ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2095 ลอบสังหารสองชั้น
“ฝ่าบาทได้ลงทุนทรัพยากรให้สำนักหลินเยว่มากมาย คิดไม่ถึงเลยว่าจะไร้ประโยชน์เช่นนี้ หากฝ่าบาทรู้เข้าละก็ เกรงว่าจะต้องโกรธมากเป็นแน่”
ในเวลาเช่นนี้ ก็มีเสียงที่แหบพร่าเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
ร่างเงาสองสามร่างปรากฏตัวออกมา และบนเรือนร่างของพวกเขาก็สวมทับด้วยเกาะสีเงิน
ประกายสีแดงเลือดฉายชัดอยู่ภายในดวงตาของมู่เฟิงหลิง จากนั้นก็พ่นคำคำหนึ่งออกมาว่า “องครักษ์สีเงิน!”
ชายชราคนนั้นมองไปทางมู่เฟิงหลิงพลางกล่าวว่า “ในเมื่อรู้ว่าคือองครักษ์สีเงิน ฉะนั้นพวกเจ้าก็ยอมถูกจับแต่โดยดีเสียเถอะ!”
“ข้าไม่มีทางกลัวพวกขยะอย่างพวกเจ้าหรอก!” มู่เฟิงหลิงตรงเข้าโรมรันบุกตะลุยสังหารคนเหล่านั้นทันที
เพื่อที่จะสร้างความประทับใจให้หลานสาว มู่เฟิงหลิงจึงมักที่จะเก็บอาการอยู่เสมอ
แต่ทว่าตอนนี้เมื่อได้เห็นองครักษ์สีเงิน ผู้ที่ซึ่งเคยเข้าร่วมการไล่ล่าพวกเขามาก่อน และเหล่าพี่น้องของเขาหลายคนก็ต้องตายด้วยน้ำมือของคนเหล่านี้ มันจึงทำให้มู่เฟิงหลิงเปลี่ยนเป็นมุทะลุดุดันมากขึ้นเป็นพิเศษในทันที
“รนหาที่ตายนัก!”
คนที่เป็นผู้นำคนนั้น ได้ระเบิดพลังของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณออกมา
เขาคิดว่าพลังเช่นนี้จะสามารถข่มขู่มู่เฟิงหลิงได้ แต่ในทางกลับกัน แรงกดดันของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณกลับยิ่งทำให้จิตสังหารของมู่เฟิงหลิงรุนแรงมากขึ้นไปอีก
“ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าที่แปลกประหลาดผู้นี้มาจากที่ใดกัน!”
“จัดขบวน! ฆ่ามัน!”
ทันทีที่พูดจบ ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณผู้นั้นก็ได้โบกมือเป็นสัญญาณว่าให้พุ่งไปทางมู่เฟิงหลิง
ปังง!
พวกเขาโจมตีถูกมู่เฟิงหลิง แต่ทว่ามันกลับไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสได้เลยแม้แต่น้อย
เพราะร่างกายของสัตว์เทพสามารถที่จะต้านทานการโจมตีเช่นนี้ได้
สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที “คนผู้นี้เป็นใครกันแน่?”
“ลงมือฆ่าพร้อมกัน!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ชิงหลง”
การฆ่าองครักษ์สีเงินสองสามคนนี้คุ้มค่ากว่าการทำลายล้างสำนักหลินเยว่ที่อยู่รอบนอกเสียอีก และชิงหลงก็ได้เรียกยอดฝีมือที่อยู่ฝ่ายของพวกเขาออกมา จากนั้นก็ให้ตรงเข้าไปสังหารองครักษ์สีเงิน เพื่อที่จะทำให้พวกเขาหมดหนทางในการล้อมโจมตีมู่เฟิงหลิงได้
ตูมมม!
เนื่องจากการปรากฏตัวขององครักษ์สีเงิน ทำให้การต่อสู้ของฝ่ายนี้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่
สายตาของรองเจ้าสำนักที่ได้รับบาดเจ็บเริ่มกวาดมองไปในกลุ่มผู้คน และนางได้เริ่มทำภารกิจในการกำจัดมู่เฉินซีต่อไป
ฟิ้ว!
มีเสียงแหวกผ่านอากาศดังขึ้นมา และสีหน้าของรองเจ้าสำนักหลินเยว่ก็เปลี่ยนไปอย่างมากในทันที!
“อาวุธลับ!”
“มู่เฉินซี ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว อย่าคิดว่าจะใช้อุบายหลอกล่อเล็กน้อยแค่นี้แล้วเจ้าจะสามารถหนีไปได้นะ” นางคำรามกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด และแสงเย็นยะเยือกของกระบี่ก็ไล่ล่าร่างเงาของมู่เฉินซีระลอกแล้วระลอกเล่า
ตูมมม!
และในตอนนี้เอง ก็ได้มีร่างเงาสีเขียวร่างหนึ่งสว่างวาบขึ้นมา จากนั้นเขาก็เหวี่ยงกระบี่เล่มหนึ่งลงมา
“เพลิงคลั่งชางเหลียน!”
“หมัดราชาผู้ไร้เทียมทาน!”
“หงส์เริงระบำสะท้านนภา”
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย”
รองเจ้าสำนักของสำนักหลินเยว่ผู้นี้ ตกอยู่ท่ามกลางการโจมตี และคนที่ล้อมโจมตีนางก็คือมู่เฉินซี ชิงหลง เสี่ยวโม่โม่ อู๋ตี้และยังมีเสี่ยวหงอีกด้วย
ปัง ปัง ปัง!
เมื่อถูกโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า รองเจ้าสำนักหลินเยว่ก็ทำได้เพียงอาศัยพลังของตนเองในการสกัดกั้นเอาไว้เท่านั้น
“คิดว่าร่วมมือกันแล้ว จะสามารถเอาชนะข้าได้อย่างนั้นหรือ? เพ้อเจ้อสิ้นดี!”
พลังวิญญาณที่ยิ่งใหญ่มหาศาลได้ห่อหุ้มเอาไว้ และชิงหลงก็กล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “ยันเอาไว้สามกระบวนท่า ไม่มีปัญหาใช่หรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ!”
“ลงมือ!”
ตูมมมม โครมมม!
ทั่วทั้งหอรัตติกาลได้ระเบิดพลังที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดออกมา กระบวนท่าที่หนึ่ง กระบวนท่าที่สอง กระบวนท่าที่สาม!
พรวด พรวด พรวด!
ภายใต้การโจมตีที่แข็งแกร่งของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าขั้นสูงสุดคนหนึ่ง ทำให้พวกเขาทั้งห้าได้รับบาดเจ็บเสียแล้ว
สีหน้าของรองเจ้าสำนักของสำนักหลินเยว่อับอายเป็นอย่างมาก แน่นอนว่านี่คือความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวง เพราะนางไม่สามารถจัดการตัวละครเล็ก ๆ เหล่านี้ได้ภายในสามกระบวนท่านั่นเอง
“เล่นมาพอแล้ว ข้าจะส่งพวกเจ้าตายไปพร้อมกันเอง!” นางกล่าวอย่างดุร้าย
ในตอนที่นางกำลังต้องการจะลงมือ คนที่มีความสามารถเป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเทียบเท่ากันกับนางก็ปรากฏตัวขึ้น
ปังงง!
และการโจมตีของรองเจ้าสำนักหลินเยว่ ก็ได้ถูกสกัดกั้นเอาไว้ได้
“คุณชาย ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
เขาใช้เวลาทั้งหมดสามกระบวนท่าเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ของเขา และตอนนี้เขาก็ได้มาช่วยเหลือคุณชายของพวกเขาแล้ว
ชิงหลงกล่าวว่า “ไม่เป็นอะไร เจ้ามาได้ทันเวลาพอดี ฆ่ามันซะ!”
“ขอรับ! คุณชาย”
พลันนั้นลูกน้องของคุณชายชิงหลงผู้นี้ ก็เริ่มทำการโต้กลับในทันที
ทั้งสองคนมีพลังที่สูสีกัน และดูเหมือนว่าตรงนี้จะไม่มีเรื่องของพวกเขาแล้ว
ชิงหลงขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็หายไปจากตำแหน่งเดิมในฉับพลัน
มู่เฉียนซีใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตา เพื่อให้คนอื่นไม่สามารถจับทิศทางของนางได้
การต่อสู้ของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าขั้นสูงสุดเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดมาก และรองเจ้าสำนักของสำนักหลินเยว่ก็มีของดีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่รุนแรงของคู่ต่อสู้ แต่นางก็ยังสามารถรับมือได้
แต่ถึงจะรับมือได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าในตอนที่นางกำลังต่อสู้ จะไม่มีจุดใดที่หย่อนยานเลย
และเมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป ในที่สุดช่องโหว่ของนางก็ปรากฏออกมาแล้ว
ร่างเงาสีเขียวร่างหนึ่งได้พุ่งทะยานออกมาด้วยความเร็วราวกับลูกธนูก็มิปาน เขาได้ซ่อนจิตสังหารเอาไว้ จากนั้นก็เหวี่ยงกระบี่ออกไป ซึ่งนี่เป็นการโจมตีที่รุนแรงเป็นอย่างมาก
รองเจ้าสำนักหลินเยว่ผงะไปครู่หนึ่ง กระบวนท่าสังหารนี้ เป็นของคุณชายชิงหลงหรือ?
ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดคุณชายชิงหลงถึงมาได้อย่างรวดเร็ว เพราะเขาก็คือซูอี้ชิงนักฆ่าอันดับหนึ่งนั่นเอง คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะหลอกคนได้มากมายเพียงนี้
“แม้ว่าเจ้าจะเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งของดินแดนทางทิศตะวันออก แต่ก็ไม่สามารถฆ่าข้าได้หรอก!”
แสงสีทองเปล่งประกายเจิดจรัส และรองเจ้าสำนักหลินเยว่ก็สกัดกั้นกระบี่เล่มนี้เอาไว้
เคร้ง!
นางปัดมือทั้งสองข้างออก จากนั้นก็ตรงเข้าไปบีบคอของชิงหลงทันที
“ชีวิตของเจ้าอยู่ในกำมือของข้าแล้ว มาดูสิว่าลูกน้องของเจ้าเหล่านั้นอยากจะปกป้องเจ้า หรืออยากจะปกป้องมู่เฉินซีมากกว่ากัน”
“คุณชาย!” และคนอื่น ๆ ต่างตื่นตกใจเป็นอย่างมาก
ฉึก!
ยังไม่ทันรอให้รองเจ้าสำนักของสำนักหลินเยว่ภูมิใจได้อย่างเต็มที่ มู่เฉียนซีก็ปรากฏตัวขึ้นมาข้างหลังของนาง จากนั้นเข็มยาเล่มหนึ่งก็ถูกฝังลงไปบนต้นคอของนาง
มู่เฉียนซีกระซิบลงที่ข้างหูของนางว่า “เดี๋ยวเจ้าก็จะกลายเป็นคนตายแล้ว ดังนั้นเจ้าก็คงไม่สามารถเอาชิงหลงมาเป็นตัวประกันได้อีกแล้ว ช่างน่าเสียดายจริง ๆ!”
นางอยากที่จะใช้แรง แต่กลับไม่สามารถขยับตัวได้เลย
หลังจากที่ชิงหลงหลุดออกมาจนเป็นอิสระ เขาก็เหวี่ยงกระบี่เข้าไปอีกครั้ง
กระบี่ที่รวดเร็วนี้แม่นยำเป็นอย่างมาก ดังนั้นมันจึงแทงทะลุเข้าไปที่กลางอกของรองเจ้าสำนักหลินเยว่โดยตรง
พรวด!
มีโพรงที่เต็มไปด้วยเลือดอยู่ที่กลางอกของนาง ในน้ำเสียงนั้นถูกอาบไปด้วยยาพิษ
นางไม่อยากยอมแพ้ แม้จะสัมผัสได้ว่าความตายกำลังไล่เข้ามาแล้วก็ตาม
นางร้องตะโกนออกมาว่า “นายท่าน โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!”
“นายท่าน! ข้ายังไม่อยากตาย!”
คำร้องขอความเมตตาของนาง ไม่ได้อยู่ในสายตาของคนที่คิดว่าเป็นนายท่านผู้นั้นเลย
ตึงง!
นางฟุบลงไปบนพื้น จากนั้นพลังก็ค่อย ๆ หายไปอย่างช้า ๆ
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าช่วยชีวิตเจ้าอีกครั้งแล้ว เจ้าอยากที่จะเปลี่ยนความคิดดูสักหน่อยหรือไม่?”
ชิงหลงกล่าวว่า “ไม่มีทางหรอก!”
พูดจบ ชิงหลงก็ไปสังหารศัตรูคนอื่น ๆ ต่อ
บางทีแค่ลูกน้องของชิงหลงเหล่านั้นก็เพียงพอที่จะเอาชนะรองเจ้าสำนักหลินเยว่ได้แล้ว แต่ทว่าความเร็วนั้นเร็วเกินไป ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงเหมือนกันกับชิงหลง ที่คิดว่าควรจะต้องจัดการนางให้เร็วขึ้นอีกสักหน่อย
เพราะในระหว่างการต่อสู้ของผู้ที่แข็งแกร่ง แน่นอนว่าการที่ค้นหาช่องโหว่ในการป้องกันของนางเจอและทำการลอบสังหารจึงเป็นวิธีจัดการคู่ต่อสู้ที่รวดเร็วที่สุดแล้ว
ซึ่งชิงหลงเตรียมที่จะใช้ฝีมือในการลอบสังหารมาจัดการกับรองเจ้าสำนักหลินเยว่ และมู่เฉินซีก็เลือกที่จะฆ่านางด้วยยาพิษเช่นกัน
ในสนามรบ มักจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อสู้กับยอดฝีมือที่เป็นถึงระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าขั้นสูงสุดอย่างนาง บวกกับสถานะที่ไม่ได้ต่ำต้อยของนางนั้น มันจึงทำให้บนตัวของนางต้องมีสมบัติที่ทำให้คนอื่นคิดไม่ถึงอยู่ด้วยแน่นอนอยู่แล้ว
แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่รองเจ้าสำนักหลินเยว่ก็ไม่อาจรักษาชีวิตของตนเองไว้ได้ และนางก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่า ตนเองจะถูกคนหนุ่มสาวทั้งสองลอบสังหารถึงสองชั้นเช่นนี้
“ท่านรองเจ้าสำนัก”
การมาถึงขององครักษ์สีเงินทำให้พวกนางมั่นใจขึ้นมาก แต่ทว่าทันทีที่รองเจ้าสำนักตายลง มันก็ส่งผลให้จิตวิญญาณในการต่อสู้ของลูกศิษย์สำนักหลินเยว่เหล่านี้พังทลายลงในทันทีเช่นกัน
ตูมมม!
เสียงระเบิดกึกก้องอันน่าสะพรึงกลัวดังออกมา และร่างเงาสีดำก็ได้ชนเข้ากับห้องห้องหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปถึงสามสิบจั้งเลยทีเดียว
“อารอง!” ร่างสีม่วงสว่างวาบ และมู่เฉียนซีก็พุ่งทะยานไปทันที
ความเคร่งขรึมปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของชิงหลง ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณ อย่างไรเสียก็เป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณ แม้ว่าจะเป็นระดับหนึ่ง แต่ก็รับมือได้ยากมากอยู่ดี
“ถึงปลาซิวปลายสร้อยเหล่านั้นจะพ่ายแพ้ มันก็ไม่สำคัญเลย! เพราะตราบใดที่ข้ายังอยู่ที่นี่ พวกเจ้าทั้งหมดก็จะต้องตาย” ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณผู้นั้นกล่าวออกมาอย่างหยิ่งผยอง
แต่เขาก็พูดถูก เพราะผู้แข็งแกร่งระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณ คือผู้ที่มีความสามารถเช่นนี้อยู่แล้ว
.
.