มีทางทำสำเร็จได้อยู่ดี”
“ข้าไม่เชื่อว่ามันจะทนทานต่อพิษร้ายของข้าได้หรอก เขี้ยวพิษเล่มนี้ของข้าถูกชโลมไปด้วยยาพิษหลายสิบครั้งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดหากสัมผัสโดนมันเพียงเล็กน้อย สิ่งนั้นก็จะต้องถูกกัดกร่อนในทันที! และแค่การสลักชื่อเพียงเท่านี้ ไม่มีทางมีปัญหาอย่างแน่นอน”
และทันทีที่เฮยฮั่นลองสลักชื่อลงไป เขาก็คิดไม่ถึงเลยว่ามีดเล่มนี้ของเขาจะไม่สามารถสลักชื่อของตนเองลงไปบนศิลาโบราณนี้ได้จริง ๆ
“ดูเหมือนว่าศิลาโบราณนี้จะไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ!”
“มันไม่สามารถใช้ทางลัดได้จริง ๆ ด้วย และทำได้เพียงแค่ใช้มือเขียนเท่านั้น”
ในตอนที่เฮยฮั่นยอมแพ้ที่จะใช้มีดสลัก และได้ตัดสินใจที่จะใช้มือเขียนนั้น ทันใดนั้นก็มีร่างสีม่วงร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาข้างกายของเฮยฮั่นอย่างกะทันหัน
“เจ้าลองมาครั้งหนึ่งแล้ว ต่อไปก็ควรที่จะให้โอกาสผู้อื่นบ้างไม่ใช่หรือ!”
ยังไม่ทันที่จะให้เฮยฮั่นได้ตอบกลับ นิ้วที่เรียวงามอันสมบูรณ์แบบนี้ก็จรดลงบนศิลาโบราณแผ่นนั้นทันที และการเคลื่อนไหวดุจสายน้ำไหลก็ทำให้ปรากฏตัวอักษรออกมาสามคำ
และสามคำนั้นก็คือ “มู่เฉินซี!”
ทุกคนต่างพากันตะลึงงัน “นาง…ผู้หญิงคนนั้น ก็คือมู่เฉินซีอย่างนั้นหรือ?”
“นางคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งของดินแดนทางทิศใต้มู่เฉินซีคนนั้นอย่างนั้นหรือ? นางปรากฏตัวออกมาแล้วจริง ๆ”
“……”
เดิมทีแล้วคนที่จะต้องเขียนชื่อลงไปเป็นคนแรกควรจะต้องเป็นเขา แต่ตอนนี้กลับถูกผู้หญิงที่เขาเคียดแค้นจนรอที่จะถลกหนังฉีกเส้นเอ็นไม่ไหวผู้นี้แย่งไปเสียแล้ว ซึ่งมันก็ทำให้เฮยฮั่นกล่าวอย่างเคร่งขรึมออกมาว่า “ดีจริง ๆ ที่แท้เจ้าก็คือมู่เฉินซีนี่เอง”