ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2076 ขอบพระคุณอย่างยิ่ง
หญิงสาววัยกลางคนของสำนักหลินเยว่คนหนึ่งจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความโกรธแค้นแล้วกล่าวว่า “ถึงจะแพ้ในการแข่งขัน แต่สำนักหลินเยว่ของพวกเราก็ไม่มีทางที่จะมาจัดการกับสาวน้อยอย่างเจ้าด้วยเรื่องเล็กน้อยแค่นี้อยู่แล้ว! แต่เพราะเจ้าเป็นคนที่โหดร้ายมาก คิดไม่ถึงเลยว่าจะฆ่าลูกศิษย์ชั้นนำของสำนักหลินเยว่ของข้าอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้”
“เจ้าอย่าคิดที่จะไม่ยอมรับ เพราะพวกข้ามีหลักฐานที่ชัดเจนอยู่ด้วย!”
ทันทีที่นางโบกมือ ก็มีฉากหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้าของนาง และนั่นก็คือฉากที่ศิษย์พี่หญิงของสำนักหลินเยว่ถูกสังหารอย่างน่าอนาถนั่นเอง
“กรี๊ดดดด!”
ฉากที่อยู่ตรงหน้านั้นค่อนข้างน่าหวาดกลัวเล็กน้อย อย่างไรเสียเฮยฮั่นก็ลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมมากจริง ๆ และเมื่อบางคนได้เห็นก็ต้องร้องอุทานออกมาอย่างตกใจด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด
“โอ้พระเจ้า! มู่เฉินซีเป็นแม่นางน้อยที่อายุยังไม่เต็มยี่สิบดีเลย เหตุใดถึงลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้!”
“เห็นอยู่ว่าลูกศิษย์สำนักหลินเยว่คนนั้นยอมแพ้แล้วนี่น่า! นาง…เหตุใดนางต้องทำเช่นนั้นด้วยเล่า?”
“……”
แววตาที่ทุกคนจ้องมองไปยังมู่เฉียนซีเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวขึ้นมาทันที จะให้พวกเขาชื่นชมนับถืออัจฉริยะปีศาจอย่างนี้ได้เช่นไร
หากอัจฉริยะที่มีจิตใจบ้าคลั่งและโหดเหี้ยมเช่นนี้ จะต้องกลายเป็นหายนะอย่างแน่นอน!
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่ได้ทำ!”
“มู่เฉินซี เจ้าอย่าคิดที่จะมาเล่นลิ้นนะ ลูกศิษย์สำนักหลินเยว่ของพวกข้าเห็นทั้งหมดด้วยตาตนเอง เจ้าคิดว่าจะโกหกได้อย่างนั้นหรือ?”
ลูกศิษย์สาวของสำนักหลินเยว่ที่หน้าตาซีดเผือดคนหนึ่งยืนอยู่ข้างผู้หญิงคนนั้น กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า “มู่เฉินซีเป็นคนทำ ศิษย์กลัวว่านางจะไม่ยอมรับจึงได้ใช่ศิลาบันทึกภาพมาบันทึกการกระทำของนางเอาไว้ ทุกคนอย่าถูกนางหลอกเอาได้นะเจ้าคะ”
“มู่เฉินซี เจ้ายังมีเรื่องอะไรที่จะพูดอยู่อีกหรือไม่?” หญิงสาววัยกลางคนผู้นั้นกล่าว
“กองกำลังระดับสี่อย่างสำนักหลินเยว่ของพวกเจ้า ทั้งแข็งแกร่งและทรงพลัง แต่พวกเจ้าปักใจที่จะต้องการสาดน้ำโคลนใส่ข้า ถึงข้าจะอธิบายอย่างไร หรือพูดความจริงกับพวกเจ้าแค่ไหน พวกเจ้าก็ไม่มีทางยอมรับมิใช่หรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างถากถาง
“มู่เฉินซี หากตอนนี้เจ้าฆ่าตัวตายในที่สาธารณะ สำนักหลินเยว่ของข้าก็จะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเจ้าอีก! แต่หากเจ้ายืนกรานที่จะไม่ชดใช้ความผิดของเจ้าแล้วละก็ เช่นนั้นพวกข้าก็คงทำได้เพียงแค่ใช้วิธีของสำนักหลินเยว่ในการจัดการกับเจ้า”
หญิงวัยกลางคนยืนข้อเสนอที่มากเกินไปเช่นนี้ด้วยความหยิ่งผยอง และในขณะที่มู่เฉียนซียังไม่ทันจะเอ่ยปาก ผู้อาวุโสของสำนักหมอทมิฬคนหนึ่งกลับกล่าวขึ้นมาว่า “ผู้อาวุโสหวง ทำเช่นนี้ไม่ได้นะ! มู่เฉินซีคือคนที่เจ้าสำนักต้องการเรียนเชิญไปเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของสำนักหมอทมิฬ ฉะนั้นข้าไม่มีทางปล่อยให้พวกเจ้าฆ่านางได้หรอก”
“มู่เฉินซีเอาชนะนายน้อยของพวกเจ้าทำให้สำนักหมอทมิฬของพวกเจ้าต้องอับอาย คิดไม่ถึงเลยว่าสำนักหมอทมิฬของพวกเจ้าจะเชิญนางไปเป็นแขกผู้ทรงเกียรติอีกหรือ?” ผู้อาวุโสหวงผงะไปครู่หนึ่ง และไม่รู้ว่าสำนักหมอทมิฬมีเป้าหมายอะไรอยู่กันแน่?
ส่วนคนอื่น ๆ ต่างก็ไม่เข้าใจเช่นกัน นายน้อยของสำนักหมอทมิฬถูกมู่เฉินซีโจมตีอย่างน่าเวทนาถึงเพียงนั้น ถึงสำนักหมอทมิฬจะไม่ดึงเส้นเอ็นถลกหนังนางก็ยังไม่เท่าไร แต่คิดไม่ถึงว่าจะเชิญนางไปเป็นแขกด้วย?
“เจ้าสำนักของพวกข้ามีความสงสัยใคร่รู้ในตัวอัจฉริยะอันดับหนึ่งของดินแดนทางทิศตะวันออกผู้นี้เป็นอย่างมาก สำนักหลินเยว่โปรดเห็นแก่หน้าสำนักหมอทมิฬของพวกเราด้วย! หากในอนาคตสำนักหลินเยว่ต้องการยาอะไร เจ้าสำนักของพวกเราจะดูแลสำนักหลินเยว่เป็นอย่างดีแน่นอน” ผู้อาวุโสของสำนักหมอทมิฬกล่าวพลางคลี่ยิ้มจนตาหยี
ประโยชน์เช่นนี้ทำให้คนรู้สึกหวั่นไหวมากทีเดียว!
คนของสำนักหลินเยว่จึงรับปากว่าจะปล่อยมู่เฉินซีไป พวกนางรู้ดีว่าแม้สำนักหมอทมิฬจะใช้คำพูดที่ดูดีอย่างการเชิญไปเป็นแขกก็ตาม แต่คาดว่าเมื่อมู่เฉินซีไปถึงสำนักหมอทมิฬแล้ว น่าจะต้องถูกฆ่าอย่างทุกข์ทรมานมากกว่านี้เป็นแน่
แต่มู่เฉียนซีกลับกล่าวว่า “ข้าไปขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกเจ้าตั้งแต่เมื่อใดกัน? คำพูดของสำนักหลินเยว่ของพวกเจ้า มันเป็นเพียงแค่เรื่องตลกสำหรับข้าเท่านั้น! ส่วนการไปเป็นแขกของสำนักหมอทมิฬ พวกเจ้าคิดว่าข้าโง่เง่า จนมองเจตนาแอบแฝงของพวกเจ้าไม่ออกอย่างนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีเปิดเผยพวกเขาในที่สาธารณะอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของผุ้อาวุโสจากสำนักหมอทมิฬผู้นั้นมืดมนลงทันที เขากล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “แม่สาวน้อย เจ้าสำนักของพวกเราเชิญเจ้าด้วยตนเอง ฉะนั้นเจ้าจะมองข้ามไม่ได้เด็ดขาด”
“ถอยไป อย่ามาขวางทางข้า” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ยังคิดที่จะไปอีกหรือ ฝันไปเถอะ!”
บนฝ่ามือของผู้อาวุโสผู้นี้มีไอพิษผุดขึ้นมา จากนั้นเขาก็พุ่งเพื่อเข้าไปจับมู่เฉียนซี ซึ่งไอพิษนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้สาวน้อยผู้นี้หมดสติได้!
ฉะนั้นจึงรอให้คนหมดสติแล้ว ค่อยพากลับไปจะดีกว่า
แต่คิดไม่ถึงว่ามู่เฉียนซีจะสามารถหลบหลีกการจับกุมของเขาได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าร่างกายของนางจะเปื้อนไอพิษไปแล้ว มู่เฉียนซีกลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
“คิดไม่ถึงเลยว่าพิษของข้าจะใช้กับเจ้าไม่ได้ผล ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสามารถทำให้นางน้อยต้องทุกข์ทรมานได้”
และเมื่อมู่เฉียนซีหลบหลีกได้อีกครั้ง ผู้อาวุโสผู้นี้ก็ลงมืออย่างจริงจังมากขึ้น และคราวนี้แม่สาวน้อยผู้นี้อย่าคิดที่จะหลบหลีกได้อีกเลย
“ไอ้เฒ่า หยุดเดี๋ยวนี้! มารังแกแม่นางน้อยเพียงคนเดียว พวกเจ้าไม่อับอายบ้างหรือไร!” มีร่างสีขาวร่างหนึ่งมาขวางหน้าพวกเขาเอาไว้ และชายชราคนหนึ่งก็กล่าวขึ้นมาอย่างโกรธเคือง
“ใช่แล้ว! ท่านเจ้าสำนัก คิดไม่ถึงเลยว่าสำนักหมอทมิฬจะทำเรื่องที่อับอายขายหน้าเช่นนี้ ข้าทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วเช่นกัน”
จากนั้นก็มีชายชราอีกสองสามคนปรากฏตัวขึ้น และปกป้องมู่เฉียนซีเอาไว้
ผู้อาวุโสของสำนักหมอทมิฬกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “ผู้อาวุโสของสำนักเซิ่งหลิน อย่าเข้ามาเกะกะ! รีบไสหัวไปเสีย”
เรื่องที่มู่เฉินซีเป็นคนรู้จักของลูกศิษย์สำนักเซิ่งหลิน ผู้คนมากมายต่างก็รู้ดี แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะดีจนทำให้ยอดฝีมือของสำนักเซิ่งหลินออกโรงเองเช่นนี้ ถึงแม้ว่าจะต้องทำให้สำนักหมอทมิฬขุ่นเคืองใจแต่ก็ยังออกมาปกป้องมู่เฉินซีอยู่ดี
เจ้าสำนักเซิ่งหลินกล่าวว่า “หากมีข้าอยู่! สำนักหมอทมิฬของพวกเจ้าอย่าคิดที่จะแตะต้องแม่สาวน้อยมู่ผู้นี้ได้เลย! อย่างไรเสียลูกศิษย์ผู้ไร้ความสามารถหลายคนของข้า ต่างก็ติดหนี้นางอยู่มากมายนัก”
“หากยังไม่ไสหัวไป! แม้แต่พวกเจ้าข้าก็จะกำจัดไปพร้อมกันเสียเลย” คนของสำนักหมอทมิฬกล่าวอย่างเย็นชา
สำนักเซิ่งหลินเป็นเพียงแค่กองกำลังระดับสี่ขั้นต่ำเท่านั้น เมื่อเทียบกับสำนักหมอทมิฬแล้วยังถือว่าห่างไกลกันมากนัก และพวกเขาก็ไม่ได้เห็นสำนักเซิ่งหลินอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
“เช่นนั้นเจ้าก็สามารถลองดูได้!”
“ตูมมม!” ผู้แข็งแกร่งของสำนักเซิ่งหลินได้เริ่มปะทะฝีมือกับคนของสำนักหมอทมิฬแล้ว
“แม่สาวน้อย เจ้าหนีไปก่อน! พวกข้าจะขัดขวางเดียรัจฉานเฒ่าผู้นี้เอาไว้ให้เอง!” เจ้าสำนักเซิ่งหลินกล่าวกับมู่เฉียนซี
แน่นอนว่าคนของสำนักหมอทมิฬไม่มีทางปล่อยให้มู่เฉียนซีหลบหลีไปได้ ฉะนั้นพวกเขาจึงกล่าวกับคนของสำนักหลินเยว่ว่า “สำนักหลินเยว่ทุกท่าน อย่าปล่อยให้แม่สาวน้อยผู้นี้หนีไปได้!”
ขณะนี้พวกเขาต้องการที่จะร่วมมือกันในการจัดการกับมู่เฉียนซี
ซึ่งคนของสำนักหลินเยว่ก็ไม่ต้องการปล่อยให้มู่เฉียนซีหนีไปได้แน่นอนอยู่แล้ว ฉะนั้นพวกนางจึงร่วมมือด้วยความยินดียิ่ง และพุ่งเข้าจู่โจมมู่เฉียนซีในทันที
“ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้!” มีน้ำเสียงที่โกรธเคืองเสียงหนึ่งคำรามออกมา
มีชายชราอีกสองสามคนเข้าร่วมการต่อสู้ และคนเหล่านั้นก็คือเหล่าผู้อาวุโสที่คอยพิทักษ์แผ่นศิลาโบราณนั่นเอง
“กองกำลังระดับสี่ของแดนซวนเทียนในตอนนี้ป่าเถื่อนได้ถึงเพียงนี้เลยอย่างนั้นหรือ? คิดไม่ถึงเลยว่าจะร่วมมือกันจัดการแม่นางน้อยเพียงคนเดียว ดูท่าแล้วถึงหน้าแก่ ๆ นั่นของพวกเจ้าต้องอับอายก็ไม่เป็นไรสินะ”
พวกเขาคิดไม่ถึงว่ายอดฝีมือระดับต่ำเหล่านี้จะช่วยเหลือมู่เฉินซี ผู้อาวุโสหวงจากสำนักหลินเยว่กล่าวว่า “หรือผู้อาวุโสทุกท่านจะยื่นมือเข้ามายุ่งด้วยอย่างนั้นหรือ?”
“เรื่องเช่นนี้หากข้าไม่ได้เห็นมันอยู่ต่อหน้าก็ไม่เป็นไรหรอก แต่มันเกิดขึ้นต่อหน้าข้า จะให้ข้าไม่สนใจได้เยี่ยงไร!”
“เช่นนั้นทางนี้คงต้องล่วงเกินผู้อาวุโสทุกท่านแล้ว”
แม้ว่าผู้อาวุโสผู้พิทักษ์เหล่านี้ออกโรง แต่คนของสำนักหลินเยว่และสำนักหมอทมิฬต่างก็ไม่คิดที่จะปล่อยมู่เฉียนซีไปอยู่ดี
ตูมมมม!
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน และความสามารถของผู้อาวุโสที่พิทักษ์ศิลาโบราณสองสามคนนี้ก็ไม่ได้อ่อนแอเลย ฉะนั้นการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งจากทั้งสองฝ่ายกลายเป็นเสมอกันไปทันที
“ให้ตายเถอะ!” ผู้อาวุโสของสำนักหมอทมิฬสบถออกมาอย่างโกรธเคือง
แสงเย็นยะเยือกฉายวาบขึ้นมาในดวงตาของเขา จากนั้นก็กล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “ทุกท่าน หากผู้ใดช่วยเหลือพวกข้าในการจับตัวมู่เฉินซีสาวน้อยที่ไม่รู้จักดีชั่วผู้นี้ได้ เจ้าสำนักของพวกข้าจะขอบพระคุณอย่างยิ่ง!”
ต้องรู้ว่าเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬ เป็นบุคคลผู้ทรงพลังที่กำลังจะกลายเป็นนักปรุงยาขั้นเทวะ และการขอบคุณของคนเช่นนี้ ก็มากพอที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลาย ๆ คนได้มากทีเดียว
ด้วยผลประโยชน์เช่นนี้ จึงมีคนมากมายที่พร้อมจะกระทำเรื่องเลวร้าย และคอยเฝ้ามองมู่เฉียนซี เพื่อหาโอกาสในการลงมือ!
.