ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2084 ซีเอ๋อร์ฟ้อง
การโจมตีของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง แม้ว่ามู่เฉียนซีจะใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตา แต่ก็ยากที่จะหลบได้พ้น อีกทั้งนางยังถูกเล็งเป้าหมายแล้วด้วย
“ตายซะเถอะ!” ผู้อาวุโสเยว่แสยะยิ้มกล่าว
และในเวลานี้เอง ก็ได้มีเสียงแหวกอากาศเสียหนึ่งดังขึ้นมา
ดาบขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งอัสนีเล่มหนึ่ง ได้ร่วงหล่นลงมาจากกลางอากาศ
ตูมมม!
หลังจากเสียงดังกึกก้องกัมปนาท แส้เพลิงอสรพิษที่เป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเทพของผู้อาวุโสเยว่ก็ถูกตัดออกจากกันในทันที
ซึ่งมันเป็นเหมือนกับงูพิษที่ถูกตัดตรงตำแหน่งหลังหัวไปเจ็ดนิ้วก็มิปาน เพราะนอกจากจะสูญเสียพลังไปจนหมดแล้ว มันยังพิการอย่างสมบูรณ์อีกด้วย
เมื่อเห็นดาบหนักที่คุ้นเคยเล่มนั้น อีกทั้งยังมีกลิ่นอายที่คุ้นเคยกำลังใกล้เข้ามา ดวงตาของมู่เฉียนซีก็แปรเปลี่ยนเป็นส่องประกายแวววาวขึ้นมาหลายส่วนในทันที บนใบหน้ายังเต็มไปด้วยความยินดี
มู่เฉียนซีกล่าวกับผู้อาวุโสเยว่ด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าตายแน่ คิดว่าคนอย่างข้าจะไม่มีคนคอยหนุนหลังจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? ข้าเพียงแค่กลัวว่าหากพูดออกไปเดี๋ยวพวกเจ้าจะหวาดกลัว เลยไม่พูดเท่านั้นแหละ”
สีหน้าของผู้อาวุโสเยว่เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก พลังในการกวัดแกว่งดาบนี้แข็งแกร่งยิ่งนัก ฉะนั้นอีกฝ่ายจะต้องเป็นยอดฝีมือแน่นอน
หรือว่าข่าวกรองของพวกเขามีข้อผิดพลาด เรื่องที่อันที่จริงมู่เฉินซีไม่มีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังและเป็นเพียงผู้บำเพ็ญอิสระที่คบค้าสมาคมกับคุณชายจูเชว่และคุณชายชิงหลง แต่นางอาจจะเป็นอัจฉริยะที่มาจากกองกำลังระดับสี่อย่างนั้นหรือ?
นางกล่าวอย่างตกใจว่า “เป็นผู้ใดกัน? คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้ามาขัดขวางงานของสำนักหลินเยว่ของข้า”
ร่างเงาสีแดงเข้มปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซี ถึงรูปร่างจะสูงชะลูดแต่ก็ยังดูแข็งแรงและปราดเปรียว
ผมสีดำขลับของเขาปลิวไสว บนใบหน้าของเขาถูกบดบังไว้ด้วยหน้ากากเหล็กสีนิล
เขายืนอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซี และร่างที่สูงใหญ่นั้นก็ทำให้เขาเหมือนกับยักษาก็มิปาน และไม่ว่าภูตผีปีศาจสัตว์ประหลาดใดที่กล้าเข้ามาทำร้ายมู่เฉียนซี ก็จะต้องถูกเขาบดขยี้จนสิ้นซาก
มู่เฉียนซีเงยหน้าขึ้นมองไปที่ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น และเมื่อได้สบกับมันนั้น นางก็รู้ได้ทันทีว่าตนเองนั้นไม่ได้จำคนผิดแต่อย่างใด
มู่เฉียนซีเดินไปข้างหน้าและดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้ จากนั้นก็กล่าวอย่างเสียอกเสียใจเล็กน้อยว่า “อารอง หญิงชราผู้นี้แล้วยังมีชายชราจากสำนักหมอทมิฬเหล่านั้น พวกเขาเอาแต่ไล่ฆ่าข้ามาตลอดทางเลย ท่านต้องฆ่านางให้ข้านะ!”
เมื่อทั้งสองพบหน้ากัน แม้จะไม่ได้เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริง แต่กลับไม่ได้เป็นอุปสรรคที่ทำให้พวกเขาจำกันไม่ได้เลย
เมื่อรู้ว่าคนผู้นี้คืออารองของนาง แน่นอนว่ามู่เฉียนซีจะต้องเอาพวกเขามาฟ้องอยู่แล้ว
เมื่ออยู่ในหอหมอปีศาจ นางเป็นนายท่านเจ้าหอที่มีวิชาปรุงยาต้านสวรรค์และยังเป็นนักวางแผนกลยุทธ์ของพวกเขา
เมื่ออยู่ท่ามกลางเหล่าคนหนุ่มสาวของราชวงศ์ตงหวง นางก็เป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ที่เหนือธรรมชาติคนหนึ่ง
แต่เมื่ออยู่เบื้องหน้าอารองของนาง นางก็เป็นเพียงเด็กน้อยที่ถูกข่มเหงรังแกจนได้รับความโศกเศร้าเสียใจคนหนึ่งเท่านั้น ฉะนั้นนางจึงสามารถฟ้องได้ตามอำเภอใจนั่นเอง
มู่เฟิงหลิงยื่นมือที่ค่อนข้างใหญ่ออกไปวางลงบนศรีษะของมู่เฉียนซี เมื่อได้เห็นท่าทางเศร้าโศกเสียใจของซีเอ๋อร์แล้ว ภายในใจของมู่เฟิงหลิงก็เจ็บปวดยิ่งนัก
คิดไม่ถึงเลยว่าซีเอ๋อร์จะมาที่แดนซวนเทียนได้รวดเร็วขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังปล่อยให้ถูกพวกเศษสวะที่ตาบอดเหล่านี้มารังแกอีก ภายในใจของเขาตอนนี้จึงลุกโชนไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
เขากล่าวขึ้นมาอย่างตามใจว่า “ได้! อารองจะแก้แค้นให้ซีเอ๋อร์เอง”
“ข้าจะดูว่าพวกเขามีความสามารถมากมายขนาดไหน เพราะแม้แต่ซีเอ๋อร์ของพวกเราก็ยังกล้ามารังแกได้” แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมา และมันก็เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าอย่างรุนแรง
ผู้อาวุโสเยว่รีบถอยหลังอย่างรวดเร็ว และกล่าวด้วยความตื่นตกใจว่า “ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด”
มู่เฉียนซีเองก็ประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน เพราะอารองมายังแดนซวนเทียนก่อนหน้านางเพียงไม่นานเท่าไรนัก แต่ทว่าความสามารถของเขากลับมาถึงจุดนี้ได้แล้ว!
มู่เฉียนซีกล่าวกับอาวุโสเยว่ว่า “อารองของข้าเก่งกาจขนาดนี้ คราวนี้เจ้าจบเห่แน่นอน!”
“ข้าก็ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดเช่นกัน มู่เฉินซี เจ้าอย่ามั่นใจให้มันมากนักเลย” ผู้อาวุโสเยว่กัดฟันกล่าว
ทันทีที่นางพูดจบ มู่เฟิงหลิงก็ยกดาบหนักขึ้นมาแล้วกวาดออกไป
เขากล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “ซีเอ๋อร์ เดี๋ยวอารองก็จัดการเสร็จแล้ว!”
ร่างของเขาพุ่งทะยานออกไปราวกับสายฟ้าแลบอย่างไรอย่างนั้น และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมู่เฟิงหลิง ผู้อาวุโสเยว่ที่เป็นเพียงหญิงชราซึ่งบีบบังคับให้ตนเองยกระดับความแข็งแกร่งมาจนถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดนั้น กลับไม่มีพลังในการต่อสู้ใด ๆ เลย
พรวด!
แค่ปะทะกันเพียงกระบวนท่าเดียว ผู้อาวุโสเยว่ก็บาดเจ็บสาหัส จนกระอักเลือดออกมาแล้ว
ในตอนที่มู่เฟิงหลิงต้องการที่จะฝังนางด้วยการโจมตีอีกดาบหนึ่ง ก็ได้มีเข็มเล่มหนึ่งบินเข้ามา ‘ฉึก!’ จากนั้นมันก็ฝังเข้าไปในผิวหนังของนาง
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อารอง ท่านไปจัดการคนอื่นเถอะ เดี๋ยวข้าจัดการผู้หญิงคนนี้เอง!”
มู่เฟิงหลิงไม่เคยที่จะปฏิเสธคำพูดของหลานสาวตนเองมาก่อนเลย ดังนั้นร่างสีแดงเข้มจึงหายวับไป และได้เข้าร่วมการต่อสู้ของอีกด้านหนึ่ง
“บัดซบเอ้ย! เจ้าเป็นใครกันแน่?”
“ข้าคือคนของสำนักหมอทมิฬ เจ้าสามารถล่วงเกินได้อย่างนั้นหรือ?”
“……”
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!
ไม่ว่าพวกเขาจะร้องตะโกนอย่างไร มู่เฟิงหลิงก็ฆ่าคนไปหลายคนด้วยดาบหนักของเขาในทันที
“กล้ามาไล่ล่าซีเอ๋อร์ พวกเจ้าตายเสียเถอะ!”
มู่เฟิงหลิงกวัดแกว่งดาบหนัก ราวกับเทพเจ้าสงครามผู้ไร้พ่ายแห่งสนามรบโบราณอย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว
เขาได้ระเบิดจิตสังหารเลือดเหล็กออกมา ซึ่งมันก็ทำให้คนของสำนักหมอทมิฬและสำนักหลินเยว่รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
สัตว์ประหลาดตัวนี้โผล่นี้มาจากไหนกันแน่!
หลังจากที่มู่เฟิงหลิงจัดการกับคนไปหลายคนอย่างไร้ความปราณี คนเหล่านี้ก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว
“บัดซบเอ้ย! คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉินซีจะมีผู้ช่วยเช่นนี้ได้ ถอยก่อน! ”
“รีบถอยเร็วเข้า! ให้ท่านเจ้าสำนักส่งผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงมาดีกว่า”
“……”
“คิดจะหนีหรือ ฝันไปเถอะ!”
ทันทีที่มู่เฟิงหลิงขยับมือ พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็ร่วงหล่นลงมาจากกลางอากาศ
ตูมมมม!
พื้นดินบริเวณโดยรอบถูกผ่าออกจนกลายเป็นหุบเขาลึก และพวกเขาก็ได้แต่ตัวสั่นเทาอยู่ท่ามกลางการโจมตีของเขา อีกทั้งการหลบหนียังเป็นเรื่องที่เกินตัวอีกด้วย
ยาน้ำเข็มหนึ่งได้ทำให้ระดับความสามารถของผู้อาวุโสเยว่กลับมาสู่สภาพเดิม นอกจากนี้ยังต้องเจอกับการตีกลับของพลังอีกด้วย
พรวด พรวด พรวด!
ผู้อาวุโสเยว่กระอักเลือดสด ๆ ออกมาหลายครั้ง และยังไม่ทันรอให้นางคืนสติกลับมา ก็ต้องโดนการโจมตีของมู่เฉียนซีเข้าแล้ว
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“เพลิงนภาพิฆาต!”
ผู้อาวุโสเย่วตื่นตกใจเป็นอย่างมาก จากนั้นนางก็หลบหลีกด้วยความร้อนรน
“ต่ำช้า ฉวยโอกาสตอนข้าสู้ไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณกวัดแกว่งออกไป “ฉวยโอกาศตอนเจ้าสู้ไม่ได้แล้วจะทำไม? อย่างไรเสียเจ้าก็จะต้องตายอยู่แล้ว”
“เก้าอัคคีพิฆาต!”
เดิมทีผู้อาวุโสเยว่ก็ได้ถูกมู่เฟิงหลิงทำให้บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว และเมื่อกินยาต้านเข้าไป มันก็เกิดความผิดพลาดจนทำให้นางกลายเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งไป ฉะนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าของมู่เฉียนซี มันจึงทำให้นางทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
พรวด พรวด พรวด!
เวลานี้นอกจากได้รับบาดเจ็บจนกระอักออกมาเป็นเลือดแล้วนางก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกเลย
นางมองไปที่สาวน้อยที่ร่ายทักษะวิญญาณอันแข็งแกร่งซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างป่าเถื่อน และตระหนักได้ว่าความตายกำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ฉะนั้นนางจำเป็นต้องออกไปให้เร็วที่สุด
จำเป็นต้องไป!
มิเช่นนั้นนางจะต้องตายอยู่ที่นี่เป็นแน่!
นางกำลังจะหนี และอีกด้านก็มีเสียงร้องโหยหวนขอความเมตตาดังขึ้นมา
“นายท่านได้โปรดไว้ชีวิตด้วย!”
“นายท่าน ขอเพียงท่านปล่อยข้าไป เจ้าสำนักของพวกข้าจะต้องมอบประโยชน์ให้ท่านมากมายแน่นอน! เพราะข้าเป็นถึงผู้อาวุโสของสำนักหมอทมิฬเลยเชียวนะ”
“นายท่าน ขอเพียงท่านปล่อยพวกเราไป ท่านสามารถเลือกสาวงามจากสำนักหลินเยว่ของพวกเราได้ตามใจชอบเลยเจ้าค่ะ”
ตอนนี้ผู้อาวุโสเยว่เพิ่งจะตระหนักได้ว่า คนของสำนักหลินเยว่และสำนักหมอทมิฬหลายคน ได้ถูกผู้ชายคนนั้นฆ่าไปแล้ว
ส่วนที่เหลือก็กำลังคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตาอยู่ และพวกเขาพยายามยื่นข้อเสนอต่าง ๆ นานาเพื่อขอให้อีกฝ่ายไว้ชีวิตพวกเขา
ซวบ!
กระบี่ในมือของมู่เฉียนซี ระเบิดพลังวิญญาณธาตุอัคคีที่แข็งแกร่งออกมา และจากนั้นมันก็แทงทะลุหัวใจของผู้อาวุโสเยว่โดยตรง
“พวกเขาหนีไม่พ้น และเจ้าก็ยิ่งไม่มีทางหนีพ้น!”
มู่เฟิงหลิงหันกลับมามองมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์จัดการเรียบร้อยแล้วหรือ?”
ผู้ที่เป็นถึงเทพสังหารเลือดเหล็กก่อนหน้านี้ หันมองกลับไปยังมู่เฉียนซีด้วยท่าทางที่อ่อนโยนลงเป็นอย่างมาก ราวกับว่าได้เปลี่ยนเป็นคนละคนแล้วอย่างไรอย่างนั้น
คนของสำนักหลินเยว่และสำนักหมอทมิฬรู้สึกว่า การขอร้องความเมตตาจากมู่เฉินซีน่าจะง่ายกว่าขอร้องชายผู้นี้มากมายนัก
แต่พวกเขากลับคาดคิดไม่ถึงว่า ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้เอ่ยปาก ชายผู้นี้ก็เริ่มลงมือเสียแล้ว
เขากวัดแกว่งดาบหนักเล่มนั้นอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย และกลิ่นอายแห่งความตายก็ได้ปกคลุมพวกเขาเอาไว้
สุดท้ายพวกเขาก็ถูกฆ่าตาย โดยที่ยังไม่ทันได้มีโอกาสร้องขอความเมตตาจากมู่เฉียนซีเลยด้วยซ้ำ
หลังจากที่กำจัดพวกขวางหูขวางตาเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว มู่เฟิงหลิงก็เดินไปอยู่ตรงหน้ามู่เฉียนซี และในที่สุดเขาก็ได้มองดูซีเอ๋อร์เสียที
.