ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2105 ล้วนสวมกาก
ถึงต้องเผชิญกับจิตสังหารเช่นนี้ ทว่าทั้งสามคนนั้นก็ยังคงสงบนิ่งกันเป็นอย่างมาก
ในเวลานี้ มู่เฉียนซีได้เริ่มเอ่ยปาก นางกล่าวว่า “อารอง ผู้ชายคนนี้เคยแนะนำตนเองไปแล้ว! หากมีเรื่องซุบซิบใดที่ท่านอยากรู้ก็สามารถไปหาเขาได้ ส่วนคนผู้นี้ก็คือไป๋เจ๋อ เป็นนักปรุงยา และคนผู้นี้คือฉงหมิง เขาคือนักหลอมอาวุธ พวกเขาล้วนเป็นเพื่อนและหุ้นส่วนของข้า”
และก็เป็นไปตามที่คาดไว้ หลังจากที่มู่เฉียนซีกล่าวกับมู่เฟิงหลิงแล้ว มู่เฟิงหลิงก็ได้เก็บคืนจิตสังหารกลับไปอย่างรวดเร็ว
ไป๋เจ๋อกล่าวอย่างสุภาพว่า “สวัสดีขอรับท่านมู่!”
ทันใดนั้นร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นมาภายในห้องโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง มู่เฉียนซีเองก็ไม่คาดคิดว่าชิงหลงจะมาด้วยเช่นกัน
“พี่ใหญ่ชิงหลง!” เมื่อเห็นชิงหลง คนที่ตื่นเต้นที่สุดก็คงไม่มีผู้ใดเกินกว่าฉงหมิงอีกแล้ว เขานั้นนับถือชิงหลงมากจริง ๆ!
หลังจากที่ได้เลือกสิ่งที่ชำนาญในตอนแรกแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เขาอยากจะเป็นก็คือนักฆ่า
ครั้นหลังจากที่ผ่านการทดสอบแล้ว พ่อบุญธรรมกลับบอกว่าเขาไม่มีความเหมาะสมที่จะเป็นนักฆ่าเลยแม้แต่น้อย แต่เขากลับมีพรสวรรค์ในการหลอมอาวุธที่น่าประทับใจมากกว่า ฉะนั้นจึงทำได้เพียงแค่เลือกเป็นนักหลอมอาวุธเท่านั้น
“ฉงหมิง!” เมื่อเห็นน้องชายของตนเอง ดวงตาคู่นั้นของชิงหลงก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาหลายส่วน
มู่เฉียนซีมองไปที่พวกเขาแล้วกล่าวว่า “วันนี้พวกเจ้ามารวมตัวกันได้พอดีเลยนะ! แต่ว่า…”
“พรวดด!”
เมื่อมู่เฉียนซีกวาดสายตามองไปที่ใบหน้าของพวกเขาแต่ละคนก็ได้แต่หัวเราะออกมา “พวกเจ้าทั้งสี่กับอารองต่างก็พากันใส่หน้ากากทั้งนั้นเลย คนที่ไม่รู้คงจะคิดว่ากำลังจัดงานเลี้ยงสวมหน้ากากเป็นแน่!”
และฉากนี้มันก็ค่อยข้างแปลกประหลาดเลยทีเดียว!
จูเชว่เข้าไปใกล้มู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “หากซีซีต้องการเห็นใบหน้าที่งดงามของข้า ข้าก็สามารถเปิดให้ซีซีดูได้นะ! ซีซีอยากเห็นหรือไม่? ”
ไป๋เจ๋อกล่าวว่า “ข้าเพียงแค่ระวังตัวเท่านั้น”
“ข้าพึงพอใจในหน้ากากของข้ามาก!” ฉงหมิงกล่าวอย่างทะนงตน
ชิงหลงกวาดสายตามองไปยังใบหน้าของมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “พูดอย่างกับว่าเจ้าไม่ได้ใช้ใบหน้าปลอมอย่างนั้นแหละ นอกจากนี้ยังมีท่านมู่ที่ไม่กล้าพบผู้คนด้วยใบหน้าจริงนั่นอีก!”
ฉงหมิงกล่าวว่า “อะไรนะ? ใบหน้าของหญิงผู้นี้เป็นของปลอมอย่างนั้นหรือ?”
จูเชว่พุ่งเข้าไปหาชิงหลงอย่างตื่นเต้นพลางกล่าวว่า “ชิงหลง ข้ารู้เรื่องความสามารถของเจ้า ฉะนั้นเจ้าคงจะต้องรู้ว่าหน้าตาที่แท้จริงของซีซีเป็นเช่นไรใช่หรือไม่? รีบบอกข้ามาเร็ว เร็วเข้า…”
ภายในใจของจูเชว่รู้สึกอิจฉานัก! ไป๋เจ๋อรู้ ชิงหลงรู้ แล้วเหตุใดเขาถึงไม่รู้กันล่ะ?
ชิงหลงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เหตุใดเจ้าไม่ให้นางแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาด้วยตนเองกันเล่า?”
“ข้าไม่มีทางไปบีบบังคับซีซีหรอก!”
“เจ้านี่มันช่างไร้ประโยชน์เสียจริง!” ชิงหลงกล่าวอย่างเอื่อมระอา
มู่เฟิงหลิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “อยากจะดูใบหน้าที่แท้จริงของซีเอ๋อร์ของข้าหรือ ฝันไปเถอะ! พวกเจ้าต่างก็ไม่ได้แสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา แม้กระทั่งสถานะก็ยังมีมากกว่าสองตัวตนขึ้นไป ฉะนั้นข้าคิดว่าทุกคนล้วนถูกบีบบังคับให้ต้องซ่อนตัวอยู่ในเงามืดทั้งนั้น”
“ข้าเองก็เช่นกัน ข้าไม่สนใจหรอกว่าพวกเจ้าจะมีหน้าตาเช่นไร ในเมื่อซีเอ๋อร์เชื่อใจพวกเจ้า และเลือกที่จะร่วมมือกับพวกเจ้า เช่นนั้นข้าที่เป็นอารองก็เลือกที่จะเชื่อในการตัดสินใจของซีเอ๋อร์เท่านั้นเอง”
“เพียงแต่หากพวกเจ้ากล้าทำเรื่องที่ผิดต่อซีเอ๋อร์แล้วละก็ แม้ว่าข้าจะต้องพลิกทั่วทั้งแดนซวนเทียนก็จะตามไปจัดการพวกเจ้าทั้งกลุ่มก้อนนี้ให้ราบคาบเป็นหน้ากองเลยคอยดู”
มู่เฉียนซีคลี่ยิ้มจาง ๆ พลางกล่าวว่า “ก็แค่ใบหน้าเท่านั้น หากเชื่อใจอีกฝ่าย ก็ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากเกี่ยวกับเรื่องเช่นนี้ ถูกหรือไม่?”
คนในแดนซวนเทียนอาจจะไม่รู้จักมู่เฉียนซี แต่ทว่าคนที่รู้จักอารองนั้นมากมายนัก หากรูปลักษณ์ของอารองถูกเปิดเผย พวกเขาก็คงจะต้องเจอการไล่ล่าด้วยสารพันวิธีของราชวงศ์ตงหวง โดยที่ยังไม่ได้เตรียมตัวให้ดีเป็นแน่
ส่วนนาง ด้วยความที่มู่หลินหลางมีหน้าตาคล้ายกับนางมาก อีกทั้งมู่หลินหลางยังเกลียดนางเข้ากระดูกดำ และนอกจากนี้ยังมีความโลภในกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ของนางอย่างที่สุดอีกด้วย ฉะนั้นไม่ว่าอย่างไรก็เปิดเผยตัวตนนี้ไม่ได้
ไป๋เจ๋อพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ใช่แล้ว! ข้าเขื่อใจเฉียนซี ชิงหลง พวกเราต่างก็มีเหตุผลของพวกเรา เฉียนซีเองก็ต้องมีเช่นกัน”
“ซีซีพูดถูกแล้ว เจ้าชิงหลงนี่มักจะหวาดระแวงอยู่เสมอ พวกเราไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก! ไม่ว่าซีซีจะหน้าตาเป็นเช่นไร ข้าก็ชอบทั้งนั้นแหละ” จูเชว่กล่าวด้วยรอยยิ้มที่เย้ายวน
“เจ้าลองพูดอีกครั้งสิ!” แววตาของมู่เฟิงหลิงกวาดมองไปทางจูเชว่ราวกับคมมีดอย่างไรอย่างนั้น
จูเชว่กล่าวว่า “ข้าชอบ ชอบซีซี!”
“หุบปากซะ!”
“อารองท่านจะเผด็จการเกินไปแล้วนะขอรับ ชื่นชอบแบบเพื่อนก็ไม่ได้เชียวหรือ? ซีซีดีถึงเพียงนี้ ข้าจะชอบนางก็เป็นเรื่องปกติมิใช่หรือขอรับ?” จูเชว่กล่าว
“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าเรียกอารอง!”
“หากให้เรียกท่านมู่มันก็ดูจะห่างเหินเกินไป! เช่นนั้นขอเรียกอารองมู่ก็แล้วกัน”
ใบหน้าของชิงหลงตึงเครียดเป็นอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนก้าวร้าว แล้วถูกเจ้าปีศาจนี้ทุบตี จนเขาพูดต่อไปไม่ได้เลย
พี่น้องของตนเองแต่ละคนได้ถูกผู้หญิงคนนี้ทำให้หลงเสน่ห์ไปหมด และทุกคนก็หันไปเข้าข้างคนอื่นหมดแล้ว
ด้วยเหตุนี้ บรรยากาศการต่อปากต่อคำที่น่าอึดอัดก็เปลี่ยนเป็นชื่นมื่นขึ้นมากเลยทีเดียว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ที่พวกเจ้ามาหอหมอปีศาจของข้าพร้อมกันเช่นนี้ เพราะมีเรื่องอะไรที่ต้องการปรึกษาอย่างนั้นหรือ?”
“ในเมื่อกำจัดหญิงสาวที่น่าขยะแขยงของสำนักหลินเยว่กลุ่มนั้นได้แล้ว ก็ควรจะต้องเฉลิมฉลองมิใช่หรือ? เรื่องที่เจ้าทำคราวนี้ถือได้ว่าไม่เลวเลย ถึงข้าจะงานยุ่งมากแต่ก็ตั้งใจมาแสดงความยินดีกับเจ้า! ทำไม? ไม่ต้อนรับอย่างนั้นหรือ?” ฉงหลงกล่าวพร้อมกับเหลือบมองไปทางมู่เฉียนซี
“ยินดีต้อนรับสิ! แน่นอนว่าต้องยินดีอยู่แล้ว ถึงเวลาเฉลิมฉลองแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ไป๋เจ๋อกล่าวว่า “แม้ว่าสำนักหลางซิงและสำนักหลินเยว่จะไม่ได้มีค่าต่อมู่หลินหลางเท่าไรนัก แต่เมื่อพวกเขาหายไปก็ทำให้อุปสรรคของพวกเราน้อยลงตามไปด้วย”
“ชิงหลง เจ้าหมอนี่ช่างเก่งเสียจริง ๆ เลย เขาเพียงคนเดียวก็สามารถทำลายสำนักหลินเยว่กับซีซีได้แล้ว แต่พวกเราต้องใช้ถึงสามคนถึงจะสามารถทำลายสำนักหลางซิงกับซีซีได้ ข้านี่ทั้งอิจฉาและเกลียดชังเหลือเกิน ซีซีต้องปลอบข้าหน่อยแล้วล่ะ” จูเชว่มองไปทางมู่เฉียนซีอย่างน่าสงสาร
เก่งอย่างนั้นหรือ? ทั้งหมดนั่นมันเหมือนกับเจอปีศาจต่างหากล่ะ เข้าใจหรือไม่?
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นพี่น้องของเขา แต่ชิงหลงก็ไม่ได้เล่าเกี่ยวกับความน่าสะพรึงกลัวที่เขาพบเจอมา ซึ่งมันเป็นเรื่องยากเกินกว่าจะพูดได้จริง ๆ
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ถึงจะไม่มีผู้หญิงคนนี้ หรือแม้ว่าจะทำลายสำนักหลินเยว่ไม่ได้ ความแตกต่างของเจ้ากับข้าก็ยังห่างชั้นกันมาอยู่ดีนั่นแหละ ฉะนั้นเจ้าไม่มีทางเอาชนะข้าได้หรอก!”
“ชิงหลง ข้าแข็งแกร่งมากขึ้นแล้วนะ! เดี๋ยวข้าจะท้าดวลกับเจ้าทีหลัง”
“ข้าเอาชนะเจ้าได้ในสิบกระบวนท่าเท่านั้นแหละ!”
“ไอ้เวรนี่ เจ้าดูถูกข้าขนาดนี้เชียวหรือ”
“……”
อีกคนหนึ่งมีชีวิตชีวามาก ส่วนอีกคนก็เย็นชามาก แต่การต่อปากต่อคำกลับไม่มีใครเสียเปรียบเลย
ไป๋เจ๋อและฉงหมิงคุ้นเคยกับมันมานานแล้ว และคาดว่าพวกเขาน่าจะเติบโตกันมาเช่นนี้เหมือนกัน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เสียเวลากันมามากแล้ว มิเช่นนั้นเดี๋ยวอาหารที่ข้าทำเอาไว้เต็มโต๊ะมันจะเย็นชืดหมดเสียก่อน”
“อะไรนะ? ซีซีลงมือทำด้วยตนเองหรือ ดูเหมือนว่าข้าจะมาได้ถูกเวลามากจริง ๆ!”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ จูเชว่ก็ไม่มีกะจิตกะใจไปสนใจชิงหลง และเอาแต่ต้องมองอาหารที่อยู่บนโต๊ะเหล่านี้ด้วยแววตาที่ลุกวาว
ไป๋เจ๋อนั่นยังคงเรียบเฉยเป็นอย่างมาก
ฉงหมิงจ้องมองไปยังอาหารมื้อใหญ่ที่น่าอร่อยบนโต๊ะอย่างสงสัย ผู้หญิงคนนี้ทำอาหารเป็นด้วยหรือ จะกินได้หรือไม่นะ?
ส่วนชิงหลง เขากำลังสงสัยอยู่ ว่าผู้หญิงคนนี้ได้วางยาพิษเอาไว้หรือไม่?
มู่เฟิงหลิงกล่าวอย่างไม่พอใจ “เห็นอยู่ชัด ๆ มิใช่หรือว่าซีเอ๋อร์ทำให้ข้าโดยเฉพาะ?”
“อารอง พวกเราสองคนกินกันไม่หมดหรอกเจ้าค่ะ ท่านคงไม่อยากให้ผลงานของข้าสูญเปล่าหรอกใช่หรือไม่?” มู่เฉียนซีทำได้เพียงแค่เกลี้ยกล่อมอารองของนางเท่านั้น และคิดว่าเย็นนี้ค่อยทำอาหารมื้อเย็นเพิ่มให้อารองอีกก็พอแล้ว
“ที่ซีเอ๋อร์พูดก็ถูก!”
หลังจากที่เริ่มกินอาหารกันแล้ว มู่เฟิงหลิงก็ได้คีบอาหารให้กับมู่เฉียนซี ส่วนจูเชว่ก็อยากที่จะคีบอาหารให้ด้วยเช่นกัน เพียงแต่เมื่อเห็นตะเกียบที่เต็มไปด้วยจิตสังหารที่ชี้มาทางเขาแล้ว หากเขายังกล้าเคลื่อนไหว คาดว่าคงต้องถูกอารองมู่บดขยี้เป็นแน่
อารองคอยกันเขาราวกับกันหมาป่าอย่างไรอย่างนั้น มันมีหมาป่าที่งดงามเช่นเขาด้วยหรืออย่างไรกัน?
.
.