ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2072 เปิดเผยช่องโหว่
ทุกคนต่างก็ยอมรับการตัดสินใจนี้กันทั้งนั้น เพราะถึงอย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะแน่ใจว่าสถานที่แห่งนี้จะปลอดภัยไปได้ตลอด ฉะนั้นรีบต่อสู้เพื่อหาผลลัพธ์ให้เร็วที่สุดน่าจะดีกว่า
“เช่นนั้นพวกเรามาจับฉลากเพื่อกำหนดคู่ต่อสู้กันเถอะ!” ศิษย์พี่หญิงใหญ่ของสำนักหลินเยว่กล่าว
เมื่อการจับฉลากรอบแรกเสร็จสิ้น มู่เฉียนซีไม่เจอเผชิญหน้ากับเฮยฮั่นและไม่ได้เผชิญหน้ากับคนของสำนักหลินเยว่ แต่ทว่ากลับได้ต่อสู้เป็นชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายเฮยฮั่นผู้นั้น
เมื่อคนที่เขาต้องต่อสู้ด้วยคือมู่เฉินซี เขาจึงกล่าวขึ้นมาอย่างมั่นใจในตนเองว่า “นายน้อย มอบผู้หญิงคนนี้ให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเถิดขอรับ! แค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนหนึ่ง ข้าคิดว่านางไม่มีคุณสมบัติพอให้นายน้อยต้องลงมือด้วยซ้ำ”
“อื้ม! อย่าทำให้ข้าผิดหวังเสียละ” เฮยฮั่นกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ทุกคนต่างเลือกสถานที่กันแล้ว อีกทั้งยังได้เตรียมพร้อมที่จะลงมือแล้วด้วย
ฉางหลินเตรียมที่จะเคลื่อนไหว และในตอนที่เขากำลังออกกระบวนท่าอยู่นั้น คนที่อยู่ในตรงหน้าของเขาก็หายไปจากเบื้องหน้าของเขาในทันที
ฉับพลันมู่เฉียนซีก็ปรากฏตัวอยู่ข้างหลังของเขาราวกับภูตผีอย่างไรอย่างนั้น “มันจบแล้ว!”
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
พลังวิญญาณธาตุวายุระเบิดออกมา จากนั้นสะเก็ดดาราก็พัดโหมกระหน่ำเข้าใส่ฉางหลิน และดูเหมือนว่าร่างของเขาจะแตกสลายกลายเป็นผุยผงอย่างไรอย่างนั้น
“อ๊ากกกก!” มีเสียงกรีดร้องดังออกมาอย่างโหยหวน และฉางหลินก็ออกไปจากสุสานโบราณแห่งนี้พร้อมกับร่างที่เต็มไปด้วยเลือด
การเคลื่อนไหวของทั้งสองคนรวดเร็วมากเกินไป อีกทั้งยังจบลงในเวลาอันรวดเร็วมากอีกด้วย ขณะที่คนอื่น ๆ ยังไม่ทันได้เริ่มเคลื่อนไหวเลยด้วยซ้ำ
เมื่อพวกเขาได้เห็นฉากนี้ ก็ใช้เวลาเนิ่นนานกว่าจะดึงสติกลับมาได้ จากนั้นก็มองไปที่มู่เฉินซีด้วยความตื่นตกใจ
“มู่เฉินซีจะลงมือเร็วเกินไปแล้วนะ!”
“เป็นเพราะนางลอบโจมตีถึงชนะได้เร็วอย่างนั้นสินะ?”
“ต้องใช่แน่นอน มิเช่นนั้นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดคนหนึ่งจะสามารถจัดการคนที่กำลังจะบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร”
เจ้าคนไร้ประโยชน์! เฮยฮั่นกรนด่าอยู่ภายในใจ
การที่มู่เฉินซีจัดการลูกน้องของเขาได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำถึงเพียงนี้ มันก็ถือได้ว่าเป็นการตบหน้าเขาอย่างสมบูรณ์
แววตาของมู่เฉียนซีกวาดมองไปที่พวกเขาพลางกล่าวว่า “พวกเจ้ายังไม่ลงมืออีกอย่างนั้นหรือ?”
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มต่อสู้กันทันที ตูมมมม! ณ สถานที่รกร้างเช่นนี้ เหล่าอัจฉริยะที่เข้ามาภายในนี้ได้เริ่มเปิดฉากเข่นฆ่ากันขึ้นมาแล้ว
ตึง!
แม้ว่าจะช้ากว่ามู่เฉียนซีเล็กน้อย แต่เฮยฮั่นก็สามารถจัดการคู่ต่อสู้ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
คนที่พ่ายแพ้เขาผู้นั้นมีไอพิษสีดำปกคลุมอยู่ทั่วทั้งร่างกาย อีกทั้งยังดิ้นอยู่บนพื้นอย่างทุรนทุรายด้วยความทุกข์ทรมานอีกด้วย
นี่ก็คือนายน้อยว่าที่เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬ ช่างเป็นคนที่ชั่วร้ายโดยแท้
ด้วยลักษณะเช่นนี้ แม้ว่าจะออกไปจากสุสานโบราณแห่งนี้แล้ว ก็คาดว่าน่าจะไม่รอดชีวิตอยู่ดี
คู่ต่อสู้ในรอบที่สองของมู่เฉียนซีก็คืออวี้เซิง และอวี้เซิงก็กล่าวอย่างจนปัญญาว่า “ดูเหมือนว่าข้าจะโชคร้ายจริง ๆ ข้าขอยอมแพ้!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “น่าเสียดายจริง ๆ หากโชคดีกว่านี้อีกสักหน่อย คาดว่าเจ้าจะต้องได้รับอันดับที่ดียิ่งกว่านี้เป็นแน่”
“สามารถยืนหยัดมาจนถึงที่นี่ได้ ข้าก็พึงพอใจมากแล้ว! ท่านต้องเอาที่หนึ่งมาให้ได้นะเจ้าคะ!” อวี้เซิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ท่านพี่ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เลย!” อวี้เกอกล่าว
ส่วนคู่ต่อสู้ในรอบที่สาม ก็ยอมแพ้เช่นกัน เขารู้ความสามารถของตนเองดี ว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่เฉินซีแน่นอน
การต่อสู้ผ่านพ้นไปรอบแล้วรอบเล่า และคนที่เหลืออยู่ในสถานที่แห่งไม่ใช่แค่คนของสำนักหลินเยว่เท่านั้น แต่มีคนของสำนักหมอทมิฬด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเจ้าอยากจะโจมตีเข้ามาพร้อมกัน! หรือว่าจะมากันทีละคนเหมือนเดิมล่ะ?”
เฮยฮั่นกล่าวว่า “จัดการเจ้าเพียงคนเดียว เจ้าคิดว่านายน้อยอย่างข้ายังต้องให้คนอื่นลงมือแทนอีกอย่างนั้นหรือ?”
“กำหนดให้เป็นการจับฉลากไปแล้ว ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เป็นคู่ต่อสู้ของเจ้า” ศิษย์พี่หญิงของสำนักหลินเยว่กล่าว
และในที่สุดมู่เฉียนซีก็จับฉลากได้ต่อสู้กับศิษย์พี่หญิงของสำนักหลินเยว่ผู้นี้จริง ๆ ส่วนศิษย์น้องทั้งสองคนของนางก็ได้ต่อสู้กับคนของสำนักหมอทมิฬ
พวกนางกล่าวว่า “พวกเราอยากจะเห็นการต่อสู้ของศิษย์พี่หญิง ไว้พวกเราค่อยสู้กันได้หรือไม่? มันคงจะไม่ทำให้พวกเจ้าเสียเวลามากเกินไปนักหรอก”
“เอาสิ!” สำหรับคำขอร้องของสาวงาม พวกเขาไม่ปฏิเสธแน่นอนอยู่แล้ว
“ในที่สุดก็ได้สู้กับเจ้าเสียที” ศิษย์พี่หญิงของสำนักหลินเยว่ชักกระบี่ของตนเองออกมา ภายในแววตาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
กล่าวได้ว่า มู่เฉินซีเป็นกระดูกที่จัดการยากที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งสำนักหลินเยว่ของพวกนางมาเลยทีเดียว
หากนางสามารถจัดการได้แล้วละก่อน เมื่อถึงคราวที่ต้องเลือกคนที่จะมาเป็นเจ้าสำนักคนถัดไป ก็มีความเป็นไปได้มากว่าจะตกมาเป็นของนางอย่างแน่นอน
ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงจำเป็นที่จะต้องตายนั่นเอง!
กระบี่ของศิษย์พี่หญิงแห่งสำนักหลินเยว่อัดแน่นไปด้วยไอเย็นยะเยือกราวกับหิมะน้ำแข็งก็มิปาน ที่สำคัญนางก็คือจอมภูตพลังธาตุน้ำแข็งนั่นเอง
ทันทีที่กระบี่ของนางเคลื่อนไหว แนวน้ำแข็งทั่วท้องฟ้าก็จู่โจมเข้าใส่มู่เฉียนซีด้วยเจตนาฆ่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และหนาแน่นมากขึ้นเรื่อย ๆ
“เซียนกระบี่น้ำแข็งเริงระบำ!”
“เกราะพลังวายุ!”
“วายุกลืน จันทร์สะพรั่ง!”
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่รุนแรงของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้า มู่เฉียนซีก็ได้กางเกาะป้องกันอย่างแน่นหนาถึงสองชั้น
ปัง ปัง ปัง!
ในตอนที่เกาะป้องกันกำลังสกัดกั้นการโจมตีของศิษย์พี่หญิงของสำนักหลินเยว่อยู่นั้น มู่เฉียนซีก็หายไปจากเบื้องหน้าของนางแล้ว และจากนั้นก็วนเวียนอยู่ข้างหลังของนางอย่างลึกลับ
“พลังวายุทำลาย ดับสูญ!”
การตอบสนองของอีกฝ่ายรวดเร็วเป็นอย่างมาก ซึ่งนางสามารถหลบหลีกการโจมตีของมู่เฉียนซีได้ จากนั้นก็ตวัดกระบี่เพื่อจู่โจมมู่เฉียนซี
ไอยะเยือกของพลังวิญญาณธาตุน้ำแข็งของนางมีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง ซึ่งทำให้บริเวณโดยรอบของมู่เฉียนซีนั้นเต็มไปด้วยอันตราย
ร่างของมู่เฉียนซีหลบหลีกในทันที ช่างสมกับที่นางเป็นถึงอัจฉริยะผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าที่กองกำลังระดับสี่เป็นผู้เลี้ยงดูออกมา เพราะความสามารถนั้นมองข้ามไม่ได้เลยจริง ๆ
ปัง ปัง ปัง!
ถึงความสามารถของศิษย์พี่หญิงแห่งสำนักหลินเยว่จะเหนือกว่ามู่เฉินซีมากนัก แต่สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกว่ารับมือได้ยากก็คือความเร็วและเกาะป้องกันของมู่เฉินซี ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนอยู่เหนือความสามารถของตัวนางเองมากเกินไปเช่นกัน
ปัง ปัง ปัง!
เฮยฮั่นจ้องมองไปทางมู่เฉินซีอย่างหลงใหล “ฝีมือของผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างซับซ้อนเลยทีเดียว!”
“ไปตายซะ!” ศิษย์พี่หญิงของสำนักหลินเยว่จู่โจมเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง และระเบิดจิตสังหารออกมาอย่างสมบูรณ์
นางต้องการที่จะใช้การโจมตีอันบ้าคลั่งทำให้จิตใจของมู่เฉียนซีเกิดความปั่นป่วน แต่ทว่านางกลับประเมินประสบการณ์ในการต่อสู้จริงของมู่เฉียนซีต่ำไปหน่อย แน่นอนว่านางหมดหนทางในการบดขยี้ความสามารถของมู่เฉียนซีได้ เช่นนั้นจึงได้ทำเพียงผลาญพลังของนางเท่านั้น
แน่นอนว่าความสามารถทางพลังวิญญาณของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตต้องมีมากมายเกินจะหยั่งถึงอยู่แล้ว และคนที่พลังหมดไปก่อนต้องไม่ใช่นาง
แต่ทว่าเมื่อได้เผชิญหน้ากับมู่เฉียนซี กลับต้องเป็นนางที่พบกับที่เรื่องน่าเศร้า เพราะการเผาผลาญของนางเร็วเสียยิ่งกว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตผู้นี้เสียอีก!
และยาฟื้นฟูพลังวิญญาณของอีกฝ่าย ก็ยังให้ผลที่ดีกว่าของนางอีกด้วย!
สีหน้าของลูกศิษย์สาวแห่งสำนักหลินเยว่ทั้งสองก็พลันเปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน “แย่แน่! นางสาวน้อยบ้านี่ต้องการจะผลาญพลังของศิษย์พี่หญิงจนตายเลยหรืออย่างไร? ช่างต่ำช้าจริง ๆ เลย”
“ไม่อาจปล่อยให้นางคนนี้ประสบความสำเร็จต่อไปได้อีกแล้ว พวกเราลงมือพร้อมกันเถอะ!”
“นี่ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดกฏอย่างนั้นหรือ?”
“ศิษย์พี่ของสำนักหมอทมิฬไม่ถือสาหรอกน่า”
ตอนนี้พวกนางไปช่วยเหลือศิษย์พี่หญิงของพวกนาง และคนของสำนักหมอทมิฬก็ชมการแสดงอย่างยินดี ซึ่งแน่นอนว่าไม่ถือสาอยู่แล้ว
ความสามารถสมกับที่เป็นถึงอัจฉริยะอันดับหนึ่งของดินแดนทางตอนใต้อย่างในข่าวลือจริง ๆ!
หญิงสาวทั้งสองลอบโจมตีมู่เฉียนซี แต่ทว่ามู่เฉียนซีได้มีเตรียมการป้องกันคนอื่นเอาไว้แต่แรกแล้ว เงาร่างพุ่งทะยานออกไปราวกับสายฟ้าก็มิปาน และมันก็ทำให้การโจมตีของพวกนางพลาดไป
ปัง ปัง ปัง!
พวกนางยังคงไล่ล่ามู่เฉียนซีที่ล่าถอยต่อไป
ตูมมม โครมมม
หลังจากการปะทะฝีมือกันอย่างดุเดือด พวกนางก็สบโอกาส
ในที่สุดก็สามารถจัดการมู่เฉินซีได้แล้ว! และตอนนี้ความดีใจก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของพวกนาง
ตูมมม!
ทักษะวิญญาณทั้งสามพุ่งตรงเข้าไปกระแทกใส่มู่เฉียนซี ซึ่งก็ทำให้มู่เฉียนซีไม่สามารถสกัดกั้น และหลบหนีไปได้
เฮยฮั่นลูบคางแล้วกล่าวว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าจะเผยช่องโหว่ที่ใหญ่ถึงเพียงนี้ ขนาดนางผู้หญิงโง่ทั้งสามยังสามารถค้นพบได้ นี่มันไม่เหมือนรูปแบบของนางเลย!”
“หรือจะพูดว่า นางเข้าตาจนแล้วอย่างนั้นหรือ?”
ในตอนที่คนของสำนักหลินเยว่ทั้งสามคิดว่าสามารถทำให้มู่เฉินซีบาดเจ็บสาหัสได้แล้วนั้น ใบพัดหยกขาวจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้ามาโจมตีพวกนางด้วยพละกำลังอันมหาศาล
อะไรน่ะ?
สีหน้าของพวกนางเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก นี่มันเป็นไปไม่ได้!
ในเวลาเช่นนี้มู่เฉินซีควรที่จะต้องนอนฟุบอยู่บนพื้นด้วยร่างการที่บาดเจ็บสาหัสถึงจะถูก นางยังสามารถโจมตีพวกนางกลับได้อย่างไรกัน?