ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2091 ความแค้นส่วนตัว
ดวงตาของมู่เฟิงหลิงเปลี่ยนเป็นอาฆาตแค้นขึ้นมาทันที เจ้าพวกกองกำลังชั้นต่ำทั้งสองนี้ช่างกล้าหาญกันเสียจริง ๆ!
ด้วยสายตาเช่นนี้ของมู่เฟิงหลิง ก็ทำให้ผู้อาวุโสที่มาส่งข่าวรู้สึกทนไม่ไหวเล็กน้อย
“คือว่า…ข้ารู้ว่านายท่านมู่มีความสามารถที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่ทว่าพวกเขาได้ส่งผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าขั้นสูงสุดมามากกว่าหนึ่งคน แม้จะเป็นนายท่านมู่แต่เกรงว่าจะเสียเปรียบมากอยู่ดี! ไม่เช่นนั้นพวกท่านยังไม่ต้องออกไปสักระยะหนึ่ง หรือไม่ก็ให้แม่นางมู่ปลอมตัวเป็นผู้ชายแล้วลองดูว่าจะออกไปดูดีหรือไม่?” เขากล่าวแนะนำ
มู่เฟิงหลิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ไม่ต้องหรอก! บุกทะลวงออกไปเลย! ในเมื่อพวกมันกล้ามาปิดล้อมทางออกของดินแดนต้องห้ามจันทราโลหิตเพื่อจัดการกับซีเอ๋อร์ เช่นนั้นที่นั่นก็จะเป็นสถานที่ฝังศพของมันด้วย”
นายท่านมู่ผู้นี้เอาแต่ใจและบ้าคลั่งเป็นอย่างมาก ถึงเขาอยากที่จะโน้มน้าวอีก แต่ด้วยพลังของเทพสงครามเลือดเหล็กที่ทำให้รู้สึกสั่นสะท้านในตอนนี้ ก็ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
แน่นอนว่ามู่เฟิงหลิงไม่อาจปล่อยให้ซีเอ๋อร์เสี่ยงอันตรายไปกับตนเองได้ หากไม่ได้ใช้ผลไม้จันทราโลหิตกิเลนในการยกระดับความสามารถ เขาก็คงไม่ตัดสินใจเช่นนี้แน่นอน!
แต่ทว่าความสามารถของเขาในตอนนี้ ถึงจะเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าขั้นสูงสุดก็ไม่ควรค่าต่อความหวาดกลัวของเขาอยู่ดี
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ลำบากท่านลุงเสียแล้ว ยาน้ำนี้คือค่าตอบแทนในความยากลำบากของท่าน! ท่านยังไม่ต้องตามพวกข้าออกไปก่อความวุ่นวายหรอก รอให้พวกข้าจัดการคนเหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว ท่านค่อยตามออกไปเถอะ”
ในเวลานี้เขาไม่รู้แล้วว่าควรจะต้องกล่าวเช่นไรดี?
คนโตมีความมั่นใจและไม่เกรงกลัวต่อปัญหา ส่วนเจ้าตัวเล็กนี่ก็เป็นเหมือนกันไปเสียอีก
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็ระวังตัวด้วย หากต่อสู้ไม่ไหวแล้วละก็ ต้องรีบหาทางหนีไปให้เร็วที่สุด! เพราะตราบใดยังมีชีวิต มันก็ย่อมต้องมีความหวัง”
“ข้ารู้แล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทันใดนั้น นางและมู่เฟิงหลิงก็เร่งความเร็วมากขึ้น และพุ่งตรงไปยังทางออกของดินแดนต้องห้ามจันทราโลหิตทันที
พวกเขาทำราวกับไม่รู้ว่าเบื้องหน้านั้นมีคนที่แข็งแกร่งรอพวกเขาอยู่ แต่ดันทำเหมือนกับว่ามีแกะอ้วนตัวใหญ่กำลังรอพวกเขาอยู่มากกว่า
ชายผู้นั้นถือขวดยาไว้แล้วจ้องมองไปยังเบื้องหลังของพวกเขาอย่างจนปัญญาเป็นที่สุด แต่เมื่อเปิดขวดยานั้นออกดู กลิ่นหอมของยานั้นก็ได้ทำให้เขาตื่นตะลึงในทันที
“ขั้นศักดิ์สิทธิ์…ยาลูกกลอนขั้นศักดิ์สิทธิ์…”
นอกจากยาขั้นศักดิ์สิทธิ์จะมีส่วนช่วยในการยกระดับความสามารถของเหล่าพี่น้องของเขาแล้ว มันยังหาได้ยากอีกด้วย และคิดไม่ถึงเลยว่านางจะมอบให้เขาถึงสองสามขวดเช่นนี้ นี่มันจะเป็นเงินก้อนใหญ่เกินไปแล้ว!
ในตอนที่มู่เฉียนซีและมู่เฟิงหลิงกำลังใกล้จะถึงทางออก คนของสำนักหลินเยว่และสำนักหมอทมิฬก็เริ่มตื่นตัวขึ้นมาทันที
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่ มีคนกำลังจะออกมาอีกแล้วขอรับ”
“สกัดพวกเขาเอาไว้!”
“ขอรับ!”
มู่เฉียนซีเดินตรงออกมา ด้วยสีหน้าที่คล้ายกับไม่รู้ว่ากำลังมีคนแอบซุ่มโจมตีอยู่ด้านนอกอย่างไรอย่างนั้น!
“เป็นมู่เฉินซี! ลงมือได้!”
“ฆ่ามัน!”
“……”
ทันทีที่มู่เฉียนซีปรากฏตัวออกมา จิตสังหารที่อยู่บริเวณโดยรอบก็ระเบิดออกมา และเสียงแหวกอากาศจำนวนนับไม่ถ้วนก็ดังสะท้อนขึ้นมาในทันที
การโจมตีของพวกเขานั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก แต่ทว่ามีการโจมตีของใครบางคนที่รวดเร็วยิ่งกว่า
มีเขาเพียงคนเดียว กับดาบอีกเล่มหนึ่ง
การกวัดแกว่งดาบนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก ทันทีที่ดาบถูกเหวี่ยงออกไป มิติก็พลันจะทลายลง และพลังอันน่าสะพรึงกลัวก็ได้ระเบิดออกมา
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!
คนระลอกแรกที่เข้ามาโจมตีมู่เฉียนซี แม้ว่าจะพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วแต่ก็ไม่อาจสกัดกั้นพลังของดาบนั้นไว้ได้
เลือดสดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ ร่างกายของพวกเขาถูกพลังของดาบตัดออกเป็นชิ้น ๆ อย่างรุนแรง จากนั้นก็ร่วงลงไปบนพื้นที่ละคน จนทำให้บริเวณโดยรอบถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสด
มันเป็นการปรากฏตัวครั้งแรก แต่กลับทำให้ทั้งสองสำนักใหญ่ต้องประสบหายนะที่รุนแรงได้ภายในดาบเดียว
คนอื่น ๆ ต่างเผยสีหน้าที่หวาดผวาออกมา และจากนั้นพวกเขาก็มองไปยังชายเลือดเหล็กผู้โหดเหี้ยมราวกับเทพสงครามก็มิปานผู้นั้น
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้า คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีความแข็งแกร่งที่ผิดปกติเช่นนี้!
“ท่านคือผู้ใดกัน! นี่คือความแค้นส่วนตัวของพวกเราสำนักหลินเยว่และสำนักหมอทมิฬกับมู่เฉินซี ท่านฝึกฝนจนสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เหตุใดถึงได้ยอมเจอกับปัญหาเพราะคนอื่นเช่นนี้ด้วย หากท่านไม่สนใจมู่เฉินซีและจากไปในทันที คนของพวกข้าที่ท่านฆ่าไปเหล่านั้น หลังจากนี้ไปพวกเราจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับท่านแน่นอน”
หญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาที่งดงามคนหนึ่งค่อย ๆ เดินออกมา และดวงตาที่เปล่งประกายสวยงามคู่หนึ่งก็จ้องมองไปทางมู่เฟิงหลิง
มู่เฟิงหลิงยิ้มเยาะพลางกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าบอกว่าเป็นความแค้นส่วนตัว และจะให้คนที่เป็นอารองเช่นข้าไม่สนใจมันได้อย่างไรกันล่ะ!”
อารองหรือ!?
พวกเขาตะลึงงันไปทันที ไม่เห็นจะเคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามู่เฉินซีจะมีอารองที่เก่งกาจถึงเพียงนี้ด้วย
ผู้หญิงคนนั้นกล่าวขึ้นมาว่า “หลานสาวของท่านขาดวินัย ฉะนั้นท่านอย่าได้ปกป้องนางมากจนเกินไปจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องหาเหาใส่หัวอีก!”
“อาศัยเพียงแค่กองกำลังชั้นต่ำของพวกเจ้าทั้งสอง ยังกล้ามาลงมือกับซีเอ๋อร์ของข้าอีก ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็ต้องได้รับโทษประหารชีวิตล้างตระกูลอยู่แล้ว! ข้าว่าคนที่หาเหาใส่หัวดูจะเป็นพวกเจ้ามากกว่า!” มู่เฟิงหลิงจ้องมองไปยังพวกเขาอย่างหยิ่งผยอง และดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นต่างเต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลน
พวกเขาประหลาดใจเป็นอย่างมาก กองกำลังชั้นต่ำอย่างนั้นหรือ นี่กำลังล้อเล่นอะไรอยู่?
สำนักหลินเยว่และสำนักหมอทมิฬ สำนักหนึ่งเป็นกองกำลังระดับสี่และอีกสำนักหนึ่งก็เป็นถึงกองกำลังระดับสี่ครึ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าในสายตาของผู้ชายคนนี้จะกลายเป็นกองกำลังชั้นต่ำไปเสียแล้ว!
เขาไม่เคยเห็นโลกนี้มาก่อน หรือว่า…
“ในเมื่อท่านดื้อดึงเช่นนี้ ฉะนั้นก็อย่าหาว่าพวกเขาไม่เกรงใจก็แล้วกัน” และแววตาของผู้หญิงคนนั้นก็กลายเป็นน่าสะพรึงกลัวขึ้นทันที
แม้ว่าเมื่อครู่นี้เพียงดาบเดียวของเขาจะสามารถฆ่าคนของพวกเขาไปมากมาย และมันได้ทำให้คนของพวกเขาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก แต่ทว่าเขาก็มีเพียงคนเดียว ฉะนั้นจึงถือว่าเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าเพียงคนเดียวเท่านั้น เช่นนั้นแล้วพันธมิตรจากสองกองกำลังใหญ่ของพวกเขาจะกลัวจนจัดการเขาไม่ไหวได้อย่างไร
“ตาเฒ่า รั้งเจ้าหมอนี้ด้วยกันกับข้า ส่วนคนอื่น ไปฆ่ามู่เฉินซีซะ!” ผู้หญิงคนนั้นกล่าวกับผู้อาวุโสจากสำนักหมอทมิฬ
“ตกลง!”
ชายชราหนวดเคราขาวพุ่งทะยานเข้ามา จากนั้นทั้งสองคนก็เข้าไปพัวพันกับมู่เฟิงหลิง
มู่เฟิงหลิงกวัดแกว่งดาบออกไป และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไสหัวไป!”
พวกเขาเพียงแค่ต้องรั้งผู้ชายคนนี้ไว้ชั่วขณะหนึ่ง เพื่อให้คนอื่นสามารถที่จะจัดการกับมู่เฉินซีได้เท่านั้น
และเห็นได้ชัดว่า พวกเขาคิดง่ายเกินไปหน่อย!
เพราะในตอนที่คนอื่นกำลังจะเข้ามาล้อมโจมตีมู่เฉียนซี นางก็กล่าวขึ้นมาว่า “อู๋ตี้ เสี่ยวหง เสี่ยวโม่โม่ ออกมาเล่นกับพวกเขาหน่อย!”
“แย่แล้ว! มันคือสัตว์เทพ!”
“สัตว์เทพระดับสอง นอกจากนี้ยังมีถึงสองตัวเลยด้วย”
ตูมมม โครมมม!
กลุ่มคนที่มุ่งหน้าเข้ามาโจมตีมู่เฉียนซีทั้งหมด ได้ถูกสัตว์พันธสัญญาของมู่เฉียนซีเข้าโจมตีอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
และมู่เฉียนซีก็ใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตา เพื่อไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งอย่างกะทันหัน
คนที่แข็งแกร่งที่สุดให้เป็นหน้าที่อารอง คนที่มีพลังระดับกลางให้เป็นหน้าที่พวกของอู๋ตี้ ส่วนนางแน่นอนว่าต้องมาหาช่องโหว่ และจัดการกลุ่มคนที่อ่อนแอที่สุดเหล่านี้
ฉึก!
เข็มเล่มหนึ่งแทงทะลุผิวหนังของเขาเข้าไป และคนผู้นั้นก็ล้มฟุบลงไปบนพื้นทันที
“มู่เฉินซี ไปตายซะเถอะ!”
เป้าหมายตั้งแต่แรกก็คือการให้มู่เฉินซีเริ่มลอบโจมตี จากนั้นคนผู้นั้นที่กำลังรอโอกาส ก็พุ่งเข้าไปโจมตีมู่เฉินซีอย่างรุนแรงเหมือนเช่นตอนนี้
ตูมมมม!
ฝ่ามือหนึ่งได้กระแทกลงไปบนร่างกายของมู่เฉียนซี ทว่าเขากลับไม่คาดคิดมาก่อนว่าถึงมู่เฉียนซีจะถูกโจมตีโดนแล้ว แต่นางก็ยังสามารถเหาะขึ้นไปกลางอากาศราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น
พลังวิญญาณธาตุวายุระเบิดออกมา “ดูเหมือนว่า คนที่ตายจะเป็นเจ้านะ!”
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
เขาจ้องมองไปยังมู่เฉียนซีอย่างตื่นตะลึง จากนั้นก็รีบป้องกันอย่างรวดเร็ว และบนร่างกายของเขาก็มีบาดแผลเพิ่มมากขึ้น
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
ตอนนี้เขาคิดไม่ออกว่า เพราะเหตุใดมู่เฉียนซีถึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่านางโดนโจมตีระยะประชิดขนาดนั้น ฉะนั้นพลังในการทำลายล้างจะต้องสูงมากอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “มีอะไรให้ต้องคิดไม่ออกอย่างนั้นหรือ นั่นมันก็เป็นเพราะเจ้าอ่อนแอเกินไปอย่างไรล่ะ!”
“พลังวายุทำลาย ดับสูญ!”
“เป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าแล้วยังกล้ามาบอกข้าอ่อนแออีกหรือ เจ้ารนหาที่ตายนัก!” และเขาก็จู่โจมเข้าใส่มู่เฉียนซีอีกครั้ง
แต่ทว่าพลังการป้องกันของมู่เฉียนซีนั้นไม่สามารถทำลายได้ และเขาก็ไม่สามารถทำร้ายมู่เฉียนซีได้เช่นกัน
มู่เฉียนซีเยาะเย้ยว่า “แม้แต่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าเจ้ายังไม่สามารถทำร้ายได้เลย ที่บอกว่าเจ้าอ่อนแอ หรือว่าข้าใส่ร้ายเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
ปัง ปัง ปัง!
มู่เฉียนซีปะทะฝีมือกับคนผู้นี้
ถึงมู่เฉียนซีจะไม่ได้ใช้ทักษะวิญญาณ แต่อาวุธลับในมือของนางก็ร้ายกาจเช่นกัน และหลังจากที่ต่อสู้กันอยู่หลายสิบรอบ ร่างกายของเขาก็ถูกทำร้ายจนกลายเป็นรูพรุนไปหมดแล้ว
“บัดซบเอ้ย!” เขากระอักเลือดไปด้วย และจ้องเขม็งไปที่มู่เฉียนซีด้วยความโกรธไปด้วย
.