ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2188 ยอมแพ้เสียสิ
แน่นอนว่าเสียงกรีดร้องนั้นต้องไม่ใช่ของมู่เฉียนซีอยู่แล้ว เนื่องจากว่าตอนนี้นางกำลังยืนอยู่บนท้องฟ้าพร้อมสายลมอันแผ่วเบา
แม้ว่าบนร่างกายจะมีบาดแผลมากมาย และดูเหมือนจะจนตรอกเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับร่างที่ถูกเผาไหม้ไปทั้งตัวของมู่หลินหลางแล้ว ก็ถือว่าดีกว่ามากเลยทีเดียว
ตอนนี้มู่หลินหลางได้กลายเป็นคนที่ดำเหมือนเถ้าถ่านไปแล้ว อีกทั้งยังไม่มีร่องรอยของสาวงามอันดับหนึ่งแห่งแดนซวนเทียนหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อยอีกด้วย
และมู่หลินหลางในตอนนี้ก็แทบรอที่จะเอาหน้ามุดเข้าไปในหลุมไม่ไหวอยู่แล้ว!
ทุกคนถอนหายใจออกมาพลางกล่าวว่า “ประสบการณ์ในการต่อสู้ของฝ่าบาทหลินหลางยังสู้มู่เฉินซีไม่ได้จริง ๆ อย่างไรเสียมู่เฉินซีก็มีความสามารถในการใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมมากเกินไปอยู่ดี!”
“ใช่แล้ว! คราวนี้ฝ่าบาทหลินหลางเสียเปรียบมากเลยทีเดียว!”
และมู่เฉียนซีก็ได้ฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายอ่อนแอ ต้องการจะจัดการกับนางเสีย!
มู่เฉียนซีพุ่งตรงไปทางมู่หลินหลาง จากนั้นก็ได้ใช้พัดวิหคเฟิงหลิงวาดลงไป เพื่อลงมือโจมตีมู่หลินหลางอีกครั้ง
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“ทักษะซิวหลัว!”
“เพลิงนภาพิฆาต!”
กระบวนท่าสังหารที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสามกระบวนท่าได้โจมตีออกไป มันมีทั้งสายลมเย็นยะเยือกจนต้องหนาวสั่น อีกทั้งยังมีเพลิงดาราสี่สีอีกด้วย!
ปังง!
มู่หลินหลางที่ยังไม่ได้สติกลับคืนมาจากการถูกโจมตีของสายฟ้าก็พลันถูกโจมตีจนลอยกระเด็นออกไปโดยตรงอีกครั้ง พรวด! และนางก็ได้กระอักเลือดสด ๆ ออกมา
ก้าวผิดเพียงครั้งเดียว ก้าวต่อ ๆ ไปก็ล้วนผิดพลาดไปด้วยทั้งหมด!
นางไม่ควรจะมั่นใจเกินไปว่ามู่เฉินซีจะถูกสายฟ้าพิฆาตเพียงแค่เจ็ดรอบเท่านั้น และไม่ควรพุ่งเข้าโจมตีมู่เฉินซีโดยไม่ได้สังเกตสถานการณ์โดยรอบให้ดีเสียก่อน มิเช่นนั้นคงไม่ล้มไม่เป็นท่าอย่างน่าสังเวชเช่นนี้เป็นแน่
“มู่เฉินซี เจ้ามันสมควรตายนัก!” มู่หลินหลางกัดฟันกล่าว
นางกระโจนเข้ามา และคราวนี้มู่เฉียนซีก็ไม่ได้หลบหลีกแต่อย่างใด อีกทั้งยังพุ่งตรงไปหานาง พร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย
สีหน้าของมู่หลินหลางเปลี่ยนไปอย่างมาก นอกจากนี้นางยังสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติบางอย่างในอากาศอีกด้วย หลังจากนั้นนัยน์ตาของนางก็หดตัวลงกะทันหัน หรือว่าจะยังมีสายฟ้าพิฆาตระลอกที่เก้าอีกอย่างนั้นหรือ?
“แย่แล้ว!”
นางละทิ้งการโจมตีทันที จากนั้นก็ถอยออกไปให้ห่างจากมู่เฉียนซีให้ได้มากที่สุดแทน
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างหยอกล้อว่า “มู่หลินหลาง เจ้าจะหนีไปทำไม? ข้าน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ?”
ฟิ้ววว!
เพราะตื่นตระหนกจากความน่าสะพรึงกลัวของอสนีบาต ทำให้มู่หลินหลางเผยข้อบกพร่องออกมามากมาย และมู่เฉียนซีก็ไม่รอช้าเร่งโจมตีนางอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน
“มังกรเพลิง!”
แม้ว่าจะไม่สามารถเอากระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณออกมาได้ แต่พลังวิญญาณธาตุอัคคีของนางนั้นสามารถยืมเอาพลังของมังกรเพลิงมาช่วยเสริมได้
“เพลิงนภาพิฆาต!”
“เพลิงนภาพิฆาต!”
“เพลิงนภาพิฆาต!”
กระบวนท่าสังหารได้ระเบิดออกมาสามครั้งติดต่อกัน และเปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวก็ได้ปกคลุมมู่หลินหลางเอาไว้
หลังจากที่ปะทะกันมานับครั้งไม่ถ้วน มู่หลินหลางก็รู้สึกได้ว่าเหมือนเคยรู้จักกับพลังของเปลวเพลิงเช่นนี้มาก่อน
แต่ทว่าเมื่อตกอยู่ในภาวะวิกฤต นางก็ไม่มีเวลาให้คิดมากนัก เพราะต้องรีบหยุดการโจมตีเอาไว้
มู่เฉียนซีย่นระยะห่างของทั้งสองคนลงอย่างกะทันหัน และได้โจมตีเข้าไปอีกครั้งในทันที “ทักษะซิวหลัว!”
ผู้คนต่างกล่าวอย่างตื่นตกใจว่า “มู่เฉินซีจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ฝ่าบาทหลินหลางที่ถูกจับช่องโหว่ได้ ตกอยู่ในสถานะของคนถูกกระทำไปอย่างสมบูรณ์แล้วสินะ!”
“มู่เฉินซีมีพลังในการต่อสู้และจิตสำนึกในการต่อสู้ถึงขนาดนี้ แปลว่าน่าจะต้องผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน และต้องผ่านอันตรายมานับไม่ถ้วนถึงกลายเป็นเช่นนี้ได้ แต่ฝ่าบาทหลินหลาง…”
ด้วยฐานะที่เป็นหนึ่งในสองของกองกำลังระดับห้าแห่งแดนซวนเทียนของมู่หลินหลาง อีกทั้งยังเป็นองค์หญิงสายตรงของตระกูลมู่ แห่งราชวงศ์ตงหวงฉะนั้นนางจึงจะมีประสบการณ์ที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตอย่างแท้จริงได้อย่างไร?
และนี่ก็คือความแตกต่างระหว่างอัจฉริยะที่ฝึกฝนจากทรัพยากรที่สั่งสมเอาไว้กับอัจฉริยะที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วงอย่างนั้นหรือ?
“นายท่านขอรับ จังหวะการต่อสู้ของฝ่าบาทวุ่นวายไปหมดแล้ว สถานการณ์ค่อนข้างแย่เลยขอรับ!” คนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งผู้ชมที่มู่หลินหลางเคยขึ้นไปนั่งกล่าวขึ้น
“ให้นางได้ตระหนักถึงข้อบกพร่องของตนเองก็ดีเช่นกัน! นางจะต้องมีความยอดเยี่ยมเพียงพอถึงจะได้ มิเช่นนั้นคงทำให้สิ่งที่ข้าคาดหวังไว้สูงต้องเสียเปล่าเป็นแน่”
มู่หลินหลางได้ตัดสินใจผิดพลาด เพราะสายฟ้าพิฆาตที่คิดไว้ก่อนหน้านี้ไม่ได้ปรากฏออกมา และคาดว่าสายฟ้าพิฆาตรอบที่เก้าจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว
“แปดรอบก็วิปลาสเกินไปแล้ว น่าจะไม่มีรอบที่เก้าแล้วล่ะ!”
“แต่ว่ามู่เฉียนซียังไม่ได้บรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตเลยนะ หรือว่านางจะล้มเหลวในการเลื่อนขั้นอย่างนั้นหรือ”
“ดูเหมือนว่านางเพิ่งจะกลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดได้ไม่นานมานี้เอง การจะบรรลุได้อย่างรวดเร็วก็เป็นเรื่องที่ไม่ปกติอยู่แล้ว อย่างไรเสียมันก็ยากที่จะสำเร็จได้อยู่แล้ว”
ถึงคนอื่นจะไม่รู้สึก แต่คนที่โดนฟ้าผ่ามานับครั้งไม่ถ้วนอย่างมู่เฉียนซีกลับไม่รู้สึกว่าสายฟ้าพิฆาตจะหยุดลงเช่นนี้
และนางก็ไม่ได้รู้สึกว่าการบรรลุของตนเองจะล้มเหลวอีกด้วย!
ทักษะวิญญาณธาตุวายุมากมายถูกโจมตีเข้าใส่มู่หลินหลาง และสายฟ้าพิฆาตก็ยังคงไม่ผ่าลงมา ซึ่งมันก็ทำให้มู่หลินหลางวางหินในใจลงได้สำเร็จ
“แค่บรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตเจ้า ยังทำไม่ได้ แล้วมีสิทธิ์อะไรจะมาสู้กับข้า! มู่เฉินซี!”
ตูมมม!
นางเข้าไปใกล้มู่เฉียนซีทันที และหลังจากที่เข้ามาพัวพันกับมู่เฉียนซีได้แล้ว นางก็ระเบิดพลังในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นออกมา
มู่เฉียนซีได้ใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาในการหลบหลีก จากนั้นก็กล่าวว่า “มู่หลินหลาง เจ้าเข้ามาใกล้ข้าถึงเพียงนี้ ไม่กลัวว่าเมื่อถึงเวลานั้นจะถูกเผาจนกลายเป็นเถ่าถ่านอีกหรืออย่างไรกัน?”
“มู่เฉินซี เจ้าไม่มีทางเลือกแล้วอย่างนั้นหรือ? คิดไม่ถึงเลยว่าจะใช้วิธีที่ต่ำช้าเช่นนี้มาข่มขู่ข้า! ข้าไม่ใช่คนที่จะถูกเจ้าข่มขู่ให้หวาดกลัวได้หรอกนะ”
ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังจัดการอยู่นั้น สนามการแข่งขันอื่น ๆ ก็ได้ผลแพ้ชนะไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในบรรดาสนามแข่งขั้นทั้งหมดก็เหลือเพียงมู่เฉินซีและมู่หลินหลางเพียงสองคนเท่านั้นอีกด้วย
และในเวลานี้เองทั่วทั้งสนามแข่งขันก็มีพลังธาตุอัสนีอันน่าสะพรึงกลัวกำลังก่อตัวขึ้น และสีหน้าของจอมภูตพลังธาตุอัสนีหลายคนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก!
“ยังมีอีกหรือ! รอบที่เก้า คิดไม่ถึงว่าจะมีรอบที่เก้าจริง ๆ!”
“ดูพลังนี้สิ รอบที่เก้านี้ไม่ธรรมดาเลยจริงมๆ! มันจะต้องอันตรายกว่าแปดรอบก่อนหน้านี้รวมกันอย่างแน่นอน”
“มู่เฉินซีผู้นี้มีความสามารถที่แข็งแกร่งจริง ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถเรียกสายฟ้าลงทัณฑ์ที่วิปลาสเช่นนี้มาได้ด้วย!”
ในเวลานี้ มีน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “ฝ่าบาท รีบถอยห่างออกจากมู่เฉินซีเร็วเข้าพ่ะย่ะค่ะ!”
แม้ว่าการต่อสู้ของมู่หลินหลางจะถูกหยุดชะงักด้วยการต่อสูงอย่างส่งเดช แต่เขาก็รู้สึกว่ามู่หลินหลางเพียงแค่เสียเปรียบเท่านั้น และต้องไม่มีทางแพ้อย่างแน่นอน
แต่หากโดนการโจมตีในครั้งนี้เข้าอีกครั้งละก็ คงต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสจนยากลำบากมากเป็นแน่
งานใหญ่ที่วางแผนมาเป็นเวลานานเช่นนี้ ก็เพื่อที่จะทำให้นางได้รับเกียรติทั้งในราชวงศ์ตงหวงหรือแม้กระทั่งในแดนซวนเทียน และให้ทุกคนในโลกได้มาเป็นพยานว่านางคืออัจฉริยะอันหนึ่งของราชวงศ์ตงหวง ฉะนั้นพวกเขาไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาดเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน
หากมู่หลินหลางพ่ายแพ้ เช่นนั้นการทำงานอย่างหนักก็คงจะต้องสูญเปล่าเป็นแน่
สีหน้าของมู่หลินหลางซีดเผือดในทันที นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?
เปรี้ยงง!
ทันใดนั้น อสนีบาตที่น่าสะพรึงกลัวก็ได้ปกคลุมไปทั่วสนามแข่งขัน แต่ถึงจะเป็นความเร็วที่เร็วที่สุดของมู่หลินหลางก็ไม่อาจหลบหนีการโจมตีของสายฟ้าพิฆาตที่อยู่โดยรอบนี้ได้พ้นอยู่ดี!
เปรี๊ยะ!
สายฟ้าสว่างเจิดจ้า จนทำให้ทุกคนไม่สามารถมองเห็นได้ว่าสถานการณ์ของทั้งสองที่ถูกสายฟ้าห่อหุ้มเอาไว้เป็นอย่างไรกันแน่?
หลังจากที่ลำแสงอันเจิดจ้าค่อย ๆ จางหายไป พวกเขาก็สัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดอยู่บนสนามการแข่งขัน มีกลิ่นอายที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และสุดท้ายก็กลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับหนึ่ง
มู่เฉียนซีถือพัดวิหคเฟิงหลิงเอาไว้ มุมปากของนางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ในที่สุดนางกลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตแล้ว
แต่ดูเหมือนว่าสายฟ้าลงทัณฑ์ที่ก่อตัวอยู่เป็นเวลานานและระเบิดออกมาอย่างแข็งกร่งที่สุดนั้นจะไม่ได้มีประโยชน์มากเท่าไรนัก เพราะภายใต้พลังในการโจมตีนี้ไม่ได้ทำให้ความสามารถทางกายภาพของนางยกระดับขึ้นเลย
ทุกคนต่างจ้องมองอย่างตกตะลึง สายฟ้าลงทัณฑ์ที่น่าสะพรึงกลัวถึงขนาดนั้น ไม่เพียงแต่เป้าหมายในการโจมตีอย่างมู่เฉินซีจะไม่เป็นอะไร แต่ยังสามารถบรรลุได้สำเร็จอีกด้วย
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตยังได้รับสายฟ้าพิฆาตถึงเก้ารอบ เช่นนั้นในตอนที่นางบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ล่ะ?
ส่วนมู่หลินหลางในตอนนี้ นางก็กำลังยืนขึ้นมาอย่างไม่มั่นคง จากนั้นก็มองไปยังมู่เฉียนซีอย่างเคร่งขรึม “เจ้ามันสมควรตาย! สมควรตายนัก!”
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาที่เกลียดชังของนาง ก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนมุมปากของมู่เฉียนซี และหลังจากนั้นก็กล่าวว่า “มู่หลินหลาง ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีแรงโต้กลับอีกไม่มากแล้วสินะ ทำไมเจ้าไม่ยอมแพ้ไปเสียล่ะ!”
“เจ้าอย่าหวังเลย” มู่หลินหลางกัดฟันกล่าวประโยคนี้ออกมา
นางคือองค์หญิงที่สูงส่งที่สุดของราชวงศ์ตงหวง แล้วจะให้มายอมแพ้นางเด็กแก่นแก้วคนหนึ่งได้อย่างไร