ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2191 ทั้งหกคนมาถึงแล้ว
เมื่ออาการบาดเจ็บของมู่เฉียนซีเกือบที่จะหายดีแล้ว จูเชว่จึงได้พานางไปเดินจับจ่ายซื้อของบนถนนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของราชวงศ์ตงหวง และพวกเขายังได้ไปทุกที่ที่มีผู้คนคึกคักอีกด้วย
ทุกคนต่างรู้แล้วว่ามู่เฉินซีคืออันดับหนึ่งในการแข่งขันคัดเลือกอัจฉริยะในคราวนี้ และนอกจากนี้หลังจากการแข่งขันนางยังถูกสาวงามที่ดูท่าทางอ่อนช้อยนุ่มนวลพาเดินเที่ยวไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ซึ่งก็ทำให้มีชายหนุ่มไม่น้อยรู้สึกอิจฉานางมากจริง ๆ
พวกเขาซื้อทุกอย่างตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องประดับ แป้งทาหน้าชาด รวมไปจนถึงสมุนไพรวิญญาณ ซึ่งความสามารถในการใช้จ่ายของทั้งสองต่างก็ทำให้ผู้คนตกตะลึงกันเป็นอย่างมาก
เมืองหลวงตงหวงนั้น มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างที่คาดไว้จริง ๆ อีกทั้งยังเป็นที่รวมตัวของผู้แข็งแกร่งอีกด้วย และหากว่ามีหินก้อนหนึ่งตกลงมาโดยบังเอิญ คาดว่าน่าจะต้องตกใส่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์สักคนหนึ่งเป็นแน่
เนื่องจากว่าพวกนางทั้งสองคนซื้อของอย่างบ้าคลั่งมากเกินไป นอกจากนี้ยังไปเดินเล่นในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ
จึงทำให้คนที่แอบจับตามองมู่เฉียนซีอย่างลับ ๆ ไม่ทันได้ระวัง และทำให้พวกนางคลาดสายตาไปอย่างคาดไม่ถึง!
“คนหายไปแล้ว? เพียงแค่ผู้หญิงที่มาเดินเล่นสองคนก็ปล่อยให้คลาดสายตาไปได้อย่างนั้นหรือ ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง!”
“พวกนางยังอยู่ในเมืองหลวงตงหวงเป็นแน่ รีบหาซะ!”
“……”
การที่เหยียนพามู่เฉียนซีมาเดินซื้อของต่าง ๆ มากมายเหล่านี้ เป็นเพียงเพราะต้องการจะปิดหูปิดตาคนอื่น และทำให้คนที่คอยจับตามองเหล่านั้นประมาทก็เท่านั้น และมันยังทำให้พวกนางสามารถหลบหนีออกมาจากการติดตามของพวกเขาได้อีกด้วย
พวกเขาได้เข้าไปยังสถานที่ซ่อนตัวแห่งหนึ่ง และทันทีที่เข้าประตูมาก็มีใบแจ้งหนี้ถูกโยนใส่จูเชว่จำนวนมหาศาล
มู่เฉียนซีได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “นี่เพียงแค่ครึ่งวันเท่านั้น เจ้าฟุ่มเฟือยไปถึงเพียงนี้เลยอย่างนั้นหรือ นี่เจ้าถูกมู่เฉินซีทำให้เสียคนไปแล้วหรืออย่างไรกัน? ก่อนหน้านี้เจ้าไม่เห็นจะโอ้อวดถึงขนาดนี้เลย”
“ชายหนุ่มอย่างเจ้าเสียเงินมากมายไปกับการซื้อแป้ง ซื้อชาดแต่งหน้า คิดอยากจะเปลี่ยนเป็นผู้หญิงจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? สิ้นเปลืองสิ้นดี!”
คนที่กำลังก่นด่าจูเชว่ด้วยสีหน้าที่จริงจังอยู่นั้น ก็คือเจ้าคนขี้งกซวนอู่นั่นเอง
จูเชว่หัวเราะอย่างเริงร่าพลางกล่าวว่า “ข้าถูกซีซีทำให้เสียคนไปแล้ว ทำไมล่ะ เจ้าก็มาตีข้าสิ! นี่มันยังไม่สามารถสั่นคลอนคลังทองของเจ้าได้เลยด้วยซ้ำ เจ้าคนขี้งกอย่างเจ้าจะมาโมโหอะไรหนักหนาเล่า?”
สุดท้ายซวนอู่ก็พ่ายแพ้ไปอย่างมีเกียรติ เขาหยิบใบแจ้งหนี้เหล่านั้นขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เหยเกมาก และคาดว่าน่าจะปวดใจมากจริง ๆ
เขาใช้สายตาที่เย็นยะเยือกกวาดมองไปที่พวกเขาทั้งสอง เจ้าจอมล้างผลาญทั้งสองคนนี่
และเสียงที่อบอุ่นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา “พี่ใหญ่ซวนอู่อย่าโมโหไปเลย จูเชว่ทำไปเพราะต้องการจะพรางตัวเท่านั้นแหละขอรับ”
ซวนอู่กล่าวว่า “ข้าจะยึดของที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้เอาไว้ แล้วค่อยหาโอกาสดูว่าจะเอาไปใช้ประโยชน์ที่ไหนได้บ้างหรือไม่!”
ถึงสิ่งของที่จูเชว่ซื้อมาได้ถูกยึดไปแล้ว แต่มู่เฉียนซีกลับไม่ยอมปล่อยให้เขาเอาไป!
“สมุนไพรวิญญาณเหล่านี้เอาไปไม่ได้ เจ้าอย่าคิดจะเอามันไปได้เลย!”
“ไม่รู้ว่าผู้หญิงอย่างเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่? ในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ยังคิดถึงสมุนไพรวิญญาณอีกอย่างนั้นหรือ เห็นได้ชัดว่าหลอมอาวุธดีกว่าเป็นไหน ๆ!” ฉงหมิงกล่าวพลางเดินเข้ามา
ร่างเงาสีขาวร่างหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้นเขาก็ลอยมาหยุดอยู่ตรงหน้ามู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “เสี่ยวซี พวกเราได้เจอกันอีกแล้วนะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “จูเชว่ ซวนอู่ ไป๋เจ๋อ ฉงหมิง แล้วก็อากุ่ยด้วย พวกเจ้ามาถึงที่นี่กันหมดแล้วสินะ”
แน่นอนว่า ไม่ได้มีแค่พวกเขาห้าคนเท่านั้น แต่ยังมีอยู่อีกหนึ่งคนที่มู่เฉียนซีเลือกที่จะไม่สนใจเขาโดยตรง
“ชิ!” ผลปรากฏว่ามีเสียงฮึดฮัดที่เย็นยะเยือกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา จากนั้นก็มีร่างสีน้ำเงินเข้มเดินออกมาจากความมืด
เขากวาดสายตามองไปที่มู่เฉียนซี ทักษะการอำพรางของเขาแข็งแกร่งมาก แต่เขาก็ไม่เชื่อว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่ค้นพบเขา นางต้องจงใจอย่างแน่นอน
“พวกเจ้าทั้งหมดมารวมตัวกันอยู่ที่เมืองหลวงตงหวงคิดจะทำอะไรกันแน่? หรือว่าอยากจะถูกเจ้าพวกนั้นกวาดเรียบไปทีเดียวเลยอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีเลิกคิ้วกล่าว
การที่จูเชว่ปรากฏตัวออกมานั้นก็ทำให้นางประหลาดใจมากแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาทั้งหมดหกคนก็มาถึงแล้วเช่นกัน
ซวนอู่กล่าวว่า “ข้าเพราะต้องมาทำธุรกิจที่นี่พอดีต่างหาก!”
ชิงหลงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าได้รับภารกิจให้มาที่นี่!”
ฉงหมิงกล่าวว่า “มีการแสดงดี ๆ เช่นนั้นแล้วข้าจะพลาดได้อย่างไร”
“ใช่แล้ว! สามารถเห็นมู่หลินหลางพ่ายแพ้อย่างน่าสมเพชขนาดนั้นได้ ที่ข้ามาก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว! ซีซี!” จูเชว่กล่าวด้วยรอยยิ้มที่น่าหลงใหล
“หอหมอปีศาจกำลังจะขยายกิจการมาที่เมืองหลวงตงหวง ข้าเลยมาเพื่อตรวจสอบดูสักหน่อย” ไป๋เจ๋อกล่าวอย่างจริงจัง
มีเพียงอากุ่ยเท่านั้นที่กล่าวด้วยสีหน้าที่สับสนว่า “นั่นมัน…ไม่ถูกต้องนี่! พวกเราไม่ได้มาช่วยเสี่ยวซีอย่างนั้นหรือ?”
คนอื่น ๆ แสดงสีหน้าเอือมระอาขึ้นมาทันที พวกเขาลืมตัวไปสารภาพกับเจ้าเด็กคนนี้ได้อย่างไรกัน
“พรืดด” ความปากอย่างใจอย่างของพวกเขาได้ถูกความไร้เดียงสาของอากุ่ยเปิดเผยจนหมดแล้ว และนี่ก็ทำให้มู่เฉียนซีอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“ในเมื่อพวกเราเป็นคนรู้จักกัน แค่พวกเจ้าสามารถมาช่วยเหลือข้าได้ข้าก็ดีใจมากแล้ว แต่ตอนนี้มีความเสี่ยงมากเกินไป ข้าเลยอยากให้พวกเจ้ารีบออกไปโดยเร็ว และข้าก็สามารถหาทางพาตนเองออกไปได้แน่นอนอยู่แล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ชิงหลงกล่าวว่า “หากสามารถลอบสังหารยอดฝีมือของราชวงศ์ตงหวงได้ ข้าก็จะได้รับประโยชน์เช่นกัน”
“หากสามารถฉวยโอกาสในช่วงที่ชุลมุนทำให้คนของราชวงศ์ตงหวงต้องสูญเสียอย่างหนักได้ มันก็ถือว่าข้าได้รับคุณงามความดีครั้งใหญ่ด้วยเหมือนกัน!” ซวนอู่กล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
ฉงหมิงหยักไหล่แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อข้ามาแล้ว หากไม่ได้ทำอะไรสักอย่างข้าก็ไม่กลับไปหรอก!”
จูเชว่กล่าวว่า “ใช่แล้ว! ซีซี ข้าไม่ได้โชคดีเหมือนอย่างไป๋เจ๋อนะ และคิดว่าตอนนี้ก็คงจะโดนไป๋เจ๋อแซงหน้าไปแล้วด้วย ฉะนั้นในครั้งนี้ข้าจะทำให้ดีที่สุดให้ได้”
“พวกเขาแค่ต้องการเพิ่มผลงานและความดีความชอบของตนเองเท่านั้น ฉะนั้นเฉียนซีเจ้าไม่ต้องรับผิดชอบอะไรหรอก” ไป๋เจ๋อกล่าวกับมู่เฉียนซีด้วยรอยยิ้ม
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากหอหมอปีศาจและความช่วยเหลือของพวกเขา ทำให้เขาจากที่อยู่ในระดับล่างสุด ตอนนี้สามารถไล่ตามพี่ใหญ่ของดินแดนทางทิศใต้อย่างจูเชว่ได้แล้ว
อากุ่ยกล่าวอย่างตั้งใจว่า “ต้องช่วยเสี่ยวซี และไม่ปล่อยให้คนชั่วมารังแกเสี่ยวซีได้ แค่นั้นแหละ”
สิ่งที่พวกเขาพูดก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องที่อากุ่ยพูดออกมานั่นเอง
มู่เฉียนซีกล่าวกับอากุ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “มีเพียงอากุ่ยที่ซื่อสัตย์ที่สุด ส่วนคนอื่นมีแผนแอบแฝงมากเกินไปหน่อย น่าเสียดายที่อากุ่ยถูกซวนอู่ดึงตัวไปแล้ว มิเช่นนั้นข้าคงจะหลอกพาเจ้าไปด้วยเป็นแน่”
ในเมื่อพวกเขายืนกรานเช่นนี้ และไม่อาจไล่ให้ไปได้ เช่นนั้นมู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “มีสถานที่ให้ข้ารักษาอาการบาดเจ็บบ้างหรือไม่?”
การรักษาอาการบาดเจ็บที่ร้านอาหารเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น และการทำให้ภายนอกของตนเองดูไม่เป็นอะไรนั้น ก็เพื่อแสดงให้คนของราชวงศ์ตงหวงได้ดู
ความจริงแล้วในตอนที่เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้อย่างมู่หลินหลาง นางก็ได้รับบาดเจ็บมาไม่น้อยเช่นกัน และนางก็จำเป็นที่จะต้องฟื้นตัวให้อยู่ในสภาวะดีที่สุด ก่อนที่จะหอคอยตงหวงจะเปิด
ซวนอู่กล่าวว่า “ตามข้ามาสิ!”
คนที่อัครมหาเสนาบดีของราชวงศ์ตงหวงส่งออกมา ได้พลิกหาทั่วทั้งเมืองหลวงตงหวงแล้ว แต่กลับไม่สามารถหามู่เฉินซีเจอเลย
“หรือมู่เฉินซีรู้ว่าตนเองที่ทำให้ราชวงศ์ตงหวงต้องขุ่นเคืองใจจะต้องมีจุดจบที่ไม่ดีเป็นแน่ ฉะนั้นจึงได้ยอมแพ้การแข่งขันรอบสุดท้ายนี้ แล้วหนีไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“คนที่อยู่ประตูทางเข้าเมืองหลวงล้วนเป็นคนของเราทั้งสิ้น ฉะนั้นมู่เฉินซีไม่มีทางหลุดรอดสายตาของพวกเขาจนหนีไปได้เด็ดขาด เจ้าคิดว่าพวกเขาตาบอดหรืออย่างไร? หา ตามหาต่อไป…”
“ขอรับ!”
ในสภาพแวดล้อมอันงดงามของราชวงศ์ตงหวงในอีกสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งอากาศแจ่มใสเป็นอย่างมาก ทั้งยังเป็นสถานที่ที่มีพลังวิญญาณอันอบอุ่น ทันใดนั้นก็มีร่างร่างหนึ่งพุ่งทะยานผ่านไป
“ท่านพ่อบุญธรรม ท่านปล่อยให้พวกเขามาสร้างความวุ่นวายเช่นนี้ หรือท่านอยากที่หาเรื่องเพื่อทำให้อาจีได้ที่หนึ่งอย่างนั้นหรือขอรับ?” เสียงคนผู้หนึ่งกล่าวอย่างกังวล
“อาจีและข้าเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว แต่หากทำให้พวกเขาหมดสติแล้วพากลับมา มันจะไม่วุ่นวายยิ่งขึ้นหรือขอรับ?”
มือเรียวยาวคู่หนึ่งที่แทบจะไม่มีร่องรอยการไหลเวียนของเลือดอยู่เลย ค่อย ๆ เขียนตัวอักษรลงไปบนกระดาษคำนวณสามตัวเท่านั้น ซึ่งคำแรกที่เขียนออกมามีคำว่า มู่ ส่วนคำที่สองก็คือคำว่า ซี และคำที่สามก็คือคำว่า เฉิน
“นี่ช่างเป็นชื่อที่ไม่เลวเลยจริง ๆ” น้ำเสียงของเขาขึ้น ๆ ลง ๆเล็กน้อย แววตาคู่นั้นเหลือบมองไปที่ตัวอักษรที่อยู่บนกระดาษนั้น จากนั้นก็หวนคิดถึงอย่างลึกซึ้ง
“พ่อบุญธรรมสนใจมู่เฉินซีผู้นี้อย่างนั้นหรือขอรับ?”
“พวกเขาทั้งหกต่างก็ยอมรับแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นสาวน้อยที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ ข้าอยากจะเจอสักหน่อย หากเรื่องทั้งหมดไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ก็ให้พวกของซวนอู่พานางมาเจอกับข้าหน่อยก็แล้วกัน!”
.
.