ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2192 เข้าสู่หอคอยตงหวง
“ขอรับ! ท่านพ่อบุญธรรม อันที่จริงแล้วมีเพียงแต่จูเชว่ ไป๋เจ๋อ ฉงหมิงเท่านั้นที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวเท่าไรนัก ส่วนซวนอู่และชิงหลงไม่ได้ยอมรับนางอย่างง่ายดายเช่นนั้น นอกจากนี้ที่มาของนางก็ลึกลับมากเหลือเกิน” ชายหนุ่มกล่าวพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
แต่เจ้าพวกนั้นกลับสามารถไปเสี่ยงอันตรายเพื่อผู้หญิงคนนั้นได้ และเขาก็รู้ดีว่าแม้แต่ซวนอู่และชิงหลงต่างก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว
“เด็ก ๆ ที่ข้าเลี้ยงดูออกมาเองกับมือ ข้าย่อมรู้จักพวกเขาดีที่สุดอยู่แล้ว”
ทันทีที่พูดจบ ในเวลานี้เส้นเลือดบนมือสีขาวซีดไร้เลือดข้างนั้นก็เต็มไปด้วยสีดำ และทั้งร่างก็คล้ายกับพฤกษาที่เหี่ยวเฉาก็มิปาน “แค่ก แค่ก แค่ก!” และหลังจากนั้นก็มีเสียงไอดังตามออกมาทันที
“ท่านพ่อบุญธรรม!”
“เด็ก ๆ!”
เขากล่าวอย่างหงุดหงิดเล็กน้อยว่า “พ่อบุญธรรมต้องรู้ดีอยู่แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าข้าจะมารบกวนท่านพ่อบุญธรรมด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้”
“อย่างไรเสียพวกเขาสองสามคนนั้นก็แค่ตายอยู่ที่เมืองหลวงตงหวงเท่านั้นเอง”
เมื่อพวกของจูเชว่ได้รับข่าวว่าพ่อบุญธรรมไม่ได้ห้ามปราม พวกเขาก็ดีใจเป็นอย่างมาก
แม้ว่าจะถูกพวกของไป๋หู่ต่อว่ามาชุดหนึ่ง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
ในเมื่อตัดสินใจแล้ว เช่นนั้นก็ต้องทำมันให้ดีที่สุด!
หากทำได้เป็นอย่างดีจนได้รับความดีความชอบไม่น้อย พวกของไป๋หู่ก็คงทำได้แค่จ้องตาเป็นมันเท่านั้นแหละ
มู่เฉียนซีหายตัวไปแล้วสามวัน และในช่วงสามวันนี้นางก็ได้ใช้ทั้งยาน้ำและยาลูกกลอนของตนเอง เพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายให้อยู่ในสภาวะที่ดีที่สุดอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
และในเวลาเดียวกัน ก็มีนักปรุงยาที่เก่งที่สุดในราชวงศ์ตงหวงกลุ่มหนึ่งกำลังให้การรักษามู่หลินหลางและเฟิงอวิ๋นซิวอยู่
เนื่องจากว่าสถานะของมู่หลินหลางสูงส่งเกินไป จึงทำให้แม้กระทั่งนักปรุงยาขั้นเทวะก็ถูกเชิญมาด้วยเช่นกัน
และแน่นอนว่าความสามารถของนักปรุงยาขั้นเทวะนั้นไม่ธรรมดาอยู่แล้ว เขาสามารถฟื้นฟูบาดแผลของมู่หลินหลางได้ภายในสามวัน อีกทั้งยังฟื้นฟูความสามารถให้อยู่ในสภาวะที่ดีที่สุดได้อีกด้วย
และแม้แต่ใบหน้าที่เสียโฉมก็ล้วนได้รับการฟื้นฟูแล้วเช่นกัน!
“ปรมาจารย์ซวนช่างเก่งกาจมาก สมกับที่เป็นถึงนักปรุงยาขั้นเทวะจริง ๆ!”
ตอนที่รักษามู่หลินหลางนั้นเป็นไปอย่างราบรื่นมาก แต่ทว่าตอนที่ปรมาจารย์ท่านนี้กำลังจะรักษาให้กับเฟิงอวิ๋นซิวนั้น กลับประสบปัญหาบางอย่าง
เฟิงอวิ๋นซิวได้รับบาดเจ็บสาหัส จนตกอยู่ในสภาวะหมดสติ และแม้ว่าจะรักษาอาการบาดเจ็บจนหายดีแล้ว ทว่ากลับยังไม่ฟื้นขึ้นมาอยู่ดี
มู่หลินหลางผงะไปครู่หนึ่ง “ปรมาจารย์ซวน อวิ๋นซิวเป็นอะไรไปอย่างนั้นหรือ?”
ปรมาจารย์ซวนส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า “ข้าก็ไม่แน่ใจเช่นกัน สถานการณ์ของนายน้อยเฟิงค่อนข้างพิเศษเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเกิดปัญหาตอนที่บรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์หรือว่าเกิดปัญหาตอนฝึกฝนกันแน่? ข้าอยากจะพานายน้อยไปด้วยเพื่อศึกษาให้ละเอียดขึ้นสักหน่อย และจะได้ทำให้เขาฟื้นขึ้นมาให้เร็วที่สุด”
มู่หลินหลางกล่าวว่า “เช่นนั้นต้องขอบคุณปรมาจารย์ซวนแล้ว! เหตุผลที่อวิ๋นซิวกลายมาเป็นเช่นนี้ จะต้องเกี่ยวข้องกับมู่เฉินซีเป็นแน่ ฉะนั้นข้าจะต้องแก้แค้นให้เขาอย่างแน่นอน”
หลังจากที่มู่เฉียนซีฟื้นฟูบาดแผลจนหายดีแล้วก็เตรียมออกเดินทาง แต่จูเชว่กลับเข้ามาหาแล้วกล่าวว่า “ซีซี ข้ามีเรื่องบางอย่างที่อยากจะบอกกับเจ้า!”
“พูดมาเลย! ได้รับข้อมูลอะไรมาอย่างนั้นหรือ?”
“นักปรุงยาขั้นเทวะของราชวงศ์ตงหวงรักษาอาการบาดเจ็บของมู่หลินหลางจนหายดีแล้ว แม้แต่ใบหน้าของนางก็สามารถรักษาจนหายดีแล้วเช่นกัน ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน!” จูเชว่กล่าวอย่างเสียดาย
หากมีโอกาสให้ซีซีได้วางยาพิษ แม้จะเป็นนักปรุงยาขั้นเทวะ เกรงว่าคงจะไม่สามารถรักษาใบหน้าของมู่หลินหลางให้หายดีอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้แน่
ชิงหลงพิงกำแพงแล้วมองไปทางมู่เฉียนซี จากนั้นก็กวาดสายตาผ่านไปอย่างเย็นชา
หญิงผู้นี้คงไม่คิดว่าหากทำลายใบหน้าของมู่หลินหลางไปแล้ว คนอื่นจะไม่รู้ว่านางมีใบหน้าคล้ายกับมู่หลินหลางมากหรอกกระมัง?
“อีกอย่าง เฟิงอวิ๋นซิวยังคงหมดสติอยู่ และคาดว่าน่าจะเข้าร่วมการแข่งขันรอบที่ห้านี้ไม่ได้! แต่เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว เขาก็เป็นคนยุ่งยากคนหนึ่งเช่นกัน เพราะเขาพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อปกป้องมู่หลินหลาง แต่กลับฆ่าไม่ได้!” จูเชว่กล่าวพลางเบะปาก
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เหตุผลที่อวิ๋นซิวหมดสติ ข้าเป็นคนทำเอง! เพราะข้าก็ไม่อยากที่จะเผชิญหน้ากับเขาอีกแล้ว นักปรุงยาขั้นเทวะผู้นั้นมองไม่ออกหรอก เพราะข้าเคลื่อนไหวอย่างลับๆน่ะ”
“แต่ในเมื่อนักปรุงยาขั้นเทวะเริ่มลงมือแล้ว ก็คาดว่าน่าจะปิดได้อีกไม่นานหรอก”
“ซีซียังคงยอดเยี่ยมเช่นเคยเลยนะ!” จูเชว่กล่าว
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว!”
หอคอยตงหวงกำลังจะเปิดแล้ว ส่วนสถานที่ก็ได้กำหนดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันก็อยู่กลางอากาศเหนือสนามแข่งขันครั้งที่แล้วนั่นเอง
แปดในสิบคนมาถึงแล้ว และองค์จักรพรรดิตงหวงและผู้อาวุโสอีกแปดท่านได้สร้างค่ายกลเก้าดาราขนาดใหญ่ขึ้นมา หลังจากนั้นหอคอยสมบัติทรงกลมที่มีทั้งหมดสิบเก้าชั้นก็ถูกนำออกมาให้เห็นแล้ว
เมื่อหอคอยตงหวงปรากฏอยู่กลางอากาศ ไม่นานนักประตูใหญ่ที่อยู่ตรงกลางก็ถูกเปิดออก
อัครมหาเสนาบดีกล่าวว่า “ฝ่าบาท มู่เฉินซียังไม่มาเลยพ่ะย่ะค่ะ คาดว่านางน่าจะยอมแพ้ในการแข่งขันรอบสุดท้ายนี้แล้ว”
องค์จักรพรรดิตงหวงตรัสว่า “ในเมื่อนางไม่กล้ามา เช่นนั้นก็ให้ตัดสินว่านางแพ้ไปก็แล้วกัน”
มู่หลินหลางไม่พอใจมาก! ปล่อยให้มู่เฉินซีหนีไปเช่นนี้ สำหรับนางมันจะง่ายเกินไปหน่อยแล้ว
แต่ผู้ชมที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ไม่อยากจะเชื่อ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่ามู่เฉินซีได้อันดับที่หนึ่งในการแข่งขันรอบคัดเลือก ฉะนั้นไม่มีทางที่จะสละสิทธิ์แน่นอนอยู่แล้ว
หากในการแข่งขันรอบที่ห้านางยังสามารถรักษาอันดับที่หนึ่งเอาไว้ได้ เช่นนั้นนางก็จะสามารถกลายเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของราชวงศ์ตงหวงได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกอีกด้วย
“ข้ารู้สึกว่ามีเรื่องลับลมคมในบางอย่าง ที่มู่เฉินซีมาไม่ได้ คงไม่ใช่ว่าถูกคนของราชวงศ์ตงหวงลอบสังหารไปแล้วหรอกนะ!”
“คนอย่างเจ้านี่ก็ทึ่มเกินไปแล้ว กองกำลังระดับห้ายิ่งใหญ่เช่นนี้ ไม่มีทางไปหาเรื่องกับแม่นางน้อยคนหนึ่งได้หรอก”
“ราชวงศ์ตงหวงมักจะหวงแหนเหล่าอัจฉริยะอยู่เสมอ แล้วจะลงมือกับมู่เฉินซีได้อย่างไร?”
อัครมหาเสนาบดีประกาศว่า “ผู้เข้าแข่งขันสิบอันดับแรกในการแข่งขันรอบคัดเลือกที่มีสิทธิ์เข้าไปในหอคอยตงหวง ในเวลานี้ได้มาถึงแปดคนแล้ว เนื่องจากเฟิงอวิ๋นซิวได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติและตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา ฉะนั้นเขาจึงต้องสละสิทธิ์!”
“ส่วนมู่เฉินซีตอนนี้ยังไม่มาถึง ฉะนั้นจึงจะถือว่าสละ…”
อัครมหาเสนาบดียังพูดไม่ทันจบ ร่างเงาสีม่วงก็มาปรากฏอยู่บนสนามแข่งขันอย่างกะทันหัน “ข้าไม่ได้สละสิทธิ์เสียหน่อย ก็แค่ตื่นสายไปหน่อยเท่านั้นเอง”
ดวงตาของผู้คนต่างเบิกกว้าง มู่เฉินซีมาแล้ว
สีหน้าของอัครมหาเสนาบดีและจักรพรรดิตงหวงไม่สู้ดีนัก เห็นอยู่ว่าพวกเขาผนึกบริเวณโดยรอบไปแล้ว แล้วผู้ใดกันที่เป็นคนปล่อยให้มู่เฉินซีเข้ามาได้?
มู่หลินหลางจ้องเขม็งไปที่มู่เฉินซี วันนั้นนางทั้งอับอายและได้รับบาดเจ็บ ฉะนั้นนางจะต้องคืนกลับไปให้มู่เฉินซีเป็นร้อยเป็นพันเท่าอย่างแน่นอน
มู่เฉินซี เจ้ารอข้าก่อนเถอะ
นางเอ่ยปากว่า “เสร็จพ่อ มาเริ่มกันเลยเถอะเพคะ! สำหรับเรื่องการบุกเข้าไปในหอคอยตงหวง หม่อมฉันมั่นใจเป็นอย่างมาก! ฉะนั้นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของราชวงศ์ตงหวงจะต้องกลับคืนมาที่หม่อมฉันอย่างแน่นอน และหม่อนฉันจะไม่ทำให้พระองค์ผิดหวังแน่เพคะ”
จักรพรรดิตงหวงพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ว่ามู่เฉินซีจะปรากฏตัวออกมาหรือไม่ แต่สุดท้ายแล้วผลก็เป็นเช่นเดิมอยู่ดี
ถึงคนอื่นจะไม่รู้ แต่เขากลับรู้มันเป็นอย่างดีว่า หอคอยตงหวงนี้เป็นสมบัติของพวกเขาราชวงศ์ตงหวงมู่ และอัจฉริยะที่มีคุณสมบัติและศักยภาพสูงสามารถขึ้นไปได้แค่สิบชั้นแรกเท่านั้น
แต่ทว่าเหนือชั้นที่สิบขึ้นไป หากไม่ใช่คนของตระกูลมู่ก็ไม่มีทางขึ้นไปได้อยู่แล้ว
แม้ว่าพรสวรรค์และศักยภาพของมู่เฉินซีจะสูงมาก แต่ผลของการแข่งขันในคราวนี้ได้ถูกกำหนดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้ยังไม่สามารถลงมือกับมู่เฉินซีได้ เพราะเขาเองก็ต้องการให้บุตรสาวของตนเองเอาชนะมู่เฉินซีต่อหน้าสาธารณชน ฉะนั้นการปล่อยให้นางเข้าไปก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉะนั้นก็มีเพียงเฟิงอวิ๋นซิวที่สละสิทธิ์ พวกเจ้าก็เข้าไปข้างในได้!”
มู่หลินหลางพุ่งทะยานเข้าไปเป็นคนแรก และความเร็วของนางนั้นก็รวดเร็วเป็นอย่างมาก จากนั้นมู่เฉียนซีก็ไล่ตามไปติด ๆ และในที่สุดก็ได้ก้าวเข้าไปในหอคอยตงหวงแล้ว
การแข่งขันในคราวนี้ จูเชว่ไม่ได้ไปชมการแข่งขัน
เพราะเขากำลังรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ อยู่นั่นเอง “ข้อมูลของหอคอยตงหวงมีน้อยมาก ข้าตรวจสอบมาได้ไม่เท่าไรเอง ไม่รู้ว่าข้างในนั้นซีซีจะต้องเผชิญหน้ากับการท้าทายอย่างไรบ้าง”
“เลิกตรวจสอบได้แล้ว พ่อบุญธรรมส่งข้อมูลทั้งหมดของหอคอยตงหวงมาให้แล้ว แต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไปหน่อย และดูเหมือนว่ามู่เฉินซีจะไม่มีทางเอาชนะได้เลย” ชิงหลงกล่าวอย่างเย็นชา