ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2206 ไม่จำเป็นต้องซ่อน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! เจ้าแข็งแกร่งไปก็ไม่มีประโยชน์ ข้าอยากให้เจ้าตาย ฉะนั้นเจ้าก็ตายเสียเถอะ!”
เอ๋าหวางพุ่งไปทางมังกรวารี พลันนั้นร่างทั้งร่างของเขาดูเหมือนว่าจะกลายเป็นก้อนเหล็กสี่เหลี่ยมก้ อนหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
ทักษะวิญญาณการพลีชีพเช่นนี้ แน่นอนว่าไม่ได้เป็นการพลีชีพอย่างสมบูรณ์
เพราะจิตวิญญาณของเขานั้นยังคงอยู่ และเพียงแค่หาทางคืนชีพกลับมาให้ได้ก็พอแล้ว
ขอเพียงแค่สามารถสังหารคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังผู้นี้ และจับตัวมู่เฉินซีเอาไว้ได้ เพียงเท่านี้ก็ถือว่า ได้สร้างคุณูปการครั้งใหญ่ ซึ่งทุกอย่างนี้ถือว่าคุ้มค่าแล้ว
แม้ว่าจะเห็นการพลีชีพอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ของเอ๋าหวาง แต่สีหน้าของมังกรวารีก็ยังคงสงบนิ่ง และยั งพร้อมรับการโจมตีของเอ๋าหวางอีกด้วย
ตูมมม!
มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวออกมา และก้อนเหล็กสี่เหลี่ยมนั้นก็ระเบิดขึ้นมาทันที ซึ่งมังกรวารีก็ อยู่ตรงกลางของการระเบิดนั้นอย่างพอดิบพอดี
สวี่เหล่ากล่าวว่า “พลังอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ถึงเป็นข้าก็คงไม่มีชีวิตรอดเป็นแน่ เอ๋าหวางผู้นี้ ถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถ และมีความภักดีมากจริง ๆ”
มู่หลินหลางกล่าวว่า “ข้าคิดว่า คนผู้นั้นน่าจะตายไปแล้วนะ!”
และเห็นได้ชัดว่า พวกเขานั้นดีใจกันเร็วเกินไปหน่อย เพราะมังกรวารีผู้นั้นจะตายอย่างง่ายดายได้อย่ างไร
จิตวิญญาณนั้นต้องการที่จะหนีออกไปจากจุดศูนย์กลางของระเบิด แต่ผลสุดท้ายตนเองกลับรู้สึกว่าถูกใครบ บางคนบีบลำคอเอาไว้ จากนั้นความเย็นยะเยือกก็ได้แช่แข็งจิตวิญญาณของเขาทันที
ชายหนุ่มในชุดสีฟ้าที่ดูสุขุม ทรงพลังและสมบูรณ์แบบเดินออกมาจากหลุมระเบิดขนาดใหญ่หลุมนั้น
เสื้อผ้าของเขาได้รับความเสียหายเล็กน้อย เขาจึงปัดฝุ่นออก และจากนั้นก็ขยับปลายนิ้วอย่างแผ่วเบา
แกร่ก!
การพลีชีพของเอ๋าหวางไม่เพียงแต่จะสังหารชายผู้นี้ไม่ได้เท่านั้น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจิตวิญญาณของเข ขาก็หนีไปไม่รอดอีกด้วย ซึ่งจิตวิญญาณของเขาก็ถูกมังกรวารีบดชยี้จนกลายเป็นผุยผงไปแล้ว
ตอนนี้เอ๋าหวางได้ตายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว จุดจบของเขานั้นเลวร้ายยิ่งกว่าอัครมหาเสนาบดีเสียอีก
“บัดซบเอ้ย!” สวี่เหล่าโกรธเคืองเป็นอย่างมาก
มังกรวารีนั้นยังคงมีท่าทางที่ดูนิ่งสงบ การเสียสละของเอ๋าหวางเมื่อครู่นี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ทำให้ เขาได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ซึ่งนี่ก็ทำให้เขาไม่กล้าที่จะบุ่มบ่ามทำอะไรอีกเลย
และมู่เฉียนซีก็ใช้กระแสจิตกล่าวขึ้นมาว่า “มังกรวารี ชิงอิ่ง เสี่ยวโม่โม่ พวกเราไปกันเถอะ!”
ตอนนี้มังกรวารีได้รับบาดเจ็บแล้ว และนางก็สามารถสัมผัสถึงมันได้
ตูมมม!
มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวออกมา และชิงอิ่งกับมังกรวารีทั้งสองคนเริ่มเปิดทาง และมันก็ทำให้คน ของราชวงศ์ตงหวงเหล่านั้นตื่นตกใจเป็นอย่างมาก
พวกเขาพุ่งทะยานออกไป จากนั้นก็เข้าไปในส่วนลึกของเทือกเขาแห่งนี้
สวี่เหล่าพุ่งไปยังสถานที่ที่มังกรวารีเคยอยู่มาก่อนหน้านี้ และเขาก็ได้กลิ่นเลือดที่โชยมาอย่างบา างเบา
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก จากนั้นก็กล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “ฝ่าบาท ให้ตายเถอะ! พวกเราถูกพวก มันหลอกแล้วพ่ะย่ะค่ะ! คนผู้นั้นได้รับบาดเจ็บ หากพวกเราลงมือต่อละก็ มู่เฉินซีจะต้องตายอย่างแน่นอ อน”
ชายผู้นั้นแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บแต่ก็แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรได้อย่างแนบเนียนมาก คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจ จะไม่ค้นพบเบาะแสใด ๆ เลย!
มู่หลินหลางกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “ไล่ตามไป! ต้องไล่ตามพวกนางไปให้ทัน! หากไม่ได้รับการคุ้มครอง จากชายชุดน้ำเงินที่มีความสามารถอันน่าสะพรึงกลัวผู้นั้น ก็จะจัดการมู่เฉินซีได้ง่ายขึ้นมาก”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ร่างเงานับไม่ถ้วนพุ่งทะยานออกไป
แต่ทว่าการตอบสนองของพวกเขานั้นช้าเกินไปมาก และเทือกเขาแห่งนี้ก็ไม่ใช่เล็ก ๆ เลย
หลังจากที่พวกของมู่เฉียนซีหนีไปแล้ว ก็คงจำเป็นต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการจะตามหาพวกเขาให้เจอ
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เป่ยกงจั๋วก็กำลังตามหามู่เฉียนซีอยู่เช่นกัน
มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของมังกรวารี มนุษย์ที่ต่อสู้อย่างสุดชีวิตนั้น มันก็น่ารำคาญมากจริง ๆ
“มังกรวารี เจ้าได้รับบาดเจ็บแล้ว”
มังกรวารีกล่าวว่า “ไม่มีปัญหาขอรับ เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น นายท่านไม่ต้องกังวลหรอกขอรับ”
มู่เฉียนซีหยิบเอายาน้ำออกมาบางส่วน “ไม่ว่ามันจะมีประโยชน์หรือไม่ แต่มังกรวารีเจ้าลองใช้ดูก่อนเถอะ ”
“มังกรวารีขอบคุณนายท่านมากขอรับ”
มู่เฉียนซีใช้เทือกเขาแห่งนี้เพื่อช่วยในการอำพราง จากนั้นนางก็แผ่พลังจิตวิญญาณออกไป
นางให้ความสนใจกับทุกการเคลื่อนไหวจากบริเวณโดยรอบ เพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูเข้ามาใกล้ได้
ทันใดนั้นเอง มู่เฉียนซีก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของคนกลุ่มหนึ่งที่ปรากฏขึ้นมา เมื่อมันใกล้เข้ามาเร รื่อย ๆ นางก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไปกันเถอะ!”
คนที่อยู่ข้างกายของเป่ยกงจั๋วกล่าวขึ้นมาว่า “องค์รัชทายาท ไปทางนี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ! พลังจิตวิญญาณขอ องอีกฝ่ายมีความเฉียบคมมาก พวกเราถูกค้นพบแล้ว”
เหตุผลที่เป่ยกงจั๋วกล้าปล่อยให้มู่เฉียนซีหนีไปอย่างวางใจเช่นนี้ นั่นก็เป็นเพราะทางเขาได้ตั้งใจ พาคนที่มีพรสวรรค์ที่พิเศษเช่นนี้มาด้วย
เขาเป็นนักติดตามที่ยอดเยี่ยมที่สุด และไม่ว่าอย่างไรมู่เฉียนซีก็ไม่อาจรอดพ้นไปจากเงื้อมมือของเขา าได้อย่างแน่นอน
มู่หลินหลางล้มแล้วไปแล้ว และเขาก็คาดเดาเอาไว้แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นไม่มีทางทำงานได้สำเร็จแน่นอน
เพียงแต่ว่าพลังในการทำลายตนเองนั้น ได้ทำลายความแข็งแกร่งของทางมู่เฉียนซีไปได้ไม่น้อยเช่นกัน และ มันก็ถึงเวลาที่เขาควรจะลงมือได้แล้ว
คราวนี้เขาจะต้องตามหามู่เฉียนซีได้เร็วกว่ามู่หลินหลางแน่นอน หลังจากนั้นเขาก็จะพานางไปทันที!
มู่เฉียนซีรู้ว่าตนเองคือเป้าหมาย และสีหน้าของนางก็มืดมนลง “อีกฝ่ายที่กำลังจะไล่ตามมาทันนี้ ดู ไม่เหมือนคนของมู่หลินหลางเลย”
หากไม่ใช่มู่หลินหลาง เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้มากว่าจะต้องเป็นคนของเป่ยกงจั๋วแน่
ตอนที่ปะทะกับเป่ยกงจั๋วก่อนหน้านี้นางก็สังเกตเห็นแล้วว่าเขาตั้งใจที่จะอ่อนข้อให้ ทั้งยังตั้งใจท ที่จะปล่อยให้นางหนีไปได้อีกด้วย
ซึ่งนี่ก็ไม่ได้เป็นเพราะเป่ยกงจั๋วมีความเมตตา แต่คาดว่าน่าจะเป็นเพราะเจ้าหมอนี่มีความมั่นใจว่าหลั งจากที่นางหนีไปแล้วเขาต้องหานางเจออย่างแน่นอน
ความคิดของเจ้าหมอนี่ล้ำลึกนัก เขาจะไม่มีทางทำเรื่องที่ไม่มั่นใจแน่
ตอนนี้มังกรวารีได้รับบาดเจ็บ ฉะนั้นนางจึงไม่อยากให้เขาต้องเสียพลังไปมากเกินไป มิเช่นนั้นนางก็คงเ เผชิญหน้ากับเป่ยกงจั๋วให้เร็วที่สุดไปแล้ว
ถึงพวกของมู่เฉียนซีจะหลบหลีกมาได้สักพักหนึ่ง แต่ก็ยังถูกคนที่มีพรสวรรค์ในการติดตามเป็นพิเศษหาต ตัวจนเจอ
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ร่างเงาจำนวนนับไม่ถ้วนได้พุ่งทะยานออกมาจากบริเวณโดยรอบ และมู่เฉียนซีก็ได้ถูกปิดล้อมเอาไว้อีกครั้ง ง
เพียงแต่ว่าคนที่ปิดล้อมครานี้ไม่ใช่มู่หลินหลาง แต่กลับเป็นเป่ยกงจั๋วต่างหาก
เป่ยกงจั๋วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มู่เฉียนซี มู่หลินหลางต้องการเอาชีวิตของเจ้า อย่างไรเสียเจ้าก็ไม่อาจ จอยู่ในราชวงศ์ตงหวงได้อีกแล้ว ไม่สู้ไปที่ราชวงศ์เป่ยกงกับข้าเถิด! อยู่ที่ราชวงศ์เป่ยกง ข้าสามาร รถรับประกันความปลอดภัยของเจ้าได้ แม้แต่มู่หลินหลางก็ไม่อาจแตะต้องเจ้าได้เช่นกัน”
“จะโกหกหน้าตายเกินไปแล้ว เป่ยกงจั๋ว เจ้าก็เป็นผู้ชายที่อันตรายไม่ใช่หรืออย่างไร? ไปกับเจ้าก็เหมือน หมาป่าเข้าปากเสือนั่นแหละ สู้อยู่เล่นกับมู่หลินหลางที่ราชวงศ์ตงหวงไม่ดีกว่าหรือ?” มู่เฉียนซียิ้ม มอย่างเย็นยะเยือก
เป่ยกงจั๋วกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “ในเมื่อเจ้าไม่ให้ความร่วมมือ เช่นนั้นก็คงต้องลงมือแล้วล่ะ”
“เด็ก ๆ จงเชิญแม่นางมู่ไปเป็นแขกที่ราชวงศ์เป่ยกงเสีย อย่างไรก็ตามท่านผู้นี้เป็นคนที่เสด็จพี่ใส่พ พระทัยเป็นพิเศษ นอกจากนี้เสด็จแม่ก็อยากจะเจอนางมากเช่นกัน และอยากจะดูว่านางมีความพิเศษตรงไหนกัน แน่”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”
ต้องการมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ของนางก็ไม่พูดมาตามตรงเสียล่ะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าพูดคำโกหก กเช่นนี้ออกมา
การกระทำของเป่ยกงจั๋วทำให้นางรู้สึกรังเกียจมันเป็นอย่างมาก สีหน้าของมู่เฉียนซีมืดมนลง จากนั้นนางก ก็หยิบเอากระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณออกมา!
ในเมื่อเป่ยกงจั๋วรู้ถึงตัวตนของนางมาตั้งแต่แรกแล้ว เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนพลังส่วนหนึ่งอีกต่อไ ไปแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “เป่ยกงจั๋ว ข้ารู้สึกว่าการต่อสู้ก่อนหน้านี้ของเจ้ามันยัง ไม่พอเลย!”
มู่เฉียนซีพุ่งเข้าใส่เป่ยกงจั๋ว ส่วนชิงอิ่งและมังกรวารีก็ขวางคนอื่นเอาไว้
แต่ทว่ามันก็ยังมีคนเหลืออยู่บางส่วน ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงเรียกเสี่ยวหง อู๋ตี้และเสี่ยวโม่โม่ออกมา
ตอนที่หอหมอปีศาจถูกปิดล้อมทั้งเสียวหงและอู๋ตี้ได้พร้อมที่จะเคลื่อนไหวมานานแล้ว ในที่สุดตอนนี้พว วกมันก็สามารถระเบิดออกมา และช่วยเหลือเจ้านายจัดการกับศัตรูเหล่านี้ได้แล้ว
“สัตว์เทพระดับสอง!”
ไม่เพียงแต่ความสามารถของมู่เฉียนซีจะพัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็วเท่านั้น แม้แต่ระดับของสัตว์พันธสัญญาของ งนางก็ยกระดับขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนไม่น่าเชื่อด้วยเช่นกัน
หากเป็นสัตว์เทพทั่วไปก็จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยพันปี หรือมากกว่าหลายหมื่นปี ฉะนั้นจึงไม่เคยเห็นสั ตว์เทพที่ยังไม่ทันถึงหนึ่งปีก็เลื่อนขั้นได้แล้วเช่นนี้มาก่อนเลยจริง ๆ
มู่เฉียนซีถือกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณเอาไว้ในมือ จากนั้นเปลวเพลิงราชันย์ก็ได้ระเบิดออกมาอย่าง สมบูรณ์
“เพลิงนภาพิฆาต!”
เปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวได้ปกคลุมเป่ยกงจั๋วเอาไว้ และเป่ยกงจั๋วก็กล่าวพลางยิ้มอย่างเรียบเฉยว่า “สมกับที่เลื่อนขั้นจนกลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูต ความสามารถของแม่นางมู่เปลี่ยนเป็น แข็งแกร่งขึ้นมากทีเดียว และมันทำให้ข้าอยากให้ความสำคัญกับเจ้ามากกว่าเดิมอีก”
ทันใดนั้นเอง กลิ่นอายของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขึ้นมา และเมื่อร่างสีเงินก็สว่างวาบ เขาก็ลงม มือโต้ตอบทันที