ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2093 ทำลายลูกสมุน
มู่เฉียนซีกลับไปที่หอหมอปีศาจกับมู่เฟิงหลิงแล้ว แต่ทว่าเรื่องที่ทางออกของดินแดนต้องห้ามจันทราโลหิตมีคนตายมากมาย อีกทั้งยังเป็นคนของกองกำลังระดับสี่อีกด้วยนั้น ได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
คนที่ไปส่งข่าวคราวให้มู่เฉียนซีผู้นั้น เมื่อเห็นว่าทั่วทุกพื้นที่เต็มไปด้วยซากศพ เขาก็ตื่นตะลึงไปเล็กน้อยเช่นกัน
พวกเขาทำมันได้จริงๆ!
ถึงยอดฝีมือจากทั้งสองสำนักใหญ่จะร่วมมือกัน แต่ก็ไม่สามารถจัดการพวกเขาทั้งสองคนได้ นี่มันจะวิปลาสเกินไปแล้ว!
ทันทีที่ชิงหลงได้รับข่าวนี้ เขาก็กล่าวว่า “ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ตายอยู่ในดินแดนต้องห้ามจันทราโลหิตสินะ”
และในตอนที่สำนักหลินเยว่และสำนักหมอทมิฬได้รับข่าวนี้ คนส่งสารก็มาถึงแล้วเช่นกัน
“มีเจ้ารอดชีวิตกลับมาเพียงคนเดียวหรือ?”
“เจ้าค่ะ! เพราะว่ามู่เฉินซีต้องการให้ข้านำคำพูดมาด้วยเจ้าค่ะ”
“คำพูดอะไร?”
“นางบอก…นางบอกว่า…”
ในสายตาของพวกเขา มู่เฉียนซีเป็นคนที่มีความผิดอย่างร้ายแรงโดยสมบูรณ์ แต่ช่วงนี้พวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะต้องทำเช่นไรดี?
เจ้าสำนักของสำนักหลินเยว่กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “พูด!”
“นางบอกว่าให้สำนักหลินเยว่ของพวกเรารีบฆ่านางซะ! เพราะบัลลังก์ของอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งแดนซวนเทียนของใครบางคนใกล้จะที่รักษาเอาไว้ไม่ไหวได้แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นสำนักหลินเยว่ของพวกเราก็คงจะน่าสังเวชมาก โดยนางไม่จำเป็นต้องลงมือใด ๆ เลย”
เจ้าสำนักของสำนักหลินเยว่โกรธเคืองเป็นอย่างมาก “มู่เฉินซีนี่ช่างใจกล้าและมีความทะเยอทะยานมากเกินไปจริง ๆ! อาศัยเพียงแค่นางยังกล้าคิดที่จะมาเปรียบเทียบกับฝ่าบาทหลินหลางอีก ฝันไปเถอะ!”
“ท่านเจ้าสำนัก ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาโกรธเคือง สอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ก่อนเถอะ! เพราะมู่เฉินซีเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนหนึ่งเท่านั้น แม้ว่านางจะมีสัตว์พันธสัญญาแต่ก็ยากที่จะทำลายล้างกองกำลังทั้งหมดของพวกเจ้าได้อยู่ดีมิใช่หรือ?” น้ำเสียงที่อ่อนโยนเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น
“เดิมทีพวกเราสามารถทำภารกิจจัดการมู่เฉินซีได้สำเร็จอย่างแน่นอน แต่ทว่าอยู่ ๆ อารองของมู่เฉินซีก็ปรากฏตัวออกมา แม้ว่าความสามารถของคนผู้นี้จะเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้า แต่กลับสามารถฆ่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าขั้นสูงสุดทั้งสองคนได้ หลังจากนั้น…”
“อารองหรือ! คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉินซีจะมีอารองกับเขาด้วย” พวกเขายุ่งวุ่นวายอยู่กับมู่เฉินซีมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ตอนอยู่ที่ดินแดนทางทิศใต้จนมาถึงดินแดนทางตอนกลาง แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่ามีคนเช่นนี้อยู่ด้วย
หลังจากที่สอบถามละเอียดบางอย่าง ก็ไม่พบสิ่งใดอยู่ดี แววตาของเจ้าสำนักหลินเยว่พลันเปลี่ยนเป็นน่าสะพรึงกลัวขึ้นมาทันที
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นข้าก็จะฝังพวกเขาไปพร้อมกันเสียเลย! เพราะถึงจะปล่อยทิ้งเอาไว้ก็ไม่มีค่าอะไรอยู่ดี”
เจ้าสำนักหลินเยว่ตบลงไปที่ศรีษะของคนผู้นี้ และในตอนที่นางพ่นเลือดสด ๆ ออกมา มันก็มีกลิ่นหอมของดอกไม้โชยไปทั่วห้องโถงด้วย
“ทำไมถึงมีกลิ่นหอมด้วยล่ะ!”
“แย่แล้ว ท่านเจ้าสำนัก มันมีพิษ!”
“มู่เฉินซีวางยาพิษนางตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย”
เจ้าสำนักหลินเยว่และคนอื่น ๆ ต่างรีบร้อนต้านทานพิษในทันที และทั่วทั้งห้องโถงก็เกิดความวุ่นวายขึ้น
“รีบไปเรียกนักปรุงยาระดับสูงมา เร็วเข้า!”
ส่วนทางด้านของสำนักหมอทมิฬในตอนนี้ เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬก็ได้จ้องมองไปยังคนที่คุกเข่าอยู่ด้านล่างนั่น และก็ได้พ่นคำพูดหนึ่งออกมาว่า “พูด!”
คนผู้นั่นพูดออกมาอย่างละเอียด!
“ท่านเจ้าสำนัก แม้ว่ามู่เฉินซีผู้นั้นจะทำร้ายนายน้อย แต่ทว่าการกระทบกระทั่งกันระหว่างคนหนุ่มสาวก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ สำนักหมอทมิฬของพวกเราโดดเด่นกว่าคนอื่น หากเกิดเรื่องขึ้นอีกก็เกรงว่าจะมีเรื่องยุ่งยากได้ขอรับ”
“เดิมทีคิดว่ามู่เฉินซีเป็นเพียงเด็กน้อยผู้บำเพ็ญอิสระที่ไม่มีคนคอยหนุนหลังคนหนึ่ง ถึงจะฆ่าไปก็คงไม่มีผู้ใดกล้ามาวิพากษ์วิจารณ์ว่าสำนักหมอทมิฬของพวกเราทำเรื่องไม่ถูกต้อง! แต่ทว่านางในตอนนี้กลับมีอารองที่เก่งกาจถึงเพียงนี้โผล่ออกมา ฉะนั้นตัวตนและภูมิหลังจะต้องไม่ธรรมดา ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องคิดหนักเลยทีเดียว”
“ที่สำนักหมอทมิฬของพวกเราต้องเสียหน้า อีกทั้งยังต้องเสียผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าขั้นสูงสุดไปอีก ก็ต้องปล่อยไปเช่นนี้อย่างนี้หรือ?”
“แต่พวกเราก็ไม่อยากที่จะสูญเสียอะไรอีก…”
เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬไม่ได้พูดอะไรออกมา ส่วนผู้อาวุโสที่อยู่ด้านล่างก็เริ่มแบ่งออกเป็นสองฝ่าย และเริ่มถกเถียงกันขึ้นมา
หลังจากที่โต้เถียงไปแล้วครู่หนึ่งแต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬจึงกล่าวว่า “ดูจากความหมายของมู่เฉินซีแล้ว คือต้องการที่จะไปจัดการกับสำนักหลินเยว่ก่อน และยังไม่คิดที่จะมาทำลายล้างสำนักหมอทมิฬของพวกเราในเร็ว ๆ นี้! ฉะนั้นสำนักหมอทมิฬของพวกเราจะให้เกียรตินางสักหน่อย โดยที่พวกเราจะไม่จัดการนางอย่างเปิดเผย แต่ทำอย่างลับ ๆ แทน พวกเจ้าไปคิดหาแผนการที่จะสามารถจัดการนางได้อย่างแน่นอนมาให้ข้าแล้วพวกเราค่อยลงมืออีกที”
ร่างสีดำสว่างวาบขึ้น และเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬก็แตะไปที่ลำตัวของคนผู้นั้นอย่างแรง จากนั้นคนผู้นั้นก็กล่าวขึ้นมาด้วยเสียงที่สั่นเครือว่า “ท่านเจ้าสำนัก ท่านเจ้าสำนักอย่าฆ่าข้าเลยขอรับ!”
คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬจะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “สาวน้อยที่ชื่อว่ามู่เฉินซีคนนั้นน่าสนใจมาก และดูจะน่าสนใจยิ่งกว่าเจ้าหนูที่เย่อหยิ่งนั่นเสียอีก หากสามารถที่จะจับมาทั้งเป็นได้ก็อย่าจับตายมาให้ข้า ได้ยินหรือไม่!?”
ในระหว่างที่เขาขยับนิ้ว คนส่งข่าวผู้นี้ก็ได้กลายเป็นแอ่งน้ำพิษไปทันที
มู่เฉียนซีได้วางยาพิษกับทั้งคู่เอาไว้ แต่ทว่าพิษนั้นกลับใช้ได้ผลแต่ที่สำนักหลินเยว่เท่านั้น ส่วนที่สำนักหมอทมิฬกลับไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดหวังเอาไว้
เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬออกไปอย่างสง่าผ่าเผย และผู้อาวุโสเหล่านั้นต่างแอบบ่นในความลำบาก
แค่ฆ่าก็ยากลำบากอยู่แล้ว อยากจะให้จับมาทั้งเป็นก็ยิ่งยากสำหรับพวกเขามากขึ้นไปอีก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำอยู่ดี
เรื่องนี้ จะต้องคิดทบทวนอย่างรอบคอบเลยทีเดียว
หลังจากที่มู่เฉียนซีกลับมาถึงหอหมอปีศาจแล้ว นางก็จัดการกับเรื่องของหอปีศาจ ฝึกฝน ปรุงยา หลังจากนั้นก็กินข้าวเป็นเพื่อนอารองของนาง และวันเวลาก็ผ่านพ้นไปอย่างมีความสุข
มู่เฟิงหลิงจ้องมองไปยังมู่เฉียนซีที่อยู่เบื้องหน้าอย่างงุนงงพลางกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ อารองต้องขอบคุณเจ้ามาก ข้าไม่ได้มีชีวิตที่สะดวกสบายและผ่อนคลายเช่นนี้มานานมากแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ในตอนนี้คนที่มีระดับต่ำกว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณไม่สามารถแตะต้องอารองได้อีกแล้ว หลังจากนี้ไปผู้ใดกล้ามารบกวนชีวิตที่สงบสุขของท่าน ข้าก็จะกำจัดมันผู้นั้นเอง ”
“แต่ว่า ยังไม่ได้ข่าวคราวของพวกพี่ใหญ่เลย!” มู่เฟิงหลิงกล่าวอย่างเป็นกังวล
พวกเขาต่างก็หวังว่าให้คนในครอบครัวมีชีวิตที่ผ่านพ้นไปอย่างสุขสบาย แต่ทว่าครอบครัวของพวกเขา ก็ไม่ได้มีเพียงแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น
พวกเขาเหล่านั้นยังคงตกอยูในอันตราย และพวกเขาจะอยู่อย่างสบายใจได้อย่างไร
“ข้ารู้แล้ว!” แสงในดวงตาของมู่เฉียนซีมืดลงทันที
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้เขียนจดหมายไปให้กับชิงหลงซูอี้ชิง ซึ่งบนนั้นได้เขียนไว้ว่า “สำนักหลินเยว่ ไม่จำเป็นที่จะต้องเก็บเอาไว้อีกแล้ว”
มู่เฉียนซีได้จ่ายเงินในราคาที่สูงเพื่อให้คนของหอรัตติกาลแอบลงมือลอบสังหารคนของสำนักหลินเยว่!
หลังจากที่กำจัดหนึ่งในลูกสมุนของมู่หลินหลางอย่างสำนักหลางซิงไปแล้ว นางก็ยังคิดที่จะกำจัดสำนักหลินเยว่ด้วย แต่ทว่าก่อนหน้านี้เพียงแค่รอโอกาสที่สุกงอมเท่านั้น และตอนนี้ก็ได้ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว
ในเมื่อตอนนี้ไม่สามารถตรงเข้าไปในวังหลวงของราชวงศ์ตงหวงเพื่อกำจัดจักรพรรดิตงหวงหรือมู่หลินหลางได้ ฉะนั้นก็เอาลูกสมุนตัวเล็ก ๆ เหล่านี้มาลองฝีมือดูก่อนก็แล้วกัน!
เมื่อชิงหลงกับหอหมอปีศาจเริ่มเคลื่อนไหวกันเช่นนี้ และสำนักหลินเยว่ก็ต้องเผชิญหน้ากับการถูกปิดล้อมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เจ้าสำนักหลินเยว่ได้ถูกมู่เฉียนซีวางยาพิษ ซึ่งไม่ง่ายเลยกว่าจะถอนพิษออกไปจนหมดสิ้นได้ และเมื่อได้รับข่าวนี้ก็โกรธจนแทบที่จะกระอักเลือดออกมาเลยทีเดียว
“ช่างบังอาจนัก! คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้าลงมือกับพวกข้า”
“ท่านเจ้าสำนัก ท่านผู้อาวุโสใหญ่ตายไปแล้ว และมีลูกศิษย์อีกหลายคนก็ตายไปแล้วเช่นกันเจ้าค่ะ ตอนนี้กำลังคนของพวกเรา…”
“ข้าจะส่งข่าวไปหาฝ่าบาท มู่เฉินซีต้องถูกกำจัด”
เพืยงแต่ว่าเมื่อพวกเขาส่งข่าวไป กลับได้รับรู้ว่าองค์หญิงหลินหลางกำลังเก็บตัวฝึกฝนและไม่มีเวลาว่างมากพอมาจัดการเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้
แต่แน่นอนว่าก็มีข่าวดีอยู่บ้าง นั่นก็คือการที่ทางนั้นได้ส่งยอดฝีมือมาสนับสนุนนั่นเอง
ถึงกำลังคนจะเพียงพอแล้ว แต่พวกเขากลับยังหาร่องรอยของมู่เฉินซีไม่เจออยู่ดี
“มู่เฉินซีจ่ายเงินไปเป็นจำนวนมากเพื่อให้นักฆ่าของหอรัตติกาลลงมือกับพวกเรา เช่นนั้นตราบใดที่สามารถกำจัดหอรัตติกาลได้ พวกเราก็จะได้รู้ข่าวของมู่เฉินซีอย่างแน่นอน! ด้วยพลังของนักฆ่าคนหนึ่งจะกล้าบ้าคลั่งเช่นนี้ได้อย่างไร เช่นนั้นก็กำจัดพวกเขาก่อนแล้วกัน!” เจ้าสำนักของสำนักหลินเยว่กล่าวด้วยแววตาที่ดุร้าย
“เจ้าค่ะ ท่านเจ้าสำนัก! พวกข้าจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้!”
ในตอนที่สำนักหลินเยว่กำลังจะลงมือ มู่เฉียนซีและชิงหลงก็ได้รวบรวมกำลังคน และเตรียมลงมือแล้ว
มู่เฉียนซีพบกับชิงหลงอีกครั้ง และกล่าวว่า “คราวนี้ตอบรับเสียง่ายดายเลยนะ เจ้าไม่มีปัญหาอะไรเลยหรือ?”
ยังไม่ทันรอให้ชิงหลงได้กล่าวอะไร สายตาที่เย็นชาก็จ้องมองไปที่ร่างของชิงหลงอย่างพินิจพิเคราะห์พลางกล่าวว่า “เจ้าก็คือคนที่ถูกเรียกว่าคุณชายชิงหลงอย่างนั้นหรือ?”
.
.