ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2215 ไม่ง่ายที่จะเปรียบเทียบ
ชิงหลงกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “ข้าเตรียมคนเอาไว้พร้อมหมดแล้ว สามารถร่วมมือกับเจ้าได้แล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มีเจ้าคอยช่วยเหลือ เช่นนั้นมันคงจะง่ายขึ้นเยอะเลย”
“ซีซี ยังมีข้าอยู่ด้วยนะ!” จูเชว่กล่าวพลางกระโดดออกมาทันที
ซวนอู่ก็เดินเข้ามาเช่นกัน “เรื่องแบบนี้ จะขาดข้าไปได้อย่างไรกันล่ะ เพียงแต่ว่าส่วนแบ่งของสิ่งของที่ยึดมาได ด้ในตอนสุดท้าย ข้ารู้สึกว่าจำเป็นต้องหารือกันสักหน่อยนะ”
ฉงหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าก็ชอบร่วมสนุกเช่นกัน ก็แค่จัดการสำนักหมอทมิฬเท่านั้นเอง ไม่อันตรายเท่าไรหรอก ก”
ไม่ได้มีแค่ชิงหลงที่มาเท่านั้น แต่คนอื่น ๆ ก็ตามมาด้วยเช่นกัน
“ดูเหมือนว่าการร่วมมืออย่างมีความสุขครั้งที่สองกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้วสินะ ข้าดีใจมากที่พวกเจ้าสามารถเข้าร่ว วมได้ เช่นนี้ข้าก็คงจะสามารถจัดการกับเจ้าก้อนเนื้อร้ายอย่างสำนักหมอทมิฬได้ง่ายขึ้นแล้วล่ะ” มู่เฉียนซีกล่าว วด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้นก็ได้มีการปรับแผนการดำเนินงานใหม่บางส่วน เรื่องที่บุกเข้าไปภายในมอบให้เป็นหน้าที่ของนางกับชิงหลง พวกของจูเชว่ทั้งหมดรับผิดชอบเกี่ยวกับการสกัดกั้นกำลังเสริมของสำนักหมอทมิฬ
อย่างไรเสียสำนักหมอทมิฬก็ไม่ได้ดีไปกว่าสำนักหลินเยว่และสำนักหลางซิงเท่าไรนัก นอกจากระดับที่สูงกว่าครึ่งร ระดับแล้ว ก็ถือได้ว่าเป็นสำนักที่มีนักปรุงยามากที่สุดสำนักหนึ่งเท่านั้นเอง
แต่ทว่านักปรุงยาเหล่านี้สามารถทำให้ยอดฝีมือและกองกำลังมากมายเป็นหนี้บุญคุณของพวกเขาได้ และหากพวกเขาเกิดเรื่อ องเดือดร้อนขึ้นมา คนมากมายที่สนับสนุนพวกเขาก็จะต้องรีบมาช่วยเหลือแน่นอน
ซึ่งพลังเช่นนี้ก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าความสามารถของสำนักหมอทมิฬเองเลย อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ว่าจะแข็งแกร่งย ยิ่งกว่าอีกด้วย
เนื่องจากมีพวกเขาสองสามคนคอยกำจัดความกังวลให้แล้ว ฉะนั้นทั้งมู่เฉียนซีและชิงหลงก็สามารถเปิดสงครามใหญ่กับสำ ำนักหมอทมิฬได้โดยที่ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว วันรุ่งขึ้นนายน้อยของสำนักหมอทมิฬก็มารับมู่เฉียนซีด้วยตนเอง เขากล่าวด้วย รอยยิ้มว่า “แม่นางมู่ พวกเราได้พบกันอีกแล้ว ข้าดีใจจริง ๆ ที่แม่นางมู่ตอบตกลงที่จะไปเป็นแขกของพวกเราสำนักห หมอทมิฬ”
นายน้อยของสำนักหมอทมิฬในตอนนี้มีท่าทางที่อบอุ่นและอัธยาศัยดีเป็นอย่างมาก ซึ่งดูราวกับว่าคนที่พ่ายแพ้ให้นา างและอยากจะสับนางเป็นหมื่น ๆ ชิ้นจนทนไม่ไหวในตอนแรกคนนั้นไม่ใช่เขาอย่างไรอย่างนั้นเลย
นางไม่ได้ความจำเสื่อมเสียหน่อย!
“น่าเสียดายที่นายน้อยสำนักหมอทมิฬไม่ได้ไปเข้าร่วมการแข่งขันอัจฉริยะของราชวงศ์ตงหวง เพราะบางทีพวกเราอาจจะได้ ประลองฝีมือกันสักครั้งก็เป็นได้” มู่เฉียนซีกล่าวพลางคลี่ยิ้มออกมา
คำพูดของมู่เฉียนซีทำให้นายน้อยสำนักหมอทมิฬนึกถึงตอนที่เขาพ่ายแพ้ให้กับนางอย่างย่อยยับก่อนหน้านี้ ฉะนั้นมัน นจึงทำให้สีหน้าของเขามืดมนลงทันที และเขาก็กล่าวขึ้นมาว่า “ตอนนั้นบังเอิญว่าข้ากำลังเก็บตัวอยู่พอดี และมั นก็ทำให้ข้าพลาดการต่อสู้อันยอดเยี่ยมของทั้งแม่นางมู่กับฝ่าบาทหลินหลางไปด้วย”
“แม่นางมู่ เชิญขึ้นรถม้าเถิด!” เขาเองก็ไม่อยากคุยเรื่องนี้กับมู่เฉียนซีอีกต่อไปแล้ว จึงได้รีบเชิญมู่เฉียนซีข ขึ้นรถม้า และพานางไปสำนักหมอทมิฬทันที
“ได้สิ!” มู่เฉียนซีกล่าวพลางพยักหน้าเล็กน้อย
ในตอนที่มู่เฉียนซีขึ้นรถม้า คนที่ติดตามนางไปด้วยก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้น
ซึ่งคนผู้นี้ก็ดูไม่สดใสเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังแข็งทื่อราวกับท่อนไม้อย่างไรอย่างนั้น
แต่คนผู้นี้ไม่ใช่ชายหนุ่มชุดคลุมน้ำเงินตามข่าวลือผู้นั้น เพียงแต่ว่า เขาก็คงเป็นองครักษ์ของหอหมอปีศาจ ที่ อาจจะไม่ได้คอยอยู่ข้างกายแม่สาวน้อยอย่างมู่เฉินซีตลอดเวลาเท่านั้นเอง
และการที่คนผู้นั้นไม่อยู่ ดูเหมือนว่าจะทำให้นายน้อยสำนักหมอทมิฬถอยหายใจด้วยความโล่งอกออกมาเลยทีเดียว
แต่พวกเขากลับไม่รู้ ในตอนที่มู่เฉียนซีถูกราชวงศ์ตงหวงรวมไปถึงองค์รัชทายาทเป่ยกงล้อมโจมตี พลังในการต่อสู้แ และพลังในการฆ่าฟันของชิงอิ่งนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่ามังกรวารีเลย
แต่ด้วยสงครามใหญ่ที่เกิดขึ้นทั้งสองครั้งทำให้มังกรวารีผลาญพลังไปจำนวนมาก ซึ่งในช่วงที่มู่เฉียนซียังไม่มีอัน นตรายเขาจึงถูกสั่งให้กลับไปฟื้นฟูพลังในมิติเสียก่อน
เว้นแต่ว่านางและชิงอิ่งมีอันตรายจนจัดการไม่ไหว เขาถึงจะปรากฏตัวออกมาได้
ถึงมังกรวารีจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่อาจอยู่ข้างกายนายท่านได้ตลอดเวลา แต่สำหรับเขาแล้วคำสั่งของเจ้านาย ยเปรียบดั่งชีวิตซึ่งเข้าต้องเชื่อฟังแน่นอนอยู่แล้ว นอกจากนี้เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้อีกด้วย ดังนั้นเขาจึงกลับไปฟื นตัวอย่างสงบ
ในที่สุดก็มาถึงสำนักหมอทมิฬแล้ว!
ประตูใหญ่ของสำนักหมอทมิฬอยู่ภายในหุบเขาลึก และเนื่องจากหุบเขาที่ซ้อนกับเป็นชั้น ๆ จึงทำให้มันกลายเป็นฉาก กั้นตามธรรมชาติไปโดยสมบูรณ์
บริเวณที่อยู่รอบนอกนั้น ล้วนปลูกพืชที่เต็มไปด้วยพิษเอาไว้ทั้งหมด
ซึ่งพิษที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้คนที่รนหาที่ตายเหลานั้น กลายเป็นโครงกระดูกของผู้บุกรุกที่ไม่ไ ได้รับเชิญ และถูกฝังเอาไว้ที่นี่
หลังจากที่มู่เฉียนซีมาถึงแล้ว ประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดออก นางน้อยของสำนักหมอทมิฬก็กล่าวขึ้นมาว่า “แม่นางมู่ เชิญด้านใน ท่านพ่อของข้ากำลังรอเจ้าอยู่ที่ห้องโถงใหญ่แล้ว”
มู่เฉียนซีเดินเข้าไปด้วยความรวดเร็ว เพราะนางมีความสงสัยต่อเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬผู้นี้เป็นอย่างมาก และทัน นทันที่เหยียบเข้าไปในห้องโถงใหญ่ นางก็สัมผัสได้ถึงพลังจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งที่กำลังห่อหุ้มนางเอาไว้
มู่เฉียนซีได้ผนึกพลังจิตวิญญาณของตนเองเอาไว้ทันที และไม่ได้เปิดเผยสิ่งใดออกมาเลยแม้แต่น้อย ซึ่งหลังจากนั้นนาง งก็ก้าวเข้าไปภายในห้องโถงใหญ่ราวกับคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หยกสีดำในห้องโถงใหญ่ ซึ่งรูปร่างหน้าตาของเขามีความคล้ายคลึงกับนาย น้อยสำนักหมอทมิฬยิ่งนัก นอกจากนี้ทั่วทั้งร่างของเขาก็ให้ความรู้สึกที่อันตรายมากเลยทีเดียว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “สามารถได้รับเชิญมาเป็นแขกของเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬที่มีชื่อเสียงเช่นนี้ได้ ช่างเกียรติ แก่ข้ามู่เฉินซียิ่งนัก”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ตอนนี้เจ้าก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงในแดนซวนเทียนเช่นกัน ข้าดีใจเหลือเกินที่เจ้าตอบรับมาเป็นแขกของ งข้าได้เช่นนี้”
“เพียงแต่ว่า ข้าไม่รู้ว่านอกจากฉายาอัจฉริยะอันดับหนึ่งของราชวงศ์ตงหวงแล้ว ข้าก็ไม่น่าจะมีสิ่งใดควรค่าให้สำ ำนักหมอทมิฬต้องสนใจไม่ใช่หรือ!?”
“แต่เจ้าคืออัจฉริยะระดับแนวหน้าของราชวงศ์ตงหวง ไม่สิ…ต้องระดับแนวหน้าของแดนซวนเทียนเลยต่างหาก ข้าชื่นชมเจ้ าเป็นอย่างมาก! และประการที่สอง ข้าก็มีความสงสัยในตัวตนของหมอปีศาจเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่มันไม่ง่ายเลยที่จะเชิ ญเขามา ทว่าการเชิญแม่นางมู่มา ข้าก็ว่ามันก็น่าจะเหมือนกันอยู่ดี”
มู่เฉียนซีพูดคุยกับเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬเป็นอย่างดี แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นการพูดคุยที่ไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น
เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬให้คนมาต้อนรับนางเป็นอย่างดีเช่นกัน นอกจากนี้ยังใจกว้างมอบสมุนไพรวิญญาณให้อีกมากม มายด้วย
“แม่นางมู่ก็เป็นคนของหอหมอปีศาจ อีกทั้งยังเป็นนักปรุงยาคนหนึ่งอีกด้วย ข้าไม่มีวาสนาที่จะได้ฝึกฝนเคล็ดวิช ชาปรุงยาจากหมอปีศาจ ไม่ทราบว่าแม่นางมู่จะลองมาดูสักหน่อยได้หรือไม่ ว่าการปรุงยาของข้ายังห่างชั้นกับหมอปีศา าจมากน้อยเพียงใด?” เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬกล่าวถาม
การปรุงยาของนักปรุงยานอกเสียจากว่าคนที่มีความสนิทสนมมากแล้ว จะไม่มีทางให้คนอื่นเข้าไปชมได้อย่างแน่นอน และ ะยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกเลย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เอาสิ!”
เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬได้แสดงความสามารถในการกลั่นยาทั้งหมดออกมาต่อหน้ามู่เฉียนซี และมู่เฉียนซีก็รู้ว่าเจ จ้าหมอนี่พยายามอย่างสุดความสามารถแล้วจริง ๆ
ซึ่งคาดว่าเขาคงจะต้องการให้นางนับถือในเคล็ดวิชาการปรุงยาของเขา และคงต้องการให้นางพูดออกมาว่าหมอปีศาจสู้ เขาไม่ได้เป็นแน่
ถึงเขาอาจจะดูถ่อมตัว แต่อันที่จริงแล้วเขาก็เป็นคนที่หยิ่งผยองมากคนหนึ่งเลยทีเดียว
ในขณะที่เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ มู่เฉียนซีก็ดูทักษะการกลั่นยาของเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬอย่างตั้งใจ
ก่อนที่จะลงมือ การเข้าใจในความสามารถของศัตรูถือเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก
และในที่สุดยาลูกกลอนก็กลั่นสำเร็จไปได้อย่างราบรื่น
เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬบรรจุยาลูกกลอนลงขวดแก้วอย่างดี จากนั้นก็มอบให้กับมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “แม่นางมู่ ยาลูกกลอนนี้เป็นเช่นไรบ้าง?”
มู่เฉียนซีทำการประเมินยาลูกกลอนนี้แล้วกล่าวว่า “ความสามารถของท่านเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬนั้นยอดเยี่ยมมากจริ ง ๆ ยาลูกกลอนนี้เป็นยาลูกกลอนขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นยอดอย่างแน่นอน ข้ามองว่าทักษะของท่านเจ้าสำนักไม่ต่ำเลย เกรง งว่าเมื่อผ่านไปไม่นาน เจ้าสำนักจะต้องกลายเป็นนักปรุงยาขั้นเทวะได้เป็นแน่”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ขอให้สมกับที่เจ้าอวยพร หากข้าบรรลุเป็นนักปรุงยาขั้นเทวะแล้ว จะต้องขอบคุณเจ้าเป็นอย่างดีแน่นอน น” เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬกล่าวพลางหัวเราะชอบใจ
“เช่นนั้นคำถามก่อนหน้านี้ แม่นางมู่สามารถตอบข้าได้แล้วใช่หรือไม่? การกลั่นยาขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นยอดของข้า เม มื่อเทียบกับการกลั่นยาของหมอปีศาจแล้วเป็นเช่นไรบ้าง?” เขาเร่งถาม
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ท่านเจ้าสำนัก ระหว่างท่านกับหมอปีศาจไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน ฉะนั้นมันจึง งไม่ง่ายเลยที่จะนำมาเปรียบเทียบกันได้!”
“ที่นี่ค่อนข้างอบอ้าว เช่นนั้นข้าขอออกไปสูดอากาศสักหน่อยก็แล้วกัน” มู่เฉียนซีเปิดประตูแล้วเดินออกไป โดยที่ทิ งเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬเอาไว้ข้างหลัง