ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2082 อัจฉริยะขั้นสุดยอด
“มู่เฉินซี คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะโชคดี ที่ยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ได้!”
คนระดับสูงทั้งสองกลุ่มที่รวมตัวกันปรากฏตัวขึ้น และพวกเขาก็มีเป้าหมายเดียวกัน
และในตอนที่ตนเองเห็นสาวน้อยผู้นั้นอยู่เบื้องหน้า ภายในแววตาของพวกเขาก็ฉายแววเย็นยะเยือกออกมา
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “พวกเจ้ามาช้าเกินไปนะ!”
“ท่านผู้อาวุโส คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉินซีจะไม่ได้ตายเพราะยาพิษ ดูเหมือนว่านางจะมีอะไรที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ แม้ว่าจะจับไปทั้งเป็นไม่ได้ แต่ก็ต้องเอาศพของนางกลับไปให้ได้นะขอรับ” คนของสำนักหมอทมิฬกล่าว
ผู้อาวุโสเยว่จากสำนักหลินเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “มู่เฉินซีจำเป็นที่จะต้องตาย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต! แต่ในเมื่อพวกท่านมีความสนใจในซากศพของนาง พวกเราก็สามารถมอบศพของนางให้ท่านได้! เพราะอย่างไรเสียสำนักหลินเยว่ของพวกเราก็ไม่ได้สนใจทำการค้นคว้าจากซากศพอะไรอยู่แล้ว”
หลังจากที่พวกเขาปิดล้อมรอบมู่เฉียนซีเอาไว้แล้ว พวกเขาก็เริ่มพูดคุยกันว่าจะจัดการมู่เฉียนซีกันอย่างไรดี
ตอนนี้พวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่มั่นใจในตนเอง และคิดว่าการจัดการกับแม่สาวน้อยผู้นี้จะเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากเรื่องหนึ่ง
และก่อนที่พวกเขาจะทันได้ลงมือทำอะไรนั้น มู่เฉียนซีก็เริ่มเคลื่อนไหวด้วยการใช้พลังจิตวิญญาณโจมตีใส่พวกเขาก่อน
เพราะความสามารถของนางด้อยกว่าพวกเขามากมายนัก ฉะนั้นสิ่งเดียวที่สามารถบดขยี้พวกเขาได้ก็คือพลังจิตวิญญาณนั่นเอง
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้!”
คนของสำนักหมอทมิฬและสำนักหลินเยว่ต่างก็ตื่นตกใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ว่าการฝึกฝนทางทักษะวิญญาณขั้นสูงของมู่เฉินซีนั้น ทำให้นางมีพลังในการต่อสู้ที่น่าทึ่งถึงเพียงนี้ได้ เพราะเดิมทีแล้วนางเป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนหนึ่งเท่านั้นเอง
และการที่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตมีความสามารถเช่นนี้ มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากจริงๆ
“ลงมือได้!” เสียงที่เย็นยะเยือกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา จากนั้นกลิ่นอายที่แข็งแกร่งของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์แต่ละคนก็พุ่งทะยานเข้าโจมตีมู่เฉียนซี
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง เสี่ยวโม่โม่!”
ด้วยจำนวนของคู่ต่อสู้ที่มีมากเกินไป มู่เฉียนซีจึงได้ให้สัตว์พันธสัญญาทั้งหมดของนางออกโรงด้วยเช่นกัน
“บ้าไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าแม่สาวน้อยผู้นี้จะมีสัตว์พันธสัญญาเป็นถึงสัตว์เทพระดับหนึ่งสองตัว และสัตว์เทพระดับสองอีกหนึ่งตัวเช่นนี้” คนของสำนักหมอทมิฬก่นดาออกมา
ทั้งสี่คนที่ถูกส่งมาก่อนหน้านี้ไม่ได้ถูกสังหารอย่างไร้ความยุติธรรมแต่อย่างใด และดูเหมือนว่าเป็นเพราะพวกเราดูถูกแม่สาวน้อยผู้นี้มากเกินไปหน่อยเสียมากกว่า
ปัง ปัง ปัง!
เมื่อเผชิญกับการโจมตีของพวกเขา หากใช้ทักษะทางร่างกายของมู่เฉียนซีก็ยากที่จะหลบหลีกได้ ฉะนั้นนางจึงใช้การหมุนเวียนพลังวิญญาณในการหลบหลีกการโจมตีที่หมายจะคร่าชีวิตของพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
และผลึกสีแดงเลือดถูกระเบิดจนปลิวว่อนไปทั่วทุกทิศทาง
“ข้าอู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทาน หนึ่งเดียวในใต้หล้า! คิดว่าจะจัดการนายท่านของท่านอู๋ตี้ผู้นี้ได้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
อู๋ตี้พุ่งทะยานเข้าใส่มนุษย์เหล่านั้นด้วยความโกรธเกรี้ยว
“เพลิงคลั่งชางเหลียน!” เสี่ยวหงคำรามกล่าวอย่างโกรธเคือง
“ความมืดดับสูญ!” เสี่ยวโม่โม่สยายปีกออกแล้วพุ่งทะยานขึ้นไปกลางอากาศ จากนั้นเพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดก็ปะทุออกมาอย่างรุนแรง
เสี่ยวโม่โม่ เสี่ยวหงและอู๋ตี้ได้ช่วยจัดการคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังส่วนใหญ่ให้กับมู่เฉียนซี แต่ว่าก็มีบางคนที่สามารถทะลุเกาะป้องกันของพวกเขา และเข้าใกล้มู่เฉียนซีได้
ผู้อาวุโสเยว่ของสำนักหลินเยว่ผู้นั้นกล่าวว่า “มู่เฉินซี ต้องบอกเลยว่าเจ้านั้นคืออัจฉริยะที่หาที่เปรียบมิได้อย่างแท้จริง หากพวกเราไม่ได้ร่วมมือกับคนของสำนักหมอทมิฬแล้วละก็ เกรงว่าคงจะไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “พูดเหมือนกับว่าตอนนี้เจ้าสามารถทำอะไรข้าได้อย่างนั้นแหละ?”
อีกฝ่ายเป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่! ซึ่งสำหรับมู่เฉียนซีแล้วเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งจนไม่สามารถเอาชนะได้ แต่ถึงเขาต้องการที่จะเอาชีวิตของนาง มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน
“อวดดีนัก! ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตายด้วยกระบวนท่าเดียวให้ดู!” ผู้อาวุโสเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา
นางบอกว่าจะลงมือก็ลงมือในทันที และแส้ยาวราวกับอสรพิษเพลิงที่เต็มไปด้วยพลังเพลิงอัสนีก็พุ่งออกมาโจมตีเข้าที่หน้าอกของมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกางพัดวิหคเฟิงหลิงออก จากนั้นก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “เกราะพลังวายุ!”
“วายุกลืน จันทร์สะพรั่ง!”
ผู้อาวุโสเยว่กล่าวอย่างยิ้มเยาะว่า “น่าขันสิ้นดี เจ้าเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตเท่านั้น แม้ว่าเจ้าจะเชี่ยวชาญในการใช้ทักษะวิญญาณป้องกันที่ทรงพลังมากเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถสกัดกั้นการโจมตีของข้าได้หรอก”
“หลบหรือ! ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะหลบไปไหนพ้น!”
แส้ยาวเส้นนั้น ไล่ล่าไปตามวิถีหลบหลีกของมู่เฉียนซีได้อย่างแม่นยำ ถึงร่างของนางจะหายวาบไปแต่มันก็ยังไล่ตามไปอยู่ดี และจากนั้นมันก็ได้ระเบิดพลังวิญญาณพุ่งเข้าโจมตีมู่เฉียนซีทันที
“แม่นางน้อยผู้อ่อนแอ ถึงคราวตายของเจ้าแล้ว!”
ตูมมม!
พลังที่น่าสะพรึงกลัวได้ห่อหุ้มมู่เฉียนซีเอาไว้ จากนั้นก็เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งบริเวณ
การโจมตีระยะกระชั้นชิดของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่คนหนึ่ง สามารถสังหารผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าคนหนึ่งได้อย่างไม่มีข้อสงสัยใด ๆ เลย
แต่ผู้อาวุโสเยว่ไม่ได้คาดการณ์เอาไว้เลยว่า ในตอนที่นางคิดว่านางสามารถฆ่าคนให้ตายได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวนั้น ทันใดนั้นจะมีพลังวิญญาณธาตุอัคคีที่แข็งแกร่งปะทุออกมาอย่างกะทันหัน และทำให้มีมังกรเพลิงเก้าตัวก็พ่งเข้ามาโจมตีนางอย่างบ้าคลั่ง
“เพลิงสังหารจิ่วหลง!”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?” ผู้อาวุโสเยว่รีบหดตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็รีบถอยหลังออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกมังกรเพลิงเหล่านั้นเข้ามาพัวพัน
และพลังวิญญาณธาตุอัคคีนี้ก็ทำให้นางรู้สึกอันตรายเป็นอย่างมาก
มู่เฉินซียังไม่ตาย!
ร่างเงาสีม่วงพุ่งทะยานออกมา โดยที่ในมือของนางก็ถือกระบี่ยาวสีแดงเพลิงอันทรงพลังเล่มหนึ่งเอาไว้ ซึ่งเปลวเพลิงนั้นก็เป็นเหมือนกับเพลิงนิรันดร์ก็มิปาน และมันก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายของราชันย์ ผู้ที่มิดับสูญไปชั่วนิรันดร์
“เจ้า…คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นจอมภูตพลังธาตุอัคคีด้วย! ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวิญญาณคู่อย่างนั้นหรือ ฉะนั้นข้าก็ยิ่งต้องทำลายเจ้าให้จงได้”
มู่เฉียนซีเช็ดเลือดที่อยู่มุมปากของนาง และที่พวงแก้มของนางก็ถูกก้อนกรวดบาดจนเกิดเป็นบาดแผล แม้จะเป็นเพราะว่าการฝึกฝนร่างกายด้วยสายฟ้าที่ทะเลเมื่อคราวก่อนจะทำให้สามารถสกัดกั้นการโจมตีของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ได้ แต่หากถูกโจมตีในระยะประชิดเช่นนี้ก็สามารถทำให้นางได้รับบาดเจ็บสาหัสได้เช่นกัน
ตอนนี้อวัยวะภายในของนางได้รับความเสียหาย อีกทั้งยังมีกระดูกซี่โครงหักไปหลายซี่อีกด้วย
“เจ้าก็ลองทำมันดูสิ!”
“จัดการเจ้า ยังต้องลองอีกอย่างนั้นหรือ? กระบวนท่าที่แล้วเป็นเพราะข้าประมาทเกินไป คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้ายังมีวิธีในการป้องกันได้อีก กระบวนท่าครั้งที่สองนี้ ข้าสามารถเอาชีวิตเจ้าได้อย่างแน่นอน”
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ด้วยพลังของจอมภูตพลังธาตุคู่อัคคีวารี ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่สามารถฆ่านางได้ทั้งนั้น
พลังวิญญาณของผู้อาวุโสเยว่เปลี่ยนเป็นบ้าคลั่งขึ้นมาแล้ว และในเวลานี้เกาะป้องกันน้ำแข็งโปร่งแสงก็ถูกกางขึ้นมาเบื้องหน้าของมู่เฉียนซีทีละชั้น และได้สกัดกั้นคลื่นแห่งการโจมตีเอาไว้
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
สีหน้าของผู้อาวุโสเยว่แข็งทื่อไปในทันที “น้ำแข็ง…”
“ไม่ใช่สิ เป็นธาตุวารี”
“สามธาตุหรือ?!”
หลังจากที่ใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาหลายครั้ง มู่เฉียนซีก็สามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีนี้ได้หวุดหวิด
กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณร่วงหล่นลงมาบนท้องฟ้า จากนั้นก็ได้ระเบิดทักษะวิญญาณธาตุอัคคีที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา “เพลิงนภาพิฆาต!”
“ให้ตายเถอะ!”
เมื่อได้เผชิญหน้ากับการโต้กลับของมู่เฉียนซี ผู้อาวุโสเยว่ก็ทำได้เพียงแค่สกัดกั้นอย่างจริงจังเท่านั้น
“มู่เฉินซี เจ้านี่ทำให้ข้าประหลาดใจได้มากขึ้นเรื่อย ๆ เลยจริง ๆ! ในการแข่งขันอัจฉริยะ พรสวรรค์ของเจ้านั้นโดดเด่นมากที่สุด ซ้ำยังเอาที่หนึ่งมาได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามันกลับเป็นการแสดงพลังเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น”
“ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวิญญาณสามธาตุ เจ้าคืออัจฉริยะขั้นสุดยอดของแดนซวนเทียนที่ในรอบหมื่นปีจะพบเจอสักครั้ง! ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน”
ผู้อาวุโสเยว่ได้รับคำสั่งให้ขจัดอุปสรรคมากมายเพื่อมู่หลินหลาง และนางยังสังหารสาวน้อยอัจฉริยะไปไม่น้อยแล้วเช่นกัน แต่นี่กลับเป็นครั้งแรกที่นางพูดคำว่าน่าเสียดายออกมา
“ในฐานะอัจฉริยะสาวของแดนซวนเทียน มีฝ่าบาทมู่หลินหลางก็เพียงพอแล้ว! ส่วนคนอื่นที่เกินเข้ามา ไม่จำเป็นที่จะต้องมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป!”
“เจ้าไปตายเสียเถอะ!”
ปัง ปัง ปัง!
ความสามารถของทั้งสองแตกต่างกันมากเกินไป และตอนนี้มู่เฉียนซีก็กำลังถูกบดขยี้อย่างสมบูรณ์แล้ว
“พรวด พรวด พรวด!”
มู่เฉียนซีอาศัยความแข็งแกร่งในการป้องกันทางกายภาพ ทำให้ไม่ถูกการโจมตีของนางฆ่าตาย แต่อาการบาดเจ็บของมู่เฉียนซีตอนนี้กลับยิ่งสาหัสมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ยังมีชีวิตอยู่ได้อีกหรือ?!” ผู้อาวุโสเยว่ผงะไปเล็กน้อย
“จำเป็นที่จะต้องดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์เช่นนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ? ยอมรับชะตากรรมไปเสีย เจ้าก็จะได้ตายอย่างสบายแล้ว มิเช่นนั้นความตายอันเจ็บปวดคงทำให้เจ้าน่าเกลียดมากทีเดียว! แต่ก็ยังดีที่เจ้าถือว่าเป็นสาวงามคนหนึ่งเช่นกัน” ผู้อาวุโสเยว่จ้องมองไปที่มู่เฉียนซีพลางกล่าวอย่างเยาะเย้ย
“ยอมรับชะตากรรมหรือ? แค่เจ้าเนี่ยนะ?” รอยยิ้มประชดปรากฏขึ้นที่มุมปากของมู่เฉียนซี ดวงตาคู่นั้นราวกับต้องการจะทำลายล้างดวงดาราก็มิปาน อีกทั้งมันยังไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อยอีกด้วย
.