ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2069 ได้ประโยชน์แล้วแล้วถีบหัวส่ง
แต่ก่อนหากต้องพบเจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ก็จะมีผู้อาวุโสคอยคุ้มครองอยู่ตลอด แต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้าเพียงลำพัง พวกเขาล้วนไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ก่อนอื่นส่งคนไปดึงดูดความสนใจของพวกมันก่อน ส่วนคนที่มีความสามารถแข็งแกร่งที่สุดให้ตามข้ามา จากนั้นค่อยหาโอกาสระเบิดกระบวนท่าสังหารเพื่อโจมตีพวกมันจากทางด้านหลัง!”
“เร็วเข้า มันเข้ามาใกล้แล้ว หากถึงตอนนั้นก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้วนะ”
เหตุใดพวกเขาถึงต้องเชื่อฟังผู้หญิงคนนี้ด้วย?
แต่ทว่าตอนนี้แต่ละคนต่างก็ไม่มีความคิดเห็น บวกกับคำพูดของมู่เฉียนซีนั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก และพวกเขาก็รู้สึกว่านี่เป็นแผนการที่ดีที่สุดในตอนนี้ ฉะนั้นจึงตัดสินใจทำตามเช่นนี้
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
กองกำลังถูกแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม จากนั้นก็พุ่งทะยานออกไปล้อมรอบสัตว์วิญญาณโบราณเหล่านั้นเอาไว้ด้วยความรวดเร็ว
“โฮกกกก!”
ผู้กล้าได้ประสบความสำเร็จในการไปดึงดูดความสนใจของสัตว์วิญญาณโบราณ
และเมื่อเผชิญหน้ากับการไล่ล่าของสัตว์วิญญาณโบราณ บนหน้าผากของพวกเขาก็มีเหงื่อแห่งความหวาดกลัวผุดออกมาในทันที
ปัง ปัง ปัง!
พวกเขาได้แต่ร้องตะโกนอยู่ภายในใจว่า “เร็วสิ! รีบโจมตีเร็ว ๆ เข้าสิ!”
แต่ทว่าในตอนนี้กลุ่มโจมตีหลักของมู่เฉียนซีไม่มีผู้ใดเคลื่อนไหวเลย ซึ่งมันก็ทำให้ศิษย์พี่ใหญ่ผู้นั้นร้อนรนเป็นอย่างมาก
“ที่เจ้าไม่ลงมือตอนนี้ เพราะเจ้าอยากจะทำร้ายศิษย์น้องของข้าให้ตกรอบไปใช่หรือไม่? ถึงก่อนหน้านี้พวกเราจะทำให้เจ้าไม่พอใจมาก แต่เจ้าก็ไม่อาจทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนาเช่นนี้ได้! หากพวกเขาเป็นอะไรขึ้นมา ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่”
“ลงมือเถอะ! ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะต้องตกอยู่ในอันตรายเป็นแน่”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ยังไม่ถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมเลย หากลงมือตอนนี้ ถึงคนทั้งกลุ่มนี้จะร่วมมือกันแต่ก็ทำอันตรายมันไม่ได้อยู่ดี”
“แต่ว่า…”
ตูมมม โครมมม!
สถานการณ์ตกอยู่ในอันตรายเป็นอย่างมาก ในที่สุดมู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “ลงมือได้!”
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“หมัดสะท้านนภา!”
“ฝ่ามือแยกนภา!”
“……”
อัจฉริยะแต่ละคน ได้ใช้ฝีมือในการร่ายกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาโจมตี
เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หากตอนนี้ไม่ใช้กระบวนท่าที่ทรงพลังมากที่สุด ก็เกรงว่าจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว
ตูมมมม โครมม!
การโจมตีนับไม่ถ้วนกระแทกลงบนร่างกายของมัน และยังทิ้งรอยแผลลึกเอาไว้บนร่างกายของมันอีกด้วย จนทำให้ร่างกายของมันสั่นไหวไปเลยทีเดียว
“โฮกกกก!” และในตอนนี้เองมันก็ได้หันกลับมาหาคนที่โจมตีมันเหล่านั้น ซึ่งทำให้คนที่ถูกโจมตีก่อนหน้านี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ถอย!”
“อวี้เซิง อวี้เกอ ใช้โอกาสนี้ลอบโจมตีมันซะ!”
“เจ้าค่ะ!”
อวี้เกอถือยาน้ำเอาไว้ในมือพลางกล่าวว่า “ท่านพี่ ยาน้ำนี้สามารถจัดการกับสัตว์วิญญาณโบราณตัวนั้นได้จริง ๆ”
“เจ้าก็รู้ถึงวิธีการของแม่นางมู่เช่นกัน แต่แน่นอนว่าไม่สามารถทำเรื่องที่ไม่แน่ใจได้ ฉะนั้นพวกข้าจะนำกลุ่มตามไปด้วย”
“พลังวายุทำลาย ดับสูญ!”
ความเร็วของมู่เฉียนซีนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก ในตอนที่คนอื่นพยายามล่าถอยเพื่อเอาชีวิตรอด แต่นางดันเข้าไปพัวพันกับเจ้าสิ่งนั้นแทน
“มู่เฉินซี นางอยากตายหรืออย่างไร?”
“ถึงอย่างไรหากนางตายก็ดีกว่าพวกเราตายนะ”
“……”
อวี้เกอกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้าคนกลุ่มนี้จะน่าเกลียดเกินไปแล้วนะ”
“อย่าวอกแวก เร่งลงมือเข้า อย่าให้แม่นางมู่ต้องได้รับบาดเจ็บ นี่เป็นถึงระดับสัตว์เทพเชียวนะ”
“ท่านพี่ ข้าเข้าใจแล้ว!”
สัตว์วิญญาณโบราณตัวนั้นไม่สามารถจับมู่เฉียนซีเอาไว้ได้ ซึ่งนี่ก็ได้ทำให้มันโมโหเป็นอย่างมาก และพุ่งเข้าใส่นางอย่างต่อเนื่อง
คนอื่นต่างพากันประหลาดใจมากเมื่อได้เห็นความรวดเร็วของมู่เฉินซี “คิดไม่ถึงเลยว่านางจะมีความรวดเร็วได้ถึงเพียงนี้”
“ศิษย์น้องทำได้ดีมาก สามารถหาคนที่มีความรวดเร็วถึงเพียงนี้มาดึงดูดสัตว์วิญญาณโบราณได้ บางทีพวกเราอาจจะมีโอกาสเอาชนะมันได้ก็เป็นได้”
“ศิษย์พี่ เช่นนั้นพวกเราควรที่จะโจมตีมันอย่างไรดี?”
“อืมม! ให้ข้าลองคิดดูก่อน อย่างไรเสียมู่เฉินซีก็ยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้อีกระยะหนึ่ง ฉะนั้นปล่อยให้นางผลาญพลังของสัตว์วิญญาณโบราณตัวนั้นไปเกือบทั้งหมดก่อน พวกเราจะได้มีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น”
อวี้เซิงกล่าว “ลงมือได้!”
“เจ้าค่ะ!”
อาวุธลับที่เคลือบด้วยยาน้ำพุ่งเข้าโจมตีสัตว์วิญญาณโบราณตัวนั้น และมันก็ได้มุ่งเป้าไปยังส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของสัตว์วิญญาณโบราณตัวนั้น ซึ่งก็คือกระดูกของมันนั่นเอง!
“พี่น้องแซ่อวี้ทั้งสองคนนั้นเริ่มลอบโจมตีแล้ว เพียงแต่ว่าหากใช้เพียงอาวุธแค่นั้นลอบโจมตีส่วนที่แข็งที่สุดเช่นนั้น มันจะไปได้ผล…”
คนผู้นี้ยังพูดไม่ทันจับ พวกเขาก็ได้เห็นฉากที่มหัศจรรย์มากฉากหนึ่งในทันที นั่นก็คือตอนที่กระดูกของสัตว์วิญญาณโบราณตัวนั้นได้ละลายหายไปต่อหน้าต่อตาพวกเขาด้วยความรวดเร็วที่เกินความคาดหมาย
กระดูกละลายไปแล้วครึ่งหนึ่ง นั่นก็หมายความว่าร่างของสัตว์วิญญาณโบราณตัวนี้เหลือเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น และพลังที่แข็งแกร่งของมันก็อ่อนแอลงมากเช่นกัน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “มัวตื่นตะลึงอยู่ตรงนั้นทำไมกัน? ลงมือเดี๋ยวนี้”
“ขอรับ!”
คนกลุ่มหนึ่งกรูกันเข้ามาอย่างรวดเร็ว และเริ่มทำการโจมตีสัตว์วิญญาณโบราณที่พิการไปแล้วครึ่งหนึ่งอย่างบ้าคลั่ง พลันนั้นร่างของสัตว์วิญญาณโบราณตัวนั้นก็แตกสลายไป และมันก็ได้กลายเป็นตราสัญลักษณ์สีดำชิ้นหนึ่ง
พวกเขากล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ตราสัญลักษณ์ มันก็คือตราสัญลักษณ์ชิ้นนี้แหละ คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเราจะเอาตราสัญลักษณ์ชิ้นนี้มาได้แล้ว”
ตูมมม โครมมมม!
ข้างหน้ามีแรงกดดันอันมืดมนกลุ่มหนึ่งกำลังใกล้เข้ามา กลุ่มของสัตว์วิญญาณโบราณกำลังพุ่งตรงเข้ามาหาพวกเขา และสีหน้าของพวกเขาก็ขาวซีดขึ้นมาทันที “ในเมื่อได้ตราสัญลักษณ์แล้ว ก็รีบนำทางไปเถอะ! รีบตรงไปที่นั่น ขอเพียงไปถึงที่นั่นได้พวกเราก็จะปลอดภัยแล้ว”
“ขอรับ! ศิษย์พี่ใหญ่!”
ทุกคนต่างพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุด มู่เฉียนซีและสองพี่น้องก็ไล่ตามไปด้วยทันที และมันก็มีสถานที่เช่นนั้นอยู่จริง ๆ
ศิษย์พี่ใหญ่คนนั้นได้โยนตราสัญลักษณ์สีดำนั่นออกไป จากนั้นตราสัญลักษณ์ชิ้นนั้นก็ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ และได้ปรากฏตัวเลขสามสิบขึ้นมา
“สามสิบหมายความว่าอย่างไรกัน? หรือว่าจำนวนคนที่เข้าไปได้อย่างนั้นหรือ?”
“น่าจะใช่ขอรับ!”
“พวกเราบางคนตกรอบไปก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้มีเพียงยี่สิบเก้าคนเท่านั้น เพียงพอแล้ว! เข้าไปกันเถอะ!”
ในตอนที่พวกเขากำลังจะเข้าไปนั้น ก็มีผู้หญิงสี่คนวิ่งหนีเข้ามาอย่างจนตรอก เบื้องหลังของพวกนางยังมีสัตว์วิญญาณโบราณฝูงหนึ่งไล่ตามมาอีกด้วย ซึ่งสัตว์วิญญาณโบราณที่ไล่ตามมานั้นไม่ใช่น้อย ๆ เลย
“ที่นี่ ศิษย์น้องบอกว่ามันคือที่นี่! แต่ศิษย์พี่ใหญ่ พวกเราไม่มีตราสัญลักษณ์ชิ้นนั้นอยู่ในมือนี่นา”
“ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นตราสัญลักษณ์ของคนกลุ่มนั้นเลย”
“พอดีเลย”
พวกนางรีบร้อนเข้ามาอย่างรวดเร็ว ศิษย์พี่ใหญ่ผู้นั้นมองไปทางพวกนางแล้วกล่าวว่า “แม่นางทั้งสี่ท่านนี้เป็นคนจากสำนักหลินเยว่ใช่หรือไม่?”
ศิษย์พี่หญิงใหญ่ของพวกนางกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “เจ้าค่ะ! ข้าคือศิษย์พี่หญิงใหญ่ของสำนักหลินเยว่ คุณชายรูปงามท่านนี้ คงจะเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักจวินจื่ออย่างนั้นสินะเจ้าคะ!”
“คิดไม่ถึงเลยว่าแม่นางจะมีความประทับใจต่อข้าด้วยอย่างนั้นหรือ?”
“นั่นมันต้องแน่นอนอยู่แล้ว คุณชายมีความสามารถมาก เหล่าพี่น้องของสำนักหลินเยว่ต่างก็ชื่นชมท่านเป็นอย่างมาก! พวกเราพี่น้องถูกสัตว์วิญญาณโบราณล้อมโจมตี คนส่วนใหญ่ต่างก็ตกรอบกันไปหมดแล้ว! ภายในนี้เหลือเพียงพวกเราสี่คนเท่านั้น ซ้ำร้ายพวกเรายังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย หากพวกเราไม่มีทางเข้าไปได้ เกรงว่าพวกเรา…พวกเราคงจะต้องตกรอบกันไปหมดอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นท่านอาจารย์จะต้องทำโทษพวกเราอย่างรุนแรงเป็นแน่”
เมื่อสาวงามกล่าวอย่างน่าสงสารถึงเพียงนี้ มันก็ส่งผลให้จุดอ่อนของบุรุษที่มักจะทะนุถนอมบุฟผางามของศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้ระเบิดออกมาจนไม่สามารถควบคุมได้ และมันก็ทำให้เขากล่าวขึ้นมาว่า “ไม่เป็นไร พวกเรายังมีที่ว่างเหลืออยู่อีกที่หนึ่ง”
“มีเพียงแค่ที่เดียว เช่นนั้นศิษย์น้องของข้าจะทำเช่นไรเล่า?”
“นั่น…”
เมื่อเห็นสาวงามตรงหน้าทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ศิษย์พี่ใหญ่ผู้นั้นก็มองไปทางพวกของมู่เฉียนซี
เขาเดินเข้าไปแล้วกล่าวว่า “แม่นางทั้งสี่คนจากสำนักหลินเยว่ต้องการที่ว่างทั้งหมดสี่ที่ จำเป็นจะต้องมีคนถอยไปสามคน! พวกเจ้าไม่ใช่ลูกศิษย์ของสำนัก ถึงแม้ว่าต้องพ่ายแพ้แต่ก็ไม่มีอาจารย์คอยมาลงโทษพวกเจ้า! ดังนั้นพวกเจ้าทั้งสามคนจงถอยออกไปซะเถอะ!”
อวี้เกอกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “ดีจริง ๆ พวกเจ้าคิดว่าได้รับประโยชน์แล้วจะถีบหัวส่งสินะ หากแม่นางมู่ไม่ออกโรง พวกเจ้าคิดว่าตัวพวกเจ้าเองจะมีปัญญาเอาตราสัญลักษณ์มาได้อย่างนั้นหรือ? ข้าไม่ยอมหรอก!”
“ช่างเป็นผู้หญิงที่ไร้มารยาทและวุ่นวายเสียจริง ๆ หากพวกเจ้าไม่ถอยออกไป ก็อย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน” ศิษย์พี่ใหญ่ผู้นั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นเพราะพวกเขาร่วมมือกันถึงเอาตราสัญลักษณ์มาได้ เหตุใดถึงพูดเหมือนว่าเป็นความสำเร็จของผู้หญิงคนนั้นแต่เพียงผู้เดียวกันล่ะ เขาต่างหากที่เป็นผู้นำ พวกนางควรที่จะเชื่อฟังคำสั่งของเขาสิ
ส่วนคนอื่น ๆ ต่างก็ทำตามศิษย์พี่ใหญ่ของเขาผู้นี้ และยืนอยู่ข้างเขาพลางกล่าวว่า “ศิษย์พี่ใหญ่พูดถูกแล้ว! พวกเจ้าถอยไปซะเถอะ!”
“อย่างไรเสียด้วยความเร็วนั้นของมู่เฉินซีถึงแม้จะเผชิญหน้ากับสัตว์วิญญาณโบราณฝูงนั้นก็ไม่เป็นไรอยู่ดี แต่ทว่าศิษย์น้องจากสำนักหลินเยว่ทั้งสี่ต่างก็ได้รับบาดเจ็บกันทั้งนั้น หากไม่ได้เข้าไปคงจะเกิดปัญหาขึ้นมาจริง ๆ แน่”
“ข้าเห็นด้วย!”
.