ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2089 อยู่เป็นเพื่อนข้าพันปี
ปัง!
มู่เฟิงหลิงก็ไม่อยากที่จะพัวพันกับเจ้าตัวนี้นานมากเกินไปนักเช่นกัน นั่นเป็นเพราะสายตาของเจ้าตัวนี้ ช่างทำให้คนรู้สึกโมโหขึ้นมาได้จริง ๆ
เขาระเบิดพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา จากนั้นดาบหนักนั้นก็ฟาดฟันลงไปกลางลำตัวของมันอีกครั้ง
ในตอนที่ร่างของมันถูกแยกออกจากกัน เปลวเพลิงก็ลุกโชนออกมาเพื่อฟื้นฟูร่างมันอีกครั้ง
และในเวลานี้เอง แสงสีแดงเพลิงก็ปรากฏออกมาราวกับสายฟ้าแลบก็มิปาน จากนั้นก็โยนขวดใสขวดหนึ่งออกไป
เพล้ง!
เมื่อขวดนั้นแตกออก ของเหลวสีใสก็ตกลงใจกลางเปลวเพลิงนั้น
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
เปลวเพลิงที่เดิมทีลุกโหมอย่างเติมกำลัง ก็เปลี่ยนเป็นอ่อนแอไปเล็กน้อย
“มันได้ผลจริง ๆ ด้วย!”
จากนั้นร่างสีม่วงร่างหนึ่งก็พุ่งทะยานออกไป และมู่เฉียนซีก็ได้โยนขวดยาไปให้เสี่ยวหงอีกสองขวดพลางกล่าวว่า “เสี่ยวหง เอาอีก!”
เพล้ง เพล้ง!
เมื่อเพิ่มยาไปอีกสองขวด ไม่เพียงแต่จะดับเปลวเพลิงนั้นได้เท่านั้น แต่มันยังเริ่มกัดกร่อนซากของสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตที่แตกสลายไปแล้วอีกด้วย
ดวงตาของสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตตั้วนั้นเบิกกว้างขึ้นทันที ด้วยสติปัญญาของมันในตอนนี้ ทำให้มันไม่สามารถคิดสิ่งใดได้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
เห็นอยู่ชัด ๆ ว่ามันสามารถฟื้นตัวได้ แล้วเหตุใดมันถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ ตอนนี้มันไม่สามารถยืนได้อีกแล้ว และจิตสำนักของมันก็เริ่มเลือนลางลงทุกที
ภายในดวงตาของมันฉายแววเคียดแค้นออกมา จากนั้นมันก็จ้องมองไปยังหมูสีแดงโลหิตตัวหนึ่ง อีกทั้งยังมีมนุษย์ตัวน้อยนั่นด้วย เรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับพวกเขาเป็นแน่
เมื่อความปรารถนาที่เฝ้ารอมาอย่างยาวนานได้ถูกทําลายลง มันจึงทำให้สัตว์ประหลาดผลึกโลหิตที่พอจะมีสติปัญญาตัวนี้เคียดแค้นเป็นอย่างยิ่ง
ลูกบอลเพลิงสีแดงได้พุ่งทะยานออกไปจากภายในร่างของมัน และเป้าหมายก็คือมู่เฉียนซีที่อ่อนแอมากที่สุดนั่นเอง
แม้ว่ามันจะต้องตายไป แต่ก็ต้องทำให้คนที่ทำลายเรื่องดี ๆ ของมันทุกข์ทรมานไปด้วย
มันได้ลงมือจู่โจมอย่างฉับพลัน และหมายมั่นว่าจะสามารถฆ่ามู่เฉียนซีได้ แต่ทว่ากลับมีร่างเงาสีแดงเข้มปรากฏตัวออกมา และฟาดฟันลูกบอลเพลิงนั้นออกไปด้วยการโจมตีเพียงดาบเดียวอย่างไม่ลังเล
“คิดจะลอบทำร้ายซีเอ๋อร์ของข้าต่อหน้าข้าอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!”
ชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมยาวสีแดงเข้ม ยืนอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซีราวกับเทพพิทักษ์อย่างไรอย่างนั้น
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าค่ะ! อารองของข้ายอดเยี่ยมที่สุดแล้ว เจ้าสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตตัวนี้กล้ามาลอบโจมตีข้า คงเพราะสติฟั่นเฟือนไปแล้วเป็นแน่”
ตูมม!
ร่างของมันแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ จากนั้นก็หายสาบสูญไปอย่างสมบูรณ์
แม้ว่ามันจะได้เจอกับสัตว์เทพกิเลน แต่กลับไม่มีความสามารถที่จะเอาชนะได้ ทั้งยังไม่สามารถบรรลุความทะเยอทะยานของตนเองได้อีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อารอง จัดการเจ้าสิ่งนั้นได้แล้ว พวกเราลองเข้าไปดูกันเถอะเจ้าค่ะ! น่าจะมีของดีอะไรบ้าง”
การมีอยู่ของสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตที่คล้ายกับกิเลนเช่นนี้จะต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน และคิดว่ามันจะต้องได้รับอิทธิพลมาจากอะไรบางอย่างเป็นแน่ ซึ่งผลไม้จันทราโลหิตกิเลนนั้นน่าสงสัยมากที่สุดแล้ว
ถึงจะจัดการด้วยวิธีเช่นนี้ไปแล้ว แต่พี่น้องเหล่านั้นก็ยังคงมึนงงอยู่เล็กน้อย และไม่เข้าใจว่าสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตอมตะที่สามารถฟื้นตัวได้อย่างอิสระตัวนั้น เหตุใดจู่ ๆ ถึงไม่สามารถฟื้นตัวได้กันแน่
ที่ด้านหน้ามีเหวลึกรูปพระจันทร์เสี้ยวอยู่ และภายใต้เหวลึกนั้นก็มีลาวาที่กำลังเดือดพล่านอยู่ด้วย
หากตกลงไปแล้วละก็ จะต้องกลายเป็นศพที่ไม่เหลือแม้แต่กระดูกเป็นแน่
ทว่าบนกำแพงหินของหน้าผาที่สูงชัน กลับมีสมุนไพรเทพที่มีพลังอัคคีอยู่ไม่น้อย และสมุนไพรเทพที่หายากเช่นนี้ ต่างก็มีราคาที่อยู่ในระดับสูงทั้งนั้น
แต่ทว่ามันกลับอยู่ในสถานที่ที่อันตราย ซึ่งถ้าหากต้องการเอาสมุนไพรเทพเหล่านี้ ก็จำเป็นที่จะต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อเก็บเกี่ยวมันมา
มู่เฉียนซีและมู่เฟิงหลิงมองตรงไป แม้ว่าบนกำแพงหินจะมีสมุนไพรวิญญาณหลายชนิดนี้ แต่ทว่ากลับไม่มีผลไม้จันทราโลหิตกิเลนอยู่เลย
ไม่อยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ เป็นไปไม่ได้!
ไม่อยู่อย่างนั้นหรือ!?
มู่เฟิงหลิงตกใจเล็กน้อย จากนั้นเขาจึงใช้พลังวิญญาณตรวจสอบเข้าไปใต้ลาวานั้น เพราะเขาสงสัยว่าผลไม้จันทราโลหิตกิเลนนั้นอาจจะอยู่ใต้ลาวาแห่งนี้ก็เป็นได้
แต่ทว่าลาวาเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะสามารถแยกพลังจิตวิญญาณในการสำรวจได้ และมู่เฟิงหลิงก็รู้สึกว่าพลังจิตวิญญาณของตนเองนั้นไม่สามารถทะลุทะลวงลงไปได้ ฉะนั้นเขายิ่งไม่รู้ถึงสภาพข้างใต้อย่างสิ้นเชิง
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อารอง ขอข้าลองดูหน่อย!”
ทันใดนั้น พลังจิตวิญญาณอันน่าสะพรึงกลัวที่สามารถทำให้คนรู้สึกขนลุกขนชันได้ก็ระเบิดออกมา และมันก็ทำให้คนที่อยู่บริเวณโดยรอบประหลาดใจเป็นอย่างมาก
มู่เฟิงหลิงรู้ดีว่าหลานสาวของตนเอง ในฐานะนักปรุงยาที่สามารถเอาคัมภีร์หมื่นคำสาปมาครอบครองได้นั้นจะต้องมีพลังจิตวิญญาณไร้เทียมทานที่ไม่ธรรมดาแน่นอนอยู่แล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีความแข็งแกร่งมากมายถึงเพียงนี้
แต่เหล่าพี่น้องอาวุโสที่คอยติดตามมาเหล่านั้น ตอนนี้ได้เข้าไปแนบชิดกันด้วยอาการสั่นเทา นะ..นี่มันจะเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
ความวิปลาสของพลังจิตวิญญาณนี้แข็งแกร่งมาก ขนาดเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณก็ยังไม่เคยเห็นว่าจะมีคนที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลย!
ถึงความสามารถของนายท่านมู่จะแข็งแกร่งอย่างไม่คาดคิด แต่ทว่าความแข็งแกร่งของพลังจิตวิญญาณนั้นกลับแข็งแกร่งกว่าจนไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางคาดเดาได้ว่าพลังจิตวิญญาณนี้จะไม่ได้เป็นของมู่เฟิงหลิง แต่เป็นของมู่เฉียนซีต่างหาก
อย่างไรเสียแม่นางน้อยอายุสิบเจ็ดปีคนหนึ่งจะมีพลังจิตวิญญาณที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้ได้อย่างไร?
ถึงลาวาเหล่านี้จะสามารถปิดกั้นพลังจิตวิญญาณของมนุษย์ได้ แต่หากมีพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งเพียงพอ มันก็ไม่มีความสามารถพอที่จะปิดกั้นเอาไว้ได้เช่นกัน
มู่เฉียนซีสามารถตรวจสอบใต้ลาวานั้นได้อย่างราบรื่น และก็เป็นอย่างที่คาดไว้ เพราะใต้ลาวานั้นมีพืชอยู่ต้นหนึ่ง ซึ่งพืชต้นนั้นก็มีใบปกคลุมอยู่เป็นชั้น ๆ อีกทั้งยังมีความสูงเพียงแค่เมตรเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ใบไม้เหล่านั้นยังได้ห่อหุ้มผลไม้สีแดงสดเอาไว้ลูกหนึ่ง
มันก็คือผลไม้จันทราโลหิตกิเลนไม่ผิดแน่ ซึ่งมันก็อยู่ใต้ลาวานี้จริง ๆ ทั้งยังถูกซ่อนเอาไว้ลึกมากเลยทีเดียว
มู่เฉียนซีได้ถอนพลังจิตกลับคืนมา จากนั้นก็กล่าวกับมู่เฟิงหลิงว่า “อารอง ของที่พวกเราตามหาอยู่ข้างล่างนั่น ข้าจะไปถอนมันมาให้ท่านเอง!”
หลังจากที่พูดจบ มู่เฉียนซีก็ต้องการที่จะลงไปทันที!
และนี่ก็ทำให้คนเหล่านั้นตกใจกลัวเป็นอย่างมาก “แม่นางมู่! พวกข้าว่าลาวาแห่งนี้หากเป็นคนที่มีระดับต่ำกว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณคงยากที่จะต้านทานมันเอาไว้ได้ เจ้าอย่าได้หุนหันพลันแล่น! นี่มันจะเสี่ยงเกินไปแล้ว”
“ใช่ ๆ ๆ! ถึงข้างล่างนั่นจะมีสมบัติอะไร แต่ก็ไม่สำคัญไปกว่าชีวิตของตนเองหรอกนะ!”
มู่เฉียนซีไม่กลัวที่จะอยู่ในเปลวเพลิง เพราะนางมีเปลวเพลิงแห่งราชันย์คอยคุ้มครองอยู่ และถึงแม้ความสามารถของนางจะห่างชั้นกับผู้แข็งแกร่งอย่างผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณนับหมื่นปีแสง แต่ลาวานี้ก็สร้างความเสียหายให้นางได้ไม่มากนักหรอก
มู่เฟิงหลิงก็ได้รั้งมู่เฉียนซีเอาไว้เช่นกัน จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ อารองจะลงไปเอง”
“นายท่านมู่ ทะ…ท่านก็ไม่ได้นะ!”
“มันเสี่ยงมากเกินไป”
มู่เฟิงหลิงกล่าวว่า “อารองไม่เป็นไร ที่นี่มีสมุนไพรวิญญาณมากมาย ซีเอ๋อร์ชอบพวกมันมากนี่นา ระหว่างที่รออารองกลับขึ้นมา เจ้าก็ไปเก็บของเหล่านี้ก่อนเถอะ”
เมื่อพูดจบ มู่เฟิงหลิงก็พุ่งทะยานลงไปทันที
แน่นอนว่าลาวาแห่งนี้น่ากลัวเป็นอย่างมาก หากเป็นผู้แข็งแกร่งระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณคงจะสามารถต้านทานได้ แต่หากระดับน้อยกว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณ คาดว่าชีวิตคงเหลือเพียงแค่เถ้าถ่านเท่านั้น
ซึ่งความสามารถของมู่เฟิงหลิงแม้จะยังไม่ถึงระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณ แต่เขานั้นก็ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาทั่วไปเช่นกัน เพราะตอนนี้สายเลือดสัตว์เทพกิเลนของเขาได้ตื่นขึ้นแล้ว ฉะนั้นลาวาแห่งนี้จึงไม่ได้สร้างผลกระทบต่อเขามากมายเท่าไรนัก
หลังจากที่เข้าไปในลาวาแล้ว มู่เฟิงหลิงก็ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย
นี่มันรุนแรงมาก ค่อนข้างเจ็บเลยทีเดียว หลังจากที่ออกไปแล้ว จะบอกให้ซีเอ๋อร์รู้ไม่ได้เด็ดขาด
เมื่อเห็นว่ามู่เฟิงหลิงได้หายเข้าไปในลาวาแห่งนี้ พวกเขาทั้งหลายก็อกสั่นขวัญแขวนกันเป็นอย่างมาก แต่มู่เฉียนซีผู้ที่เป็นหลานสาวแท้ ๆ คนนี้กลับดูสงบนิ่งอย่างเห็นได้ชัด
เพราะหลังจากที่มู่เฟิงหลิงกระโดดลงไปแล้ว พลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีนั้นก็ถูกใช้งานอยู่ตลอดเวลา โดยที่มันได้จับสังเกตทุกการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นภายใต้ลาวาแห่งนั่น และตอนนี้อารองก็ไม่เป็นอะไร!
ในเมื่อไม่เป็นอะไร มู่เฉียนซีก็วางใจแล้ว
“เสี่ยวโม่โม่ อู๋ตี้ เสี่ยวหง พวกเราไปเก็บสมุนไพรวิญญาณกันเถอะ ได้เวลากวาดล้างกันครั้งใหญ่แล้ว! สมุนไพรวิญญาณดี ๆ ที่มีคุณสมบัติพลังอัคคีเช่นนี้ หาได้ยากยิ่งนัก!”
ร่างสีม่วงพุ่งทะยานออกไป และเข้าไปเก็บสมุนไพรในสถานที่อันตรายแห่งนั้น อีกทั้งยังเก็บเกี่ยวอย่างมีความสุขมากอีกด้วย
พวกเขาจ้องมองไปยังมู่เฉียนซีอย่างตื่นตกใจพลางกล่าวว่า “แม่นางมู่ เจ้าระวังตัวด้วย!”
มู่เฉียนซีกล่าวกับพวกเขาว่า “สมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ล้ำค่ามาก พวกท่านไม่มาเก็บจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? โอกาสที่ดีเช่นนี้ อย่าพลาดสิ”
“ช่างมันเถอะ! ข้าแค่เห็นลาวานั่นก็ขาแข้งอ่อนไปหมดแล้ว”
“แม่นางมู่เจ้าก็ระวังด้วยล่ะ!”
“……”
ใต้ลาวา
มู่เฟิงหลิงพุ่งผ่านลงไปในลาวานั้นอย่างปลอดภัย จากนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในสมองของเขา
“สัตว์เทพกิเลน ในที่สุดก็มาแล้ว! ข้าเฝ้ารอเจ้ามานานแสนนาน แต่น่าเสียดายที่เจ้าอ่อนแอมากเกินไปหน่อย! หากเจ้าอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนข้าสักพันปี ข้าจะช่วยให้เจ้าเป็นถึงสัตว์เทพขั้นสุดยอดเลย! ดีหรือไม่?”
.
.