ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2097 สามารถเป็นพันธมิตรได้
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “ซีเอ๋อร์อย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของอาถิงเลย มันเป็นเพียงแค่มิติพิทักษ์ธรรมดาเท่านั้นเอง! เจ้าหมอนั่นเพียงแค่อยากจะอวดต่อหน้าซีเอ๋อร์เยอะ ๆ ก็เท่านั้น อย่างไรก็ตาม เพราะเจ้าไม่ยอมเรียกเขา ดังนั้นเขาเลยโกรธแค่นั้นเอง”
อาถิงไม่รู้ตัวเลยว่าถูกพี่สาวของตนเองหักหน้าไปเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งมู่เฉียนซีก็ยังไม่ได้แสดงออกอีกด้วย และเมื่อมองไปที่หนุ่มน้อยที่งดงามราวกับภูตที่เต็มไปด้วยความหยิ่งผยองผู้นั้น นางก็กล่าวว่า “อาถิง ที่ข้าไม่ให้เจ้าออกโรงเป็นเพราะว่าข้าจะให้เจ้าออกโรงในช่วงเวลาที่สำคัญต่างหากล่ะ! อย่างไรเสียรอบกายของข้าตอนนี้ก็มีเพียงอาถิงเท่านั้นที่เก่งกาจมากที่สุด”
“ช่วงเวลาสำคัญอะไรกัน? เจ้าอย่ามาหลอกข้านักเลย” อาถิงจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างสงสัยใคร่รู้
“รอไปก่อนเดี๋ยวก็รู้แล้วล่ะ”
ยาเข็มนั้นของนาง ไม่ใช่การฝังเข็มที่เปล่าประโยชน์อย่างแน่นอน!
ตอนนี้ตาแก่ผู้นั้นยังไม่ทันสังเกตเห็น คิดจริง ๆ หรือว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณอย่างเขาจะสามารถสกัดกั้นพิษของหมอปีศาจได้? ฝันไปเถอะ!
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณผู้นั้นเริ่มสังเกตได้แล้วว่าเกิดสิ่งผิดปกติบางอย่างกับตนเอง มันเป็นเรื่องที่ผิดปกติเป็นอย่างมาก เพราะการโจมตีอย่างรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้พลังของเขาเริ่มที่จะอ่อนแอลง
พลังที่อยู่ในร่างกายของเขากำลังจะอ่อนแอลง และขีดจำกัดของเขาก็ลดลงด้วยเช่นกัน
ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจเสียที จากนั้นเขาจึงคำรามร้องด้วยความโกรธว่า “นางเด็กน่ารังเกียจ คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าลอบโจมตีข้า!”
ปัง ปัง ปัง!
มู่เฟิงหลิงทำลายการโจมตีของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า และต่อมาก็เริ่มทำการโต้ตอบบ้างแล้ว
ดูเหมือนว่าความสามารถของเขาจะแข็งแกร่งมากกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก พลังในการต่อสู้ที่ระเบิดออกมาช่างน่าทึ่งมากเลยจริง ๆ และนั่นก็ทำให้ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณอย่างเขารับมือต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
เป็นไปได้อย่างไรกัน!
เหงื่อเย็นผุดขึ้นมาบนหน้าผากของเขา และยังรู้สึกว่าพลังของตนเองนั้นเริ่มอ่อนแอมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมันก็ทำให้เขาไม่มีความตั้งใจที่จะสู้อีกต่อไปแล้ว
“เจ้ารอข้าก่อนเถอะ ในเมื่อทำให้ฝ่าบาทหลินหลางขุ่นเคืองใจ ก็เหมือนทำให้ตระกูลตงหวงต้องขุ่นเคืองใจด้วย แม้ว่าพวกเจ้าจะมีความสามารถ แต่อย่าคิดว่าจะยืนหยัดอยู่ในแดนซวนเทียนได้เลย!” เขากล่าวอย่างเกรี้ยวกราด
“ตระกูลตงหวงอย่างนั้นหรือ เจ้านายระดับเก้าของพวกเจ้ายังกล้ามาเรียกตัวเองว่าตระกูลตงหวงอีกอย่างนั้นหรือ? ช่างน่าอับอายขายหน้าจริง ๆ เลย!” มู่เฟิงหลิงกล่าวอย่างเหยียดหยาม จากนั้นก็ใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดในการจู่โจมเข้าใส่เขาอย่างไม่เกรงใจอีกครั้ง
“เจ้าบังอาจนัก! เจ้ามันกบฏ คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าให้ร้ายราชวงศ์เช่นนี้”
“ที่ข้าให้ร้ายมีเพียงพวกสวะที่จิตใจโฉดชั่วเสมือนหมาป่ากลุ่มนั้นเท่านั้นแหละ”
ปัง ปัง ปัง!
หลังจากปัดป้องการโจมตีที่บ้าคลั่งของมู่เฟิงหลิงครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว จากนั้นจึงกระโดดขึ้นไปกลางอากาศและพุ่งทะยานออกไป จนอยู่ไกลจากมู่เฟิงหลิงเป็นอย่างมาก
เขาอยากที่จะหนี ละทิ้งชื่อขององครักษ์สีเงินไว้แล้วรีบวิ่งหนีไป!
แม้ว่าเขาจะสามารถทนต่อการโจมตีของมู่เฟิงหลิงที่เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าได้ ทว่าตอนนี้เขาได้โดนทำร้ายด้วยยาพิษของมู่เฉินซีแล้ว ฉะนั้นเขาจึงอยากที่จะหนี และมู่เฟิงหลิงก็ไม่อาจตามทันด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวกับอาถิงด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ได้หลอกเจ้าเห็นไหม! ตอนนี้ถึงโอกาสที่ดีนั้นแล้ว ตามเขาไปซะ! หลังจากนั้นก็ทำให้เขาหายสาบสูญไปเสีย”
“ทำให้เจ้ามดปลวกตัวนั้นหายไปอย่างนั้นหรือ ง่ายจะตายไป!”
ร่างของอาถิงหายไปจากข้างกายของมู่เฉียนซีในทันที และมู่เฟิงหลิงที่อยากจะไล่ตามไปก็ได้ถูกมู่เฉียนซีขวางเอาไว้ก่อน
“อารอง เขาหนีไปไม่รอดหรอกเจ้าค่ะ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการรักษาอาการบาดเจ็บนะเจ้าคะ ท่านรู้ใช่หรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจริงจัง
“อื้ม! รักษากันเถอะ!” มู่เฟิงหลิงเชื่อฟังราวกับเด็กดีอย่างไรอย่างนั้น
การที่ถูกองครักษ์สีเงินที่เป็นถึงผู้อาวุโสระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณท่านนั้นทอดทิ้ง สำหรับพวกเขาแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่ไม่คาดฝันเป็นอย่างมาก
“ฆ่ามัน!”
มู่เฉียนซีประคองมู่เฟิงหลิงไปยังสถานที่แห่งหนึ่งจากนั้นก็เริ่มทายา ฝังเข็ม เปิดแผล…
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมาเลยทีเดียว เพราะอย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณ
ศัตรูที่อยู่ทางนั้น แค่ให้ลูกน้องจัดการก็เหลือเฟือแล้ว และชิงหลงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็มองดูชายที่ร่างเต็มไปด้วยเลือดด้วยสายตาที่เย็นชา
คำพูดทั้งหมดเมื่อครู่นี้ เขาก็ได้ยินมันแล้วเช่นกัน
ดูเหมือนว่าเขาจะรู้เรื่องบางอย่างของราชวงศ์ตงหวงที่คนอื่นไม่รู้ และถึงมีคนรู้ก็มีน้อยมากที่จะยังมีชีวิตรอดอยู่ เนื่องจากว่าราชวงศ์ตงหวงในตอนนี้ไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น
และได้รู้ว่าคนผู้นี้ มีความเกลียดชังต่อคนของราชวงศ์ตงหวงเหมือนกันกับพวกเขา
ในระหว่างการต่อสู้ที่เป็นตายเท่ากัน แม้ว่าจะเป็นนักแสดงที่มีฝีมือมากมายแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะแสดงได้ดีขนาดนี้ได้ และมันก็ทำให้เขาต้องมาขบคิดว่า ทั้งเขากับนางที่เขาคอยปกป้องมาโดยตลอดอย่างมู่เฉินซี จะต้องมีศัตรูร่วมกันอย่างแน่นอน
คนที่อยู่รอบกายของมู่เฉินซีนั้นแข็งแกร่งมาก รวมไปถึงอารองของนางผู้นี้ด้วย และต้องพูดได้ว่าพวกเขาอาจจะสามารถเป็นพันธมิตรกันได้ก็เป็นได้
เพียงแต่ว่าการมีพันธมิตรที่มีที่มาไม่ชัดเจนเช่นนี้ หากเป็นการเดิมพัน แน่นอนว่าจะต้องเป็นการลงทุนน้อยแต่ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า แต่หากพ่ายแพ้ ก็จะไม่ได้มีแค่เขาเพียงคนเดียวที่ต้องตาย
มู่เฉินซีมีใบหน้าที่คล้ายกับมู่หลินหลางถึงขนาดนั้น ไหนจะรูปแบบการวางแผนการชั่วร้ายนั้นของนางอีก ซึ่งมันก็ยังทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว และยังไม่กล้าที่จะเดิมพันตอนนี้…
ความคิดของชิงหลงกำลังล่องลอยไปไกล ตอนนี้มู่เฉียนซีก็ได้ยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้วกล่าวว่า “เจ้ามองอะไรหนักหนา? ถึงจะมอง ข้าก็ไม่ทายาให้เจ้าหรอก อย่างไรเสียตอนนี้เจ้าก็ไม่ได้เป็นอี้ชิงน้อยอีกแล้ว”
“แม้ว่าจะไม่กล้าเป็นพันธมิตรกัน แต่ข้าก็ไม่ขี้เหนียวเช่นกัน! ข้าให้ยาน้ำรักษาแผลแก่เจ้าขวดหนึ่งเอาไปแก้ขัดก่อนก็แล้วกัน!”
เมื่อเอายาให้กับชิงหลงแล้ว มู่เฉียนซีก็กลับไปดูแลอารองของนางต่อ สำหรับการปฏิบัติของนางที่มีต่ออารองของตนเองกับคนที่ไม่เคยรู้สึกดีกับนางเลยอย่างชิงหลง แน่นอนว่ามันต้องต่างกันราวฟ้ากับเหวอยู่แล้ว
อาถิงมาเร็วมาก เขากลับมาอย่างรวดเร็วจริง ๆ
เมื่อเห็นมู่เฉียนซีกำลังเสียใจเรื่องอารองของตนเอง เขาก็กล่าวว่า “เจ้าทำอะไรอยู่ตั้งนานขนาดนั้น? หากให้ข้าออกโรงมาตั้งแต่แรก เจ้าบ้านั่นไม่มีทางกระโดดโลดเต้นได้นานขนาดนั้นหรอก แล้วตอนนี้จะมาแสดงท่าทางน่าเกลียดแบบนั้นให้ใครดูกันล่ะ?”
มู่เฟิงหลิงกวาดสายตามองไปยังหนุ่มน้อยที่พูดจาไม่สุภาพกับหลานสาวของตนเอง มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “อารอง นี่คืออาถิง ผู้ผูกสัญญาของข้าเองเจ้าค่ะ”
ส่วนเรื่องที่ว่าอาถิงคืออะไร มู่เฉียนซีไม่อาจพูดมากไปกว่านี้ได้ และไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจอารองของตนเอง เพียงแต่นางได้สัญญากับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เอาไว้แล้วว่า ให้มีคนรู้เรื่องน้อยเท่าไรมันก็จะยิ่งปลอดภัยกว่า
ส่วนมู่เฟิงหลิงก็ไม่ได้กล่าวถามเช่นกัน แค่ได้รู้ว่าผู้ผูกสัญญากับมู่เฉียนซีไม่ใช่ผู้ชายรนหาที่ตายที่เอาแต่จ้องหลานสาวของเขาตาเป็นมัน สีหน้าของมู่เฟิงหลิงก็ดีขึ้นไม่น้อยแล้ว
มู่เฟิงหลิงกล่าวว่า “ข้าอยากที่จะมีความแข็งแกร่งในการปกป้องซีเอ๋อร์ให้ได้ ไม่ใช่ให้ซีเอ๋อร์มาคอยปกป้องเช่นนี้”
“สมกับที่เป็นครอบครัวเดียวกัน นิสัยเดียวกันเลย!” อาถิงกล่าว
มู่เฉียนซีคลี่ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว! อาถิงเข้าใจข้าที่สุดเลย”
อีกด้านหนึ่ง การต่อสู้ได้สิ้นสุดลงแล้ว มีบางส่วนที่ถูกฆ่าไปแล้ว และยังมีบางส่วนที่จับเป็นเอาไว้
“คุณชาย!”
ส่วนวิธีการสำหรับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ แน่นอนว่าพวกเขาต้องฟังคำสั่งของคุณชายของพวกเขาอยู่แล้ว
ชิงหลงกล่าวว่า “คนเหล่านี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องไว้ชีวิต ฆ่าไปให้หมด!”
“ขอรับ!”
“หอรัตติกาลถูกเปิดเผยแล้ว ต่อไปหอรัตติกาลยังคงเป็นองค์กรนักฆ่าอันดับหนึ่งในดินแดนทางทิศตะวันออกอยู่ แต่ทว่าควรที่จะซ่อนตัวอยู่ในความมืดได้แล้ว”
“น้อมรับคำสั่ง!”
หลังจากจัดการคนแล้ว เรื่องเก็บกวาดแน่นอนว่าไม่ใช่ความรับผิดชอบของนาง ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “เสี่ยวโม่โม่ พวกเราไปเถอะ! ควรจะกลับไปพักผ่อนได้แล้ว”
“เจ้าค่ะ!”
มู่เฉียนซีและคนอื่น ๆ จากไปแล้ว ส่วนเรื่องยุ่งยากหลังจากนี้แน่นอนว่าได้มอบให้ชิงหลงเป็นคนจัดการ
หนีไปเร็วจริง ๆ! สีหน้าของชิงหลงเย็นชาขึ้นมาทันที
“คุณชาย ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณคนนั้นหนีไปแล้ว เกรงว่า…”
ก่อนที่เขาจะทันพูดจบ ชิงหลงก็กล่าวขึ้นว่า “คนผู้นั้น ไม่มีทางมีชีวิตอยู่หรอก พวกเจ้าวางใจเถอะ”
หนุ่มน้อยลึกลับที่จัดการได้แม้กระทั่งสัตว์ร้ายโบราณผู้นั้นเป็นคนไล่ตามไปฆ่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณผู้นั้นด้วยตนเอง ซึ่งเขาไม่มีทางมีชีวิตอยู่แน่นอนอยู่แล้ว
หรือว่าคุณชายส่งคนไปไล่ล่าแล้วอย่างนั้นหรือ?
“ในเมื่อคุณชายกล่าวเช่นนี้ พวกข้าก็วางใจแล้ว”
ชิงหลงได้มอบความรับผิดชอบงานเก็บกวาดให้กับลูกน้องของเขา จากนั้นก็ไล่ตามไปที่หอหมอปีศาจ
“เจ้านาย คุณชายชิงหลงมาขอเข้าพบเจ้าค่ะ!”
“ให้เขาเข้ามา!” มู่เฉียนซีกล่าว
เมื่อเห็นว่าชิงหลงมา มู่เฉียนซีจึงหยอกล้อว่า “มีอะไรหรือ? เวลาเช่นนี้ไม่ใช่เวลาที่เจ้าควรจะพักรักษาบาดแผลอย่างนั้นหรือ? มาหาข้าถึงที่นี่เพื่ออยากจะขอยาพิเศษจากข้าอย่างนั้นหรือ?”
ชิงหลงจ้องมองไปทางมู่เฉียนซีและมู่เฟิงหลิงแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าเป็นใครกันแน่?”
.
.