ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2077 แตะต้องนางไม่ได้
ก่อนที่พวกนักแสวงหากำไรเหล่านี้จะได้ทันได้ดำเนินการ ทันใดนั้นก็มีพลังอันเย็นยะเยือกจู่โจมเข้ามา
และทันใดนั้นก็มีร่างสีเขียวปรากฏตัวขึ้นมากลางอากาส และข้างกายของเขาก็มีคนติดตามมาด้วยหลายคนเลยทีเดียว ซึ่งกลิ่นอายที่เหี้ยมโหดและเลือดเย็นของพวกเขา เป็นเหมือนกับเพชฌฆาตอย่างไรอย่างนั้นเลย
ด้วยหน้ากากที่เป็นสัญลักษณ์นั่น ต่างเป็นที่รู้จักของคนมากมายที่อยู่ในสถานที่แห่ง และพวกเขาก็อุทานขึ้นมาว่า “คุณชายชิงหลง”
“ไม่ว่าผู้ใดก็แตะต้องนางไม่ได้ทั้งนั้น!”
มีน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกดังขึ้น และตอนนี้คุณชายชิงหลงก็มายืนอยู่ข้างกายของมู่เฉียนซีแล้ว
สีหน้าของคนอื่น ๆ เปลี่ยนไปอย่างมาก มู่เฉินซีไม่เพียงแต่มีความสัมพันธ์อันดีกับสำนักเซิ่งหลินเท่านั้น ซ้ำยังทำให้ผู้พิทักษ์ศิลาโบราณออกมาปกป้องนางได้อีก และคิดไม่ถึงว่ายังสามารถทำให้คุณชายชิงหลงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือได้อีกด้วย
ทุกคนต่างรู้ว่าคุณชายชิงหลงนั้นเป็นผู้สูงส่งที่เย็นชาเป็นอย่างมาก และเขาก็ไม่ชอบที่จะเข้าไปยุ่งวุ่นวายเรื่องของผู้อื่นเลย
สีหน้าของคนจากสำนักหมอทมิฬและสำนักหลินเยว่ในตอนนี้เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดขึ้นมาทันที “คุณชายชิงหลง พวกเราไม่ได้มีความแค้นกับท่าน วันนี้ท่านจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเราทั้งสองสำนักเพื่อเด็กสาวผู้นี้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
“ข้าบอกว่า ผู้ใดก็ไม่สามารถแตะต้องนางได้ แน่นอนว่ารวมไปถึงพวกเจ้าด้วย”
ทันทีที่คุณชายชิงหลงโบกมือ ลูกน้องที่เขาพามาด้วยก็กำลังจะลงมือทันที ซึ่งนี่ก็ทำให้คนของสำนักหมอทมิฬและสำนักหลินเยว่มีความกดดันเพิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีก
และคนเหล่านี้ต่างก็เป็นองครักษ์ส่วนตัวของคุณชายชิงหลงทั้งนั้น ซึ่งพวกเขาแต่ละคนล้วนมีความอันตรายเป็นอย่างมาก
แม้ว่าพวกเขาจะสามารถต่อต้านคนเหล่านี้ได้ แต่คาดว่าน่าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนักเลยทีเดียว
มู่เฉียนซีมีคุณชายชิงหลงคอยคุ้มครองอยู่ ฉะนั้นคนเหล่านี้จึงไม่กล้าที่จะกระทำเรื่องบุ่มบ่ามแต่อย่างใด
ดูเหมือนว่าเมื่อเทียบกับชื่อของนักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งดินแดนทางทิศตะวันออกแล้ว ชื่อของคุณชายชิงหลงจะมีพลังในการสยบผู้อื่นมากกว่าเล็กน้อย
ผู้อาวุโสหวงของสำนักหลินเยว่กล่าวขึ้นมาว่า “พวกเราไปเถอะ!”
หากพวกนางเผชิญหน้ากับคุณชายชิงหลงแล้วละก็ มันก็เหมือนการเอาไข่ไปกระทบหินเสียเปล่า ๆ ฉะนั้นกลับสำนักไปหารือกับท่านเจ้าสำนักก่อนค่อยเคลื่อนไหวจะดีกว่า
ในตอนที่พวกนางกำลังจะไป แต่มู่เฉียนซีกลับไม่อยากให้พวกนางจากไปอย่างง่ายดายเช่นนั้น “รอเดี๋ยว!”
“มู่เฉินซี นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน? วันนี้พวกข้าเห็นแก่หน้าคุณชายชิงหลงหรอกนะ ถึงได้ยอมปล่อยเจ้าไปสักครั้ง! เจ้าควรรู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควรสิ”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ก่อนหน้านี้สำนักหลินเยว่ของพวกเจ้าใส่ร้ายข้า ข้ารู้สึกว่าทำให้มันชัดเจนในทันทีจะเป็นเรื่องที่ดีมากกว่า ข้ามีวิธีทำให้คนพูดความจริงออกมาได้!”
“ไปจับผู้หญิงคนนั้นมาให้ข้า! คุณชายชิงหลง!” มู่เฉียนซีมองไปที่ชิงหลงด้วยรอยยิ้ม นอกจากนี้ยังสั่งการให้เขาทำงานให้อีกด้วย
ไอเย็นยะเยือกบนร่างกายของชิงหลงน่าหวาดกลัวขึ้นเล็กน้อย เขาจ้องไปที่มู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “นี่เจ้ากำลังสั่งข้าอยู่อย่างนั้นหรือ?”
เดิมทีเขายืนอยู่ข้างกายมู่เฉียนซีในฐานะของผู้ปกป้องคุ้มครอง แต่ทว่าเวลานี้บรรยากาศของทั้งสองคนกลับเปลี่ยนไปเล็กน้อย
นั่นเป็นเพราะคุณชายชิงหลงโกรธขึ้นมาแล้ว!
มู่เฉินซีใช้น้ำเสียงปกติสั่งการให้คุณชายชิงหลงทำงานให้ นางช่างมีความใจกล้าบ้าบิ่นเสียจริง ๆ หากคุณชายชิงหลงไม่โมโหก็คงเป็นเรื่องที่แปลกแล้ว
ในตอนที่ทั้งสองคนเริ่มมีปัญหากัน คนที่ดีใจมากที่สุดก็ต้องเป็นคนของสำนักหลินเยว่และคนของสำนักหมอทมิฬแน่นอนอยู่แล้ว
หากไม่มีคุณชายชิงหลงเพิ่มเข้ามา การจัดการแม่สาวน้อยมู่เฉินซีผู้นี้ก็จะเปลี่ยนเป็นง่ายดายขึ้นมากเลยทีเดียว
เรื่องที่พวกเขาทั้งสองเข้ากันไม่ได้ ทำให้ภายในใจของพวกเขายินดีเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าก็คุ้นเคยกับข้าแล้วนี่น่า! ข้าจะเร่งแก้ไขเรื่องเปิดกิจการให้ได้โดยเร็ว เจ้าจะทำหรือไม่ล่ะ?”
และสิ่งที่ทำให้ทุกคนตื่นตกใจจนตาแทบจะถลนก็คือ คุณชายชิงหลงไม่ได้ปฏิเสธ และคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำมันจริง ๆ
“กรี๊ดดดด!” มีเสียงร้องโหยหวนเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
ลูกศิษย์ของสำนักหลินเยว่ที่ชี้ว่ามู่เฉินซีเป็นคนฆ่าศิษย์พี่หญิงใหญ่ของพวกนางก่อนหน้านี้ ได้ถูกคุณชายชิงหลงจับมาโยนไว้ตรงหน้ามู่เฉียนซีเรียบร้อยแล้ว
แกร่ก!
ขาทั้งสองข้าของผู้หญิงคนนั้น ได้ถูกคุณชายชิงหลงหักไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
นางร้องขอความเมตตาด้วยใบหน้าซีดเผือดที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของนาง “อย่าฆ่าข้า! ได้โปรดอย่าฆ่าข้าเลย!”
ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะคำข่มขู่ของนายน้อยสำนักหมอทมิฬก่อนหน้านี้ ที่ทำให้นางต้องโกหกออกมาเท่านั้น
และสิ่งที่บันทึกความทรงจำไว้ก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นด้วย ซึ่งมันได้ลบฉากที่เฮยฮั่นเป็นคนลงมือออกไปหมดแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ฆ่าเจ้าหรือ? ข้าจะฆ่าเจ้าได้อย่างไรล่ะ! เจ้าเพียงแค่ถูกคนของสำนักหมอทมิฬวางยาพิษข่มขู่เพื่อเป็นพยานเท็จเท่านั้นเอง”
“วางใจเถอะ ข้าไม่เพียงแต่ไม่ฆ่าเจ้า แต่จะช่วยถอนพิษให้เจ้าอีกด้วย! นี่คือยาถอนพิษ!” มู่เฉียนซีกล่าวพลางหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมา
ผู้อาวุโสหวงของสำนักหลินเยว่ผู้นั้นก็ตะลึงงันไปเช่นกัน “นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
มู่เฉียนซีกล่าวพลางคลี่ยิ้มบาง ๆ ว่า “เจ้าอย่ารีบร้อนสิ! อีกเดี๋ยวนางก็จะพูดความจริงออกมาแล้ว”
ถึงจะไม่อยากกินยาแต่ก็ต้องกินอยู่ดี และหลังจากที่นางกินยาลูกกลอนลงไปแล้ว ก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเองดีขึ้นมากเลยทีเดียว
จากนั้นมู่เฉียนซีก็กระซิบที่ข้างหูของนางว่า “เอาล่ะ เจ้าเอาความจริงบอกแก่ทุกคนเสียเถอะ!”
“ตกลง!”
หลังจากที่นางรับปากก็กล่าวขึ้นมาว่า “คนที่ฆ่าศิษย์พี่หญิงใหญ่เดิมทีแล้วไม่ใช่มู่เฉินซีหรอกเจ้าค่ะ แต่เป็นนายน้อยเฮยฮั่นของสำนักหมอทมิฬต่างหาก! เดิมทีแล้วพวกเราเป็นพันธมิตรกันมาก่อน ทว่าเขากลับฆ่าศิษย์พี่หญิงใหญ่ที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินซีโดยที่ไม่พูดไม่จาเลยสักคำ วิธีการลงมือของคนผู้นี้โหดร้ายมาก มันโหดเหี้ยมมากเลยจริง ๆ”
“หากพวกท่านไม่เชื่อแล้วละก็ เมื่อมองให้ละเอียดแล้วก็จะรู้ได้เอง! มู่เฉินซีเป็นเพียงจอมภูตพลังธาตุวายุคนหนึ่งเท่านั้น แต่นี่มันใช่อย่างนั้นหรือ?”
“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องจริงเลย”
“นั่นไม่ใช่พลังวิญญาณพิษที่เป็นเอกลักษณ์ของสำนักหมอทมิฬอย่างนั้นหรือ?”
“……”
หลังจากที่เรื่องทั้งหมดได้ถูกเปิดเผย ทุกคนต่างก็พากันตกตะลึง!
ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ไม่มีคนค้นพบเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ แต่เนื่องด้วยพลังอำนาจของสำนักหมอทมิฬ พวกเขาจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเท่านั้น
สีหน้าของคนจากสำนักหมอทมิฬและสำนักหลินเยว่ยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ “นางสารเลว คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้าโกหกข้า!”
แม้ว่าจะไม่ใช่เพราะเรื่องที่มู่เฉินซีฆ่าลูกศิษย์ของสำนักหลินเยว่ พวกนางก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินการจัดการมู่เฉินซีต่อไปอยู่แล้ว แต่นางกลับรับไม่ได้ที่ถูกลูกศิษย์คนหนึ่งหลอกเช่นนี้
มู่เฉียนซีผลักคนผู้นั้นออกไปแล้วกล่าวว่า “ลูกศิษย์สำนักหลินเยว่ของพวกเจ้า ต้องการจะจัดการอย่างไรก็จัดการเถอะ! ข้าได้พูดสถานการณ์ไปอย่างชัดเจนแล้ว แต่หากพวกเจ้ายังอยากจะที่เคลื่อนไหวละก็ เช่นนั้นก็เชิญทำตามสบายได้เลย!”
ผู้อาวุโสหวงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ นางกัดฟันแล้วมองไปที่มู่เฉียนซี และหลังจากที่พาลูกศิษย์ที่สีหน้าซีดเผือดผู้นั้นไปแล้วก็กล่าวขึ้นมาว่า “พวกเราไป!”
พวกนางไม่ได้ฆ่าใคร นอกจากนี้ผู้คนมากมายก็ยังรู้ว่าพวกนางใส่ร้ายมู่เฉินซีอีก วันนี้พวกนางอับอายขายหน้าจนไม่เหลือชิ้นดีแล้วจริง ๆ
“สำนักหมอทมิฬของพวกเจ้า จะต้องอธิบายเรื่องนี้กับพวกเราโดยเร็วที่สุด! มิเช่นนั้นสำนักหลินเยว่ของพวกเราไม่ยอมลามือแน่!” ก่อนออกเดินทาง นางกล่าวกับคนของสำนักหมอทมิฬอย่างโกรธเคือง
อย่างไรเสียคนที่ถูกฆ่าไปนั้นไม่ใช่ลูกศิษย์ธรรมดา แต่เป็นถึงลูกศิษย์ที่มีความโดดเด่นมากที่สุด หากสำนักหลินเยว่ของพวกนางไม่ดำเนินการใด ๆ เลย คงจะต้องถูกคนอื่นเข้าใจว่าสำนักหลินเยว่ของพวกนางกลัวสำนักหมอทมิฬของเขาเป็นแน่
ผู้อาวุโสของสำนักหมอทมิฬกล่าวว่า “วางใจเถอะ! เรื่องนี้ข้าจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนอย่างแน่นอน! หากมีผู้ใดต้องการใส่ร้ายนายน้อยของพวกข้า สำนักหมอทมิฬของพวกข้าไม่มีทางปล่อยคนผู้นั้นไปแน่”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเยาะเย้ยว่า “ข้อเท็จจริงก็อยู่ตรงหน้าขนาดนี้แล้ว คนที่ตาบอดยังรู้เลยว่าผู้ใดเป็นคนทำ! พวกเจ้ายังพูดว่ามีคนใส่ร้ายนายน้อยของพวกเจ้าอีก หน้าของพวกเจ้าน่ะ! ไม่เอาแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“แม่สาวน้อย เจ้ารนหาที่ตายนัก!” ผู้อาวุโสของสำนักหมอทมิฬเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก และเตรียมที่จะฟาดมู่เฉียนซีด้วยฝ่ามือของเขาเอง
ท่านเจ้าสำนักบอกแล้วว่า หากไม่สามารถเอาไปทั้งเป็นได้ละก็ ถึงตายแล้วก็เอาไปได้เช่นกัน!
ทว่ามีคุณชายชิงหลงอยู่ด้วย เขาจึงไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ แต่ยังไม่ทันรอให้เขาได้ลงมือ ร่างสีดำก็ปรากฏตัวขึ้นมาอยู่ตรงหน้าของเขา และพุ่งเข้ามาโจมตีเขาจนลอยละลิ่วออกไป
ตูมมมม!
“ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณ! คิดไม่ถึงว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณ”
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของทุกคน พวกเขารู้มาตลอดว่าตัวตนของคุณชายชิงหลงนั้นลึกลับเป็นอย่างมาก แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าข้างกายของเขาจะมีผู้แข็งแกร่งระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณอยู่ด้วย
ผู้คนโดยรอบต่างหวาดกลัวกับสิ่งที่ตระหนักรู้อย่างกะทันหันนี้ และภายในใจของพวกเขาก็คิดขึ้นไปในทิศทางเดียวกันว่า อย่าได้ทำให้คุณชายชิงหลงผู้นี้ขุ่นเคืองใจเป็นอันขาด
.
.