ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2088 สัตว์เทพกิเลน
มู่เฟิงหลิงไม่ได้ยินเสียงที่ร่ำร้องที่อยู่ภายในใจของพวกเขา และเมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉียนซี เขาก็ยิ้มอย่างร่าเริงพลางกล่าวว่า “ตกลง! เช่นนั้นก็เอาตามที่ซีเอ๋อร์ว่า ทำลายพวกมันให้สิ้นซากใช่หรือไม่?”
ทันทีที่พูดจบ ร่างทั้งสองก็พุ่งทะยานเข้าไปในฝูงของสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตเหล่านั้นราวกับลูกศรอย่างไรอย่างนั้นเลย
และพวกเขาทั้งหมดที่เหลือก็ไม่อาจขวางอาหลานที่มุทะลุทั้งสองนี้ไว้ได้ สุดท้ายก็ทำได้เพียงยืนมองหน้ากันไปมาด้วยความตื่นตะลึง
“ชะ…เช่นนั้นพวกเราต้องทำเช่นไรดี?”
“ยังจะทำอะไรได้อีกล่ะ? สู้สิ! หากจากไปตอนนี้ ก็ไร้น้ำใจเกินไปแล้ว”
“ลงมือได้!”
พวกเขากัดฟันพุ่งทะยานออกไปเช่นกัน จากนั้นพวกเขาก็ได้ค้นพบว่าสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตเหล่านั้น เก่งกาจมากเกินไปแล้วจริง ๆ
มู่เฉินซีเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนหนึ่งเท่านั้น จะไม่เป็นอะไรหรือ!
และมู่เฉียนซีก็ได้ใช้ความจริงตรงหน้าตอบกลับคำถามของพวกเขาแทน นั่นคือนางไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
เนื่องจากว่านางไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง แต่ยังมีคู่หูที่แข็งแกร่งของนางอยู่อีกสามตัวนั่นเอง
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง เสี่ยวโม่โม่ สู้มัน! ระเบิดพวกมันออกเป็นชิ้น ๆ เลย”
พลังของสัตว์เทพระเบิดออกมา และสัตว์เทพทั้งสามตัวนี้ก็กวาดล้างสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตเหล่านี้ไปจนสิ้น
และมู่เฟิงหลิงในเวลานี้ก็ได้กวัดแกว่งดาบหนัก ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้างอันแข็งแกร่งของเขา ซึ่งมันก็ทำให้สัตว์ประหลาดผลึกโลหิตถูกบดขยี้เป็นผุยผงตัวแล้วตัวเล่า
เมื่อได้เห็นสองอาหลานที่วิปลาสเช่นนี้ พวกเขาพี่น้องต่างก็ต้องเงียบงัน และสิ่งนี้ก็ส่งผลกระทบต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก
“พี่ใหญ่ พวกเรายังต้องทำอยู่อีกหรือไม่?”
“ดูเหมือนว่าแม้พวกเราจะไม่ลงมือ ก็คงไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ เลยอยู่ดี!”
“พระเจ้า! นี่มันจะรุนแรงเกินไปหน่อยแล้ว!”
พี่ใหญ่ของพวกเขาถอนหายใจออกมา พลางกล่าวว่า “ในเมื่อสามารถทำอะไรได้บ้าง ก็ทำสักหน่อยเถอะ!”
อัจฉริยะผู้ไร้เทียมทานอย่างมู่เฉินซีผู้นี้ ได้ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน และบอกเพียงแค่ว่าเป็นผู้บำเพ็ญอิสระเท่านั้น ซึ่งผู้คนส่วนมากก็เชื่อในสิ่งนั้น
แต่ผลสุดท้ายอารองของนางกลับแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ปกติเลย
แม้ว่าแซ่มู่จะไม่ได้เป็นแซ่ของเชื้อพระวงศ์สกุลมู่แห่งราชวงศ์ตงหวงแต่เพียงผู้เดียว แต่ทว่าด้วยความสามารถอันโดดเด่นของทั้งสอง กลับทำให้พวกเขาอดที่จะคิดไปในทางนั้นไม่ได้เลย
แต่เมื่อลองคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว กลับเป็นไปไม่ได้เลย เพราะหากเชื้อพระวงศ์สกุลมู่มีคนที่น่าทึ่งอย่างทั้งสองคนเช่นนี้อยู่จริง ๆ แล้วคนอื่นจะไม่รู้จักได้อย่างไรกัน
หากเป็นเช่นนั้นแล้วละก็ สำนักหลินเยว่ไม่มีทางกล้าลงมือกับมู่เฉินซีอย่างแน่นอน
ความแข็งแกร่งที่ทรงพลัง ต้นกำเนิดที่ลึกลับ ล้วนไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถสืบเสาะได้ ฉะนั้นตอนนี้จัดการปัญหาที่อยู่ตรงหน้าก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ตูม ตูม ตูม!
จิตวิญญาณในการต่อสู้ของมู่เฟิงหลิงและมู่เฉียนซีได้ทำให้สัตว์ประหลาดผลึกโลหิตเหล่านี้เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว และอู๋ตี้ก็ไปเก็บเกี่ยวผลึกโลหิตอย่างมีความสุขเป็นอย่างมาก
“โฮกกกก!”
และในเวลานี้เอง ก็มีเสียงร้องคำรามของสัตว์ประหลาดดังขึ้นมา
“แย่แล้ว! กลิ่นอายเช่นนี้ เกรงว่าน่าจะเป็นถึงระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง หรืออาจะเป็นได้ถึงขั้นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าเลยทีเดียว”
ลูกบอลเพลิงลูกหนึ่งพุ่งทะยานออกมา และพวกเขาก็ได้เห็นความน่าเกรงขามของสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตที่ทำให้รู้สึกสั่นสะท้านจริง ๆ
มันไม่เพียงแต่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่ามันจะแตกต่างไปจากสัตว์วิญญาณตัวอื่น ราวกับว่ามันมีสติปัญญาเป็นของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
“ท่าทางของสัตว์เทพตัวนี้ ทำไมถึงได้รู้สึกคุ้นตาอย่างนี้ล่ะ?”
“รูปร่างหน้าตาเช่นนี้ ดูเหมือนกับสัตว์เทพกิเลนมากเลย”
มู่เฉียนซีจ้องมองไปที่สัตว์ประหลาดผลึกโลหิตตัวนั้น นี่คือสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตที่มีการรวมตัวกันโดยผลึกโลหิตต่าง ๆ มากมายจนมีรูปร่างภายนอกเหมือนกับกิเลน แต่มันไม่ใช่สัตว์ประหลาดผลึกโลหิตอย่างแน่นอน
มู่เฟิงหลิงเหลือบมองไปที่สัตว์ประหลาดผลึกโลหิตตัวนั้นอย่างเย็นชาพลางกล่าวว่า “พอมีสติปัญญาเข้าหน่อยก็ถึงขั้นปลอมตัวเองจนมีรูปร่างเช่นนี้ มันดูจะขวางหูขวางตาไปสักหน่อยนะ!”
สัตว์ประหลาดผลึกโลหิตตัวนี้จ้องเขม็งไปที่มู่เฟิงหลิง มันรู้สึกว่าในร่างกายของมนุษย์ผู้นี้มีกลิ่นอายที่คุ้นเคยบางอย่าง นี่เป็นกลิ่นอายของสายเลือดกิเลนที่แท้จริง
รอมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ ในที่สุดก็รอจนมีกิเลนอีกตัวหนึ่งมาแล้ว
ขอเพียงกลืนกินเลือดเนื้อของสัตว์เทพกิเลนเข้าไป มันก็จะไม่ใช่สัตว์ประหลาดผลึกหินที่ไร้สติปัญญาที่กำเนิดเกิดมาจากการรวมกันของผลึกหินอีกแล้ว และมันก็จะกลายเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์กิเลนที่สูงศักดิ์ได้เสียที
“โฮกกกก!” สัตว์ประหลาดผลึกโลหิตตัวนั้น พุ่งกระโจนเข้าใส่มู่เฟิงหลิงอย่างอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป
เป้าหมายของมันมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น!
จากนั้นก็มีความเคร่งขรึมปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของมู่เฉียนซีทันที และนางก็กล่าวกับมู่เฟิงหลิงว่า “อารอง ระวังด้วยเจ้าค่ะ สัตว์ประหลาดผลึกโลหิตตัวนี้ดูจะแปลกประหลาดไปหน่อย”
มู่เฟิงหลิงกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์วางใจ เจ้าขยะแบบนี้ ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”
มู่เฟิงหลิงกวัดแกว่งดาบหนัก และพุ่งเข้าไปโจมตีสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตตัวนั้นทันทีเช่นกัน
แน่นอนว่าสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตตัวนี้เป็นตัวที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอมา แต่ในเวลานี้มู่เฟิงหลิงก็ได้แสดงให้เห็นถึงพลังในการต่อสู้อันทรงพลังอย่างแท้จริงของสายเลือดแห่งสัตว์เทพแล้ว
เขารู้ว่าการที่สัตว์ประหลาดผลึกโลหิตตัวนี้เปลี่ยนเป็นเช่นนี้ไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญ และรู้ว่ามันต้องมีเจตตนาที่ไม่ดีเป็นแน่
ตูมมมม โครมมม!
เมื่อมู่เฟิงหลิงและสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตเข้าต่อสู้กัน มันก็ทำให้ฟ้าดินต้องสั่นสะเทือนไปเลยทีเดียว
ด้วยพลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ทำให้สัตว์ประหลาดผลึกโลหิตโดยรอบไม่กล้าจะวิ่งมาในบริเวณนี้ ทั้งยังพากันหลบหนีไปอย่างรวดเร็วอีกด้วย
เมื่ออาหารของมันวิ่งหนีไปจนเกลี้ยงแล้ว อู๋ตี้ก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย
หนึ่งในผู้อาวุโสพี่น้องเหล่านั้นกล่าวขึ้นมาว่า “แม่นางมู่ พวกเราเคยมายังดินแดนต้องห้ามจันทราโลหิตหลายครั้งหลายคราวแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้เห็นสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตเช่นนี้ ซึ่งนี่มันก็เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากจริง ๆ! หากเกิดสถานการณ์ที่ผิดปกติ แม่นางมู่จะต้องให้นายท่านมู่ถอยออกมาอย่างรวดเร็ว อย่าเข้าไปเสี่ยงเด็ดขาด”
มู่เฉียนซีพยักหน้าตอบรับ “ข้าเข้าใจแล้ว!”
แววตาที่เย็นยะเยือกของนางจ้องมองไปยังสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตตัวนั้น สัตว์ประหลาดผลึกโลหิตตัวนี้ยังคงไม่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์เหมือนกันสัตว์เทพหรือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ทว่าความโลภภายในสายตาของมันกลับสามารถมองออกได้
กล้ามีความคิดที่จะทำร้ายอารองของนาง ช่างรนหาที่ตายเสียจริง ๆ
ตูมมม โครมมม!
ดาบขนาดมหึมาของมู่เฟิงหลิงได้ตรงเข้าไปตัดกลางลำตัวของมันออกจากกัน
ทันใดนั้น ลูกบอลเพลิงก็ปรากฏออกมาและทำให้บริเวณที่ถูกตัดทั้งหมดได้รับการฟื้นฟูกลับมา พลันนั้นร่างของมันก็กลับคืนสู่สภาพสมบูรณ์อีกครั้ง จากนั้นมันก็กระโจนเพื่อเข้ามาจับมู่เฟิงหลิงทันที
เหล่าพี่น้องทั้งหมดต่างกล่าวด้วยความตื่นตะลึงว่า “นะ…นี่ เจ้าตัวนี้เดิมทีแล้วมีร่างที่เป็นอมตะอย่างนั้นหรือ! มันจะรับมือยากเกินไปแล้ว”
ดวงตาของมู่เฉียนซีมืดครึ้มลง จากนั้นก็กล่าวกับอู๋ตี้ว่า “อู๋ตี้ เจ้าไปเก็บเศษผลึกที่แตกออกมาของเจ้าสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตตัวนี้มาให้หน่อย”
“ขอรับ!”
แม้ว่าการต่อสู้ทางด้านนั้นจะอันตรายเป็นอย่างมาก แต่ด้วยความสามารถและความรวดเร็วของอู๋ตี้ แค่เข้าไปเก็บเศษที่แตกหักมาสักชิ้นนั้นไม่ใช่ปัญหาเลย
ร่างสีขาวสว่างวาบ มันไปและกลับมาในชั่วพริบตาเดียว จากนั้นอู๋ตี้ก็ได้นำเศษที่แตกหักของสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตตัวนั้นมามอบให้กับมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีถอยหลังออกไปไกลเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวกับพวกของอู๋ตี้ว่า “คุ้มครองข้า! แต่หากทางด้านอารองมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ก็จงรีบเข้าไปช่วยในทันที!”
“ขอรับ!”
มู่เฉียนซีจ้องมองไปยังผลึกหินสีแดงเลือดอันนั้น และมีเพียงเฉพาะชิ้นนี้เท่านั้นที่พิเศษเพราะ เมื่อแตกไปแล้วสามารถกลับมารวมกันใหม่ได้ และนางจะต้องเอาลักษณะที่พิเศษนี้ไปศึกษาสักหน่อย
การศึกษาค้นคว้าเจ้าสิ่งนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ง่ายนัก ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงขอให้อู๋ตี้ไปเอามาอีกหลายชิ้น
ไม่มียาน้ำใดที่สามารถละลายมันได้!
และตอนนี้หมอปีศาจอย่างนางก็ได้เจอปัญหาที่ยากจะแก้ไขเข้าแล้ว
พรึ่บ!
ในเวลานี้ เปลวเพลิงได้ล้อมรอบมู่เฟิงหลิงเอาไว้ ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกว่าถูกเจ้าสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตตัวนี้ทำให้ต้องได้รับความอับอายเล็กน้อย
แต่หากมันคิดว่าจะมันประสบความสำเร็จแล้วละก็ มันก็คงจะเป็นเรื่องที่เพ้อเจ้อเกินไปสักหน่อย
ในที่สุดดวงตาของมู่เฉียนซีเปล่งประกายระยิบระยับ ไฟ…เนื่องจากว่ามันคือไฟจึงสามารถฟื้นฟูได้ เช่นนั้น…
มู่เฉียนซีหมุนเวียนพลังวิญญาณธาตุวารีของนาง น้ำสามารถควบคุมไฟได้ และนอกจากนี้น้ำที่มีพลังธาตุวารีของแหวนมังกรเทพวารียังเป็นน้ำบริสุทธิ์ที่สุดอีกด้วย ฉะนั้นมันต้องมีผลหักล้างเปลวเพลิงได้มากที่สุดแน่นอน
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีได้เพิ่มแก่นแท้ของธาตุน้ำเข้าไปในยาน้ำของนาง และกล่าวกับเสี่ยวหงว่า “เสี่ยวหง ข้าขอมอบหน้าที่นี้ให้เจ้าแล้วกัน”
“รอโอกาสตอนที่อารองทำให้มันบาดเจ็บ และเมื่อไรที่ภายในร่างของมันมีเปลวเพลิงโผล่ออกมา เจ้าก็ลองเอาขวดยานี้โยนลงไปดู!”
เสี่ยวหงกล่าวว่า “นายท่านโปรดวางใจ ข้ารับประกันว่าจะต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จให้จงได้”
มันเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก หากจะให้ต่อสู้กับเจ้าตัวยักษ์ที่รับมือได้ยากเช่นนี้ แต่หากเป็นการเคลื่อนไหวเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ มันก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
พวกเขาที่เหลือเหล่านั้นต่างมองไปโดยรอบอย่างระแวดระวัง เพราะเกรงว่าสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตที่หนีไปก่อนหน้านี้เหล่านั้นจะหวนกลับมา
พวกเขาไม่รู้ว่ามู่เฉียนซีกำลังทำอะไรอยู่ แต่เห็นเพียงแค่ว่ากำลังเอาสมุนไพรวิญญาณทำอะไรบางอย่างกับผลึกหินนั่น และหลังจากนั้นนางก็กระซิบกระซาบกับสัตว์พันธสัญญาของนาง
แต่พวกเขากลับรู้ดีว่า มันจะต้องเกี่ยวข้องกับการจัดการกับสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตตัวนั้นอย่างแน่นอน และจะเป็นไปได้หรือไม่ว่าแม่นางมู่จะสามารถหาวิธีทำลายสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตอมตะตัวนั้นได้จริง ๆ?
.