ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2067 ลูกศิษย์ชั้นยอด
“พวกเจ้า…” พี่น้องทั้งสองจ้องมองพวกนางด้วยความโกรธแค้น
“ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าอีกครั้ง พวกเจ้าจะยอมตอบรับหรือไม่ยอมตอบรับกันแน่!”
“ฝันไปเถอะ!” พวกนางขบฟันกล่าว
“ดี!”
จากนั้นพวกนางก็หยิบยาขวดหนึ่งออกมา และค่อย ๆ เอ่ยปากออกมาว่า “ยาที่อยู่ภายในขวดยานี้ มันจะทำให้พวกเจ้าทนไม่ไหว! และเมื่อถึงเวลาที่ได้พบเจอกับคนที่มากด้วยตัณหา พวกเจ้าทั้งสองพี่น้องก็จะรักษาความบริสุทธิ์เอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป”
สีหน้าของพี่น้องคู่นี่ซีดเผือดด้วยความตื่นตกใจ “ถึงอย่างไรสำนักหลินเยว่ของพวกเจ้าก็เป็นถึงกองกำลังระดับสี่อย่างชอบธรรม คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเจ้าจะเป็นหญิงชั่วที่ใจดำอำมหิตเช่นนี้!”
“เป็นพวกเจ้าที่ไม่คว้าโอกาสนี้เอาไว้เอง!” และในตอนที่พวกนางกำลังจะบังคับให้สองพี่น้องคู่นั้นกินยาพิษเข้าไป ทันใดนั้นก็มีลมหนาวจู่โจมเข้ามาจากด้านหลังของพวกนางอย่างกะทันหัน
“สำนักหลินเยว่ยังเรียกว่าเป็นกองกำลังระดับสี่อะไรนั่นได้อีกหรือ คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าบีบบังคับให้คนเข้าสำนักเช่นนี้! หากไม่ยอมตอบรับก็ใช้วิธีการเช่นนี้มาทำลายความบริสุทธิ์ของคนอื่น ช่างทำให้ได้เปิดหูเปิดตาเสียจริง ๆ เลย” น้ำเสียงที่เย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“ใครกัน?” พวกนางกล่าวอย่างเย็นชา
“สำหรับข้า พวกเจ้าน่าจะคุ้นเคยดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?” ร่างสีม่วงร่างหนึ่งร่อนลงมาอยู่เบื้องหน้าพวกเขา
“มู่เฉินซี!” พวกนางขบฟันกล่าว
แม้ว่าดูแล้วจะไม่เหมือนกับภาพวาดเท่าไรนัก แต่พวกนางก็สามารถยืนยันได้ว่าคนผู้นี้ก็คือมู่เฉินซีจริง ๆ
ถึงจะจัดการสองพี่น้องนั่นไปก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากมายนัก แต่หากสามารถจัดการกับมู่เฉินซีได้ มันก็จะให้ผลที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เพราะแน่นอนว่าสิ่งนี้จะทำให้พวกนางสามารถกลายเป็นคนโปรดของฝ่าบาทได้นั่นเอง
“มู่เฉินซี พวกเรากำลังตามหาเจ้าอยู่พอดี คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะโง่เง่าถึงเพียงนี้! เพราะแค่คอยปกป้องตนเองก็ยากแล้ว ยังคิดที่จะช่วยเหลือคนอื่นอีก”
“เหอะ! มีคนจากสำนักหลินเยว่ของพวกเจ้ามากมายที่ต้องการฆ่าข้า และผลลัพธ์มันออกมาเช่นไรพวกเขาก็น่าจะรู้ดีที่สุด! ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าพวกเจ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงได้พูดเช่นนี้ออกมา?” มู่เฉียนซียิ้มเยาะ
“คนที่ล้มเหลวไปก่อนหน้านี้เหล่านั้น ไม่ใช่ลูกศิษย์ชั้นยอดของสำนักหลินเยว่ของพวกเราเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่าคราวนี้มันไม่เหมือนกัน! มู่เฉินซี อย่าคิดว่าหนีรอดมาได้เพียงไม่กี่ครั้งแล้วเจ้าจะสามารถหลงระเริงได้นะ”
มู่เฉียนซียิ้มอย่างสนุกสนานพลางกล่าวว่า “ที่แท้พวกเจ้าก็ถูกขนานนามว่าเป็นลูกศิษย์ชั้นยอดของสำนักหลินเยว่นี่เอง ฉะนั้นหากสามารถกำจัดพวกเจ้าได้ สำนักหลินเยว่ก็คงจะได้รับความเสียหายอย่างสาหัสเลยสินะ!”
ด้วยท่าทางที่ไร้ความหวาดกลัวของมู่เฉียนซี ทำให้พวกนางโมโหมากกว่าปกติ
“อาศัยแค่เจ้าเพียงคนเดียวเนี่ยนะ!”
“ไปตายซะเถอะ!”
“……”
ในเมื่อเผชิญหน้าอยู่กับมู่เฉียนซี คนจากสำนักหลินเยว่เหล่านั้นก็พุ่งตรงไปหามู่เฉียนซี และโจมตีพร้อมกัน
ทุกคนต่างก็แสดงฝีมือออกมาอย่างแข็งแกร่ง ถึงปากของพวกนางจะกล่าวอย่างมั่นใจ แต่ความจริงแล้วพวกนางก็หวาดกลัวมู่เฉียนซีเป็นอย่างมาก
“ระวัง!”
สำหรับคนคนหนึ่งที่มีความขัดแย้งกับคนของสำนักหลินเยว่ และได้ออกโรงช่วยเหลือพวกนางไว้อย่างมู่เฉินซี ก็ทำให้สองพี่น้องมีความกังวลอยู่บ้างเล็กน้อย
เมื่อมู่เฉียนซีโบกสะบัดพัดวิหคเฟิงหลิง พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกมา
“พลังวายุทำลาย ดับสูญ!”
“พลังวายุทำลาย จันทราหนาวเหน็บ!”
“…”
ตูมมม โครมมม!
พวกนางเผชิญหน้ากับพลังธาตุวายุที่พัดโหมกระหน่ำเข้ามา ถึงอาวุธของพวกนางจะพุ่งตรงไปทางมู่เฉียนซี แต่ก็ไม่สามารถทำร้ายมู่เฉียนซีได้เลยแม้แต่น้อยอยู่ดี
“ความสามารถของพวกเจ้ายังไม่เพียงพอนะ!”
จากนั้นใบพัดของพัดวิหคเฟิงหลิงแยกออกจากกัน และมันก็พุ่งเข้าโจมตีลูกศิษย์เหล่านี้ราวกับสายฟ้าฟาดอย่างไรอย่างนั้นเลย
พรวด พรวด พรวด!
มีลูกศิษย์สามคนได้รับบาดเจ็บ และร่างของพวกนางก็ลอยละลิ่วออกไป พร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็นออกมาจากร่างกาย
“แข็งแกร่งมาก!”
“ท่านพี่ นางคือผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตจริง ๆ ด้วย! ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตล่ะ!”
สองพี่น้องที่ตอนนี้ไม่สามารถหนีไปไหนได้ ก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นฝีมือของมู่เฉินซีเช่นกัน
“บ้าเอ้ย!” แม้ว่าจะทำร้ายมู่เฉินซีก็ไม่เป็นไร แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนของพวกนางได้รับบาดเจ็บด้วย
จำนวนคนของพวกนางมีเยอะกว่า ฉะนั้นจะต้องจัดการผู้หญิงคนนี้ได้แน่
พวกนางมีความมุ่งมั่นที่จะสังหารมู่เฉียนซีให้จงได้ ดังนั้นไม่มีทางที่พวกนางจะยอมแพ้เพราะวิธีการที่รุนแรงของมู่เฉียนซีอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นพวกนางแต่ละคนก็ระเบิดจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวออกมา และพุ่งไปปิดล้อมมู่เฉียนซีเอาไว้อีกครั้ง
ทว่าพลังธาตุวายุของมู่เฉียนซีก็เปลี่ยนเป็นรุนแรงมากขึ้นไปอีก “พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
ปังง!
หลังจากนั้นก็มีเสียงของพลังวิญญาณต่าง ๆ ปะทะกันอยู่กลางอากาศ ยิ่งเวลาในการต่อสู้นานมากเท่าไร คนของสำนักหลินเยว่ก็ยิ่งโมโหมากขึ้นเท่านั้น
เพราะพวกนางได้ค้นพบว่า พวกนางไม่สามารถทำร้ายมู่เฉินซีได้นั่นเอง
เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าความสามารถของนางต่ำกว่าพวกนางมากเพียงใด แต่ทว่าทั้งความเร็ว และการป้องกันกลับสามารถทิ้งห่างพวกนางได้ พรสวรรค์ของคนผู้นี้จะน่ากลัวเกินไปแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่ฝ่าบาทจะทรงมีพระราชโองการให้กำจัดนางทิ้งไปเสีย
คนจากสำนักหลินเยว่เหล่านั้นได้ใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่กลับไม่มีหนทางเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งมันยังผลาญพลังวิญญาณไปอย่างรวดเร็วอีกด้วย และหากเป็นเช่นนี้ต่อไปต้องไม่ดีแน่
ศิษย์พี่หญิงที่เป็นผู้นำคนนั้นกัดฟันกล่าวว่า “ไป! ไปหาศิษย์พี่หญิงใหญ่ก่อน”
ในเมื่อต่อสู้กันมานานขนาดนี้ พวกนางจะต้องเข้าใจดีอยู่แล้วว่า ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดขั้นสูงสุดอย่างมู่เฉินซี มีความสามารถในการต่อสู้อย่างก้าวกระโดดถึงหนึ่งขั้น ซึ่งคนที่มีระดับต่ำกว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้า ถึงจะอาศัยจำนวนคนที่มากกว่าก็ไม่อาจจัดการนางได้อยู่ดี
หากต้องการจะจัดการมู่เฉินซี เกรงว่าจะต้องเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าถึงจะทำได้ ซึ่งพวกนางไม่มีความสามารถเช่นนั้น แต่ทว่ายังมีลูกศิษย์ของสำนักหลินเยว่ที่มีความสามารถเช่นนี้อยู่ นอกจากนี้นางยังอยู่ในสุสานโบราณแห่งนี้อีกด้วย
พวกนางต้องการที่จะหนีไปชั่วคราว แต่ผลสุดท้ายกลับถูกผู้หญิงสองคนนั้นขวางทางเอาไว้เสียก่อน
“คิดจะจัดการพวกเราแล้วหนี พวกเจ้าจะไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”
“หญิงชั่วช้าอย่างพวกเจ้า ยอมรับความตายเสียเถอะ!”
สีหน้าของคนจากสำนักหลินเยว่เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ผู้ใดเป็นคนให้ยาถอนพิษพวกนางกันแน่
เป็นมู่เฉินซีนั่นเอง!
พวกนางมองไปทางมู่เฉียนซีอย่างตื่นตะลึง ในตอนที่ผู้หญิงคนนั้นถูกพวกนางล้อมโจมตีเอาไว้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะหาโอกาสช่วยพี่น้องคู่นี้ได้ด้วย นอกจากนี้พวกนางไม่ทันได้สังเกตเห็นเลยด้วยซ้ำ
ตอนนี้ไม่เพียงแต่พวกเขาต้องจัดการกับมู่เฉียนซีเท่านั้น แต่ยังต้องจัดการกับสองพี่น้องผู้มากความสามารถคู่นี้อีกด้วย ถึงพวกนางอยากจะหนีก็หนีไม่พ้นอีกแล้ว
ตึง ตึง ตึง!
แต่ละคนถูกโจมตีจนล้มคว่ำ และถูกโยนออกไป
แต่น้องสาวผู้นั้นยังไม่หายโกรธ และได้ตรงเข้าไปจับพวกนางมัดเอาไว้ในทันที อีกทั้งยังไม่ปล่อยให้พวกนางตกรอบหนีออกไปได้อีกด้วย มิเช่นนั้นมันจะเป็นการเอาเปรียบพวกนางมากเกินไป
“ข้าคืออวี้เซิง ส่วนนี่คือน้องสาวของข้าอวี้เกอ ขอบคุณแม่นางมู่ที่ออกโรงช่วยเหลือพวกเรา พวกเราสองพี่น้องรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง” หลังจากที่จัดการคนเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว ในฐานะที่อวี้เซิงเป็นพี่สาวจึงได้กล่าวขอบคุณมู่เฉียนซีอย่างจริงใจ
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไม่ต้องขอบคุณหรอก เพราะข้าก็มีความแค้นกับพวกนางเช่นกัน! และพวกนางก็โชคร้ายที่มาเจอเข้ากับข้าพอดี แม้ว่าพวกนางจะไม่ได้รังแกพวกเจ้า ข้าก็ต้องจัดการพวกนางอยู่แล้ว”
“แต่เจ้าก็ช่วยพวกข้าไว้ ฉะนั้นมันก็ถือว่าช่วยอยู่ดีนั่นแหละ จะกล่าวขอบคุณก็สมควรแล้ว!” อวี้เกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ไม่เพียงวิกฤติที่ได้รับการแก้ไขแล้ว อีกทั้งยังได้แก้แค้นอย่างสะใจมากอีกด้วย ฉะนั้นอวี้เกอจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “วิธีที่พวกนางจัดการกับพวกเจ้าก่อนหน้านี้ไม่ได้ใจดีเหมือนพวกเจ้าในตอนนี้เลย พวกเจ้าสนใจทำให้พวกนางทุกข์ทรมานมากกว่านี้อีกหน่อยหรือไม่?”
“ยังมีวิธีการอะไรอีกอย่างนั้นหรือ?” อวี้เกอกล่าว
“ยาลูกกลอนที่พวกนางเตรียมให้เจ้าเมื่อครู่นี้ เอาให้พวกนางกินลงไปเสียสิ!”
“ใช่แล้ว! ข้าลืมสิ่งนี้ไปได้อย่างไรกัน!”
“พวกเจ้ากล้าหรือ! หากพวกเจ้ากล้าก็ลองดูสิ!” เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉียนซี คนของสำนักหลินเยว่เหล่านั้นก็คำรามร้องขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วกล่าวว่า “มีอะไรที่ข้าไม่กล้าบ้าง ดูเหมือนว่าสำนักหลินเยว่ของพวกเจ้าจะไม่มีสิ่งใดที่ควรค่าให้ข้าต้องหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อยนะ”
ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าพวกนางจะต่อต้านอย่างไร ก็ยังคงถูกป้อนยานั่นอยู่ดี
มู่เฉียนซีกวาดสายตามองไปที่พวกนาง พลางกล่าวว่า “ยาของสำนักหลินเยว่ของพวกเจ้าให้ผลลัพธ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก! ข้าไม่ค่อยพอใจเท่าไรเลย หรือว่าควรจะเพิ่มอีกสักหน่อยดีล่ะ”
จากนั้นมู่เฉียนซีก็หยิบยาขวดหนึ่งออกมา แล้วส่งให้อวี้เกอพลางกล่าวว่า “นี่เป็นยาที่ปรับปรุงใหม่แล้ว! เพิ่มให้พวกนางกินอีกหน่อยเถอะ”
“เจ้า…” และพวกนางก็จ้องมองมู่เฉียนซีด้วยดวงตาที่แดงก่ำ