ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2195 ศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด
“ชั้นที่สิบเก้า เป็นคนที่เจ้าอยากจะเอาชนะมากที่สุด และพลังในการต่อสู้ของเขาก็แข็งแกร่งกว่าเจ้ามากอีกด้วย” หอคอยตงหวงกล่าว
หากพูดถึงคนที่มู่เฉียนซีต้องการที่จะเอาชนะที่สุดก่อนหน้านี้ต้องเป็นมู่หลินหลางแน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ามู่หลินหลางในตอนนี้ได้กลายเป็นศัตรูที่พ่ายแพ้ต่อนางไปแล้ว เช่นนั้นคนที่จะออกมาในตอนนี้คือ…
ร่างสีเงินร่างหนึ่งปรากฏตัวออกมา ใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคยนั้น ทำให้มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเป่ยกงจั๋วจริง ๆ!”
ถึงจะเป็นเพียงแค่ร่างมายาเท่านั้น แต่พลังของเขากลับแข็งแกร่งมาก ทันใดนั้นก็มีพลังธาตุอัสนีที่แข็งแกร่งโจมตีเข้ามาอย่างกะทันหัน อีกทั้งยังมีธาตุน้ำแข็งอีกด้วย!
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
มือของมู่เฉียนซีถือกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณเอาไว้ พลางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่อาจไปหาเรื่องเจ้าถึงที่ราชวงศ์เป่ยกงได้ แต่ได้ต่อสู้กับร่างมายาก็ถือว่าได้บรรยากาศที่ไม่เลวเช่นกัน! ข้าต้องขอบคุณเจ้าจริง ๆ! หอคอยตงหวง”
“มาขอบคุณข้าตอนนี้ยังเร็วเกินไป เนื่องจากโอกาสชนะของเจ้ามีไม่มากเท่าไรนัก แม้ว่าเจ้าจะมีกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณในครอบครอง แต่ทว่าศักยภาพของมนุษย์นั้นมีค่าที่สำคัญเสมอ เป้าหมายของเจ้าเหนือกว่าเจ้ามากมายนัก และศักยภาพที่ดีที่สุดที่เจ้าแสดงออกมาในตอนนี้ไม่เพียงพอที่จะเอาชนะคนผู้นี้ได้หรอก” หอคอยตงหวงกล่าว
“ต้องลองดูถึงจะรู้!”
ในขณะที่กำลังปล่อยทักษะวิญญาณธาตุอัคคีออกมา มู่เฉียนซีก็ได้ระเบิดพลังธาตุวารีออกมาด้วย
“มังกรวารีจงบังเกิด!”
“มังกรวารี ออกมาจัดการเจ้าหมอนี่ด้วยกันหน่อย”
“ขอรับ นายท่าน!”
น้ำเสียงที่อบอุ่นเสียงหนึ่งดังออกมาจากมิติ แต่นั่นกลับทำให้หอคอยตงหวงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที
มังกรสีฟ้าวารีขนาดมหึมา และเปลวเพลิงแห่งการทำลายล้างพุ่งเข้าใส่ร่างมายาของเป่ยกงจั๋วทันที
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ถึงความเร็วของร่างมายานั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังคงถูกมังกรวารีพัวพันอยู่ดี
ปังงง!
ร่างมายานั้นกระจัดกระจายออก และหายไปในอากาศ จากนั้นก็ไปปรากฏตัวอยู่อีกด้านหนึ่ง
หอคอยตงหวงกล่าวว่า “นายท่านมังกรวารี นี่เป็นกลิ่นอายของนายท่านมังกรวารี ขีดจำกัดของเจ้ามันน่าสะพรึงกลัวจริง ๆ! ในตอนที่ข้าคิดว่าค้นพบขีดจำกัดของศักยภาพของเจ้าแล้ว เจ้าก็ทำให้ข้าต้องประหลาดใจขึ้นมาอีกครั้ง! บางทีเจ้าอาจจะเป็นอัจฉริยะที่มีศักยภาพไร้ขีดจำกัดเพียงหนึ่งเดียวที่ข้าเคยเจอมาก็เป็นได้”
“แต่ทว่า มันยังไม่จบหรอกนะ!”
ร่างมายาที่ถูกมู่เฉียนซีทำให้บาดเจ็บร่างนั้น ก็ได้ทำการโจมตีใส่มู่เฉียนซีอีกครั้ง
“เกราะพลังวายุ!”
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
“ทักษะซิวหลัว!”
มู่เฉียนซีพยายามใช้ทุกวิถีทาง ในการสกัดกั้นการโจมตีของเขา และกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณที่ถูกห่อหุ้มไปด้วยเปลวเพลิงก็ได้ตัดแขนข้างหนึ่งของมันจนขาดวิ่นไป
ปัง ปัง ปัง!
ทันใดนั้น พลังวิญญาณธาตุวารีก็ระเบิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“มังกรวารีสังหาร!”
ท่ามกลางการปิดล้อมของวารีและอัคคี ร่างกายของร่างมายาก็ค่อย ๆ พร่าเลือนมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งพลังของมันก็ยังอ่อนแอลงเรื่อย ๆ และสุดท้ายมันก็สู้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
จบแล้ว มู่เฉียนซีเอาชนะได้แล้ว!
ทุกคนต่างก็เห็นว่ามู่เฉียนซีอยู่ที่ชั้นสิบเก้ามาตลอด หลังจากที่ผ่านไปเป็นเวลานาน หอคอยตงหวงทรงกลมสีทองอร่ามที่เหมือนกับดวงตะวันสีทองก็มิปาน ได้ระเบิดแสงสว่างอันเจิดจ้าที่ส่องสว่างไปทั่วทุกทิศทางออกมา
ก๊องง!
ระฆังตงหวงที่อยู่ภายในพระราชวังตงหวงถูกตีจนส่งเสียงดังก้องกังวาน และผู้เฒ่าเหล่านั้นก็ถูกทำให้ตกใจอีกครั้ง!
มีคนบุกทะลวงไปจนถึงชั้นที่สิบเก้าของหอคอยตงหวง และระฆังตงหวงที่ไม่เคยถูกตีมานับหมื่นปีก็ได้ดังขึ้น นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?
ถึงพวกเขาจะดูคัมภีร์โบราณต่าง ๆ ของราชวงศ์ตงหวง แต่กลับคาดเดาไม่ได้ว่านี่คือนิมิตอะไรกันแน่?
แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่มั่นใจเลยก็คือ อัจฉริยะที่อยู่ในหอคอยตงหวงผู้นั้น ในอนาคตต้องมีศักยภาพที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ช่างน่าเสียดาย…
ทันทีที่คิดว่าจะต้องสูญเสียอัจฉริยะเช่นนี้ไป เหล่าผู้อาวุโสก็เจ็บปวดใจยิ่งนัก
มู่เฉียนซีกล่าวกับระฆังตงหวงว่า “เคลื่อนไหวซะเด่นขนาดนี้ เจ้าคิดว่าความรังเกียจจนอยากจะฆ่าให้ตายของจักรพรรดิตงหวงที่มีต่อข้ายังไม่หนักหนาพอหรืออย่างไร!”
“เจ้าไต่มาจนถึงชั้นที่สิบเก้า และมีสิทธิ์ที่จะเป็นเจ้านายของข้า ดังนั้นข้าจึงไม่อาจควบคุมปฏิกิริยาตอบสนองของเสียงสะท้อนเหล่านั้นได้ แต่หากมันสร้างความเดือดร้อนให้เจ้า ข้าก็ต้องขอโทษด้วย!”
มู่เฉียนซีโบกมือพลางกล่าวว่า “ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวเล็กหรือใหญ่ พวกเขาก็คงไม่ยอมปล่อยข้าไปอย่างง่ายดายแน่นอน แล้วการกลายเป็นเจ้านายของเจ้า มีประโยชน์อะไรบ้างล่ะ?”
“หากกลายเป็นเจ้านายของข้า เจ้าก็จะสามารถใช้ระฆังตงหวง และกลายเป็นจักรพรรดิตงหวงได้! ในราชวงศ์ตงหวงหอคอยตงหวงอย่างข้านี้มีอำนาจมากกว่าตราประทับของจักรพรรดิอะไรนั่นเสียอีก ตราบใดที่เจ้ากลายเป็นจักรพรรดิตงหวง เจ้าพวกคนเหล่านั้นก็ไม่กล้าที่จะจัดการเจ้าแล้ว” ระฆังตงหวงกล่าว
“อย่างไรก็ตามข้าไม่มีความสามารถพอที่จะรับเจ้าเอาไว้ได้ หากข้าเป็นจักรพรรดิตงหวงแล้วจะมีคนยอมรับอย่างนั้นหรือ? เจ้ายังรู้จักเกี่ยวกับโลกแห่งอำนาจของมนุษย์ไม่ลึกซึ้งพอ”
“ใช่แล้ว! ความสามารถของเจ้ายังไม่เพียงพอ อย่างน้อยเจ้าก็ต้องแข็งแกร่งพอที่จะแย่งชิงข้าไปจากมือของจักรพรรดิตงหวงคนปัจจุบันผู้นี้ให้ได้! เจ้ารีบแข็งแกร่งโดยเร็วเถิด! มิเช่นนั้นชะตากรรมของราชวงศ์ตงหวงได้จบสิ้นเป็นแน่” ระฆังตงหวงกล่าวพลางทอดถอนหายใจ
“คำพูดนี้ของเจ้าหมายความว่าอะไร?” มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง
นางไม่ได้มีความรู้สึกต่อราชวงศ์ตงหวงมากมายเท่าไรนัก แต่สำหรับท่านพ่อนั้นไม่เหมือนกัน แม้ว่าจะเกลียดชังมู่หลินหลาง จักรพรรดิตงหวงและคนเหล่านั้นมากเพียงใด แต่นางก็ไม่ได้อยากจะให้ราชวงศ์ตงหวงต้องเดินไปสู่การถูกทำลายล้างแน่นอนอยู่แล้ว
“โชคชะตาของราชวงศ์ตงหวงนั้นเชี่ยมโยงกับข้า แน่นอนว่าข้าต้องสัมผัสบางอย่างได้อยู่แล้ว เพราะจักรพรรดิที่เคยถูกกำหนดเอาไว้ไม่ได้ครองบัลลังก์ มันจึงทำให้โชคชะตาของราชวงศ์ตงหวงแย่ลงทุกปี และสถานการณ์ในตอนนี้ก็ยิ่งแย่มากขึ้นไปอีก เกรงว่าอีกไม่นานคงจะต้องถูกกองกำลังอื่นมาแทนที่เป็นแน่ ฉะนั้นข้าจึงจำเป็นที่จะต้องมีเจ้านายคนใหม่ได้แล้ว”
สีหน้าของมู่เฉียนซีมืดมนลงทันที “ราชวงศ์เป่ยกง!”
ในโลกนี้ผู้ที่มีความสามารถพอที่จะจัดการกับราชวงศ์ตงหวงได้ มีเพียงราชวงศ์เป่ยกงเท่านั้น
ถึงจะดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองราชวงศ์ใหญ่จะดีมาก และกำลังจะเกี่ยวดองกัน แต่ด้วยความทะเยอทะยานของเจ้าเป่ยกงจั๋วผู้นั้น แน่นอนว่าต้องมีความคิดที่จะกลืนกินราชวงศ์ตงหวงอยู่เสมออยู่แล้ว
“ข้าก็ไม่แน่ใจเช่นกัน!”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรกับราชวงศ์ตงหวง แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่นางต้องมากังวลแต่อย่างใด
เพราะนางต้องหาท่านพ่อให้เจอก่อนค่อยว่ากันอีกที และท่านพ่อควรที่จะเป็นคนตัดสินใจเรื่องทั้งหมดนี้
“เจ้าควรจะออกไปได้แล้ว! ถึงเวลาแล้ว และตอนนี้ข้าต้องปิดตัวเองแล้วด้วย” หอคอยตงหวงกล่าว
แสงสีทองอร่ามสว่างวาบขึ้น และมู่เฉียนซีก็เดินออกมาท่ามกลางแสงสีทองนั้น ซึ่งทุกคนต่างก็ลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น
นี่คืออัจฉริยะอันดับหนึ่งของราชวงศ์ตงหวงของพวกเขา เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ในโลก เกรงว่าแม้แต่ราชวงศ์เป่ยกงก็น่าจะไม่มีอัจฉริยะคนใดสามารถเทียบเคียงนางได้แน่นอน
“มู่เฉินซี!”
“มู่เฉินซี!”
“……”
มีผู้คนมากมายเปล่งเสียงออกมาด้วยความยินดี
มู่เฉียนซีลอยอยู่เหนือพื้นอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็เดินไปถึงตรงหน้าของอัครมหาเสนาบดีแล้วกล่าวว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดี น่าจะไม่มีการแข่งขันรอบที่หกแล้วกระมัง!”
แม้ว่าจะแข่งอีกรอบ แต่ก็ไม่มีความหมายใด ๆ อยู่ดี
มู่เฉินซีนั้นชนะได้อย่างงดงาม ทั้งยังได้รับการยอมรับจากผู้คนมากมายเหนือราชวงศ์ตงหวง และได้รับเกียรติอย่างสูงส่งอีกด้วย
ถึงแม้ว่าจะสู้กันอีกรอบ และใช้กลอุบายบางอย่างเพื่อทำให้มู่หลินหลางชนะ แต่ก็คาดว่าคงไม่มีทางพลิกสถานการณ์ตอนนี้ได้อย่างแน่นอน
อัครมหาเสนาบดีกล่าวพลางยิ้มอย่างเรียบเฉยว่า “นี่เป็นการแข่งขันรอบสุดท้าแล้ว ยินดีด้วยที่เจ้ากลายเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของราชวงศ์ตงหวง ฝ่าบาทของพวกเราได้เตรียมรางวัลเอาไว้ให้เจ้าแล้ว ซึ่งมันก็อยู่ในแหวนมิติวงนี้นี่เอง”
“เช่นนั้นก็คงต้องขอบพระทัยองค์จักรพรรดิตงหวงเสียหน่อยแล้ว” มู่เฉียนซีรับแหวนวงนั้นมา จากนั้นก็โยนเข้าไปในมิติเพื่อทำการผนึกโดยแช่แข็งเอาไว้
เผื่อไว้ก่อนดีกว่า!
อัครมหาเสนาบดีกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าอยากประกาศว่า การแข่งขันอัจฉริยะของราชวงศ์ตงหวงในคราวนี้ ได้สิ้นสุดลงแล้ว”
การแข่งขันอัจฉริยะครั้งใหญ่ในคราวนี้ ได้ปิดฉากลงเพียงเท่านี้ ทุกคนย้ายได้
พรสวรรค์ของมู่เฉียนซี ทำให้ผู้คนทึ่งเป็นอย่างมาก และมีคนจำนวนไม่น้อยที่อดห่วงสถานการณ์ของนางไม่ได้เช่นกัน
แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาอยากที่จะช่วยเหลือ แต่พวกเขาก็ไร้พลังอยู่ดี
สุดท้ายแล้วก็ต้องเผชิญหน้ากับบุคคลสำคัญของราชวงศ์ตงหวง และคงทำได้แต่หวังว่าจักรพรรดิจะไม่ทำเรื่องที่เสียหน้าเช่นนั้น
หลังจากที่การแข่งขันสิ้นสุดลง มู่เฉียนซีก็ตัดสินใจหนีออกนอกเมืองในทันที
ในตอนที่นางกำลังจะออกไปจากสนามแข่งขัน จูเชว่ก็โบกไม้โบกมือให้มู่เฉียนซี พลางกล่าวว่า “ซีซี ข้ามารับเจ้าแล้ว! พวกเราไปกันเถอะ!”
.
.