ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2216 ไปห้องทดลอง
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของมู่เฉียนซี เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬก็ระเบิดออกมาด้วยความโกรธ และเขาแทบทนที่จะทำลาย ยล้างห้องกลั่นยาให้ราบเป็นหน้ากองไม่ไหวแล้ว
เขากำหมัดเอาไว้แน่น อะไรที่เรียกว่าไม่อยู่ในระดับเดียวกัน ไม่อยู่ในระดับเดียวกันอย่างไร!
นางเด็กน้อยผู้นี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าดูถูกเขาถึงขนาดนี้!
เมื่อเดินมาได้สักครู่หนึ่งมุมปากของมู่เฉียนซีก็ยกโค้งขึ้นมา แม้ว่าความสามารถจะแข็งแกร่งสู้เจ้าไม่ได้ แต่หากค คิดที่จะมาเทียบเรื่องการปรุงยากับหมอปีศาจแล้วละก็ เจ้ามาเปรียบเทียบผิดคนแล้ว นี่มันเป็นการทำร้ายตนเองอย่างส สิ้นเชิงเลยจริง ๆ!
คนของสำนักหมอทมิฬต่างก็รู้ว่ามีแขกผู้มีเกียรติท่านหนึ่งมายังสำนักของพวกเขา และแขกผู้มีเกียรติคนนั้นก็คื อมู่เฉินซีผู้เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของราชวงศ์ตงหวงนั่นเอง
พวกเขาต่างก็คอยปรนนิบัติทั้งการเตรียมอาหาร เครื่องดื่ม และทุกสิ่งทุกอย่างที่นางต้องการ ซึ่งการดูแลเช่นนี้เรี ยกได้ว่าไม่เคยมีผู้ได้เพลิดเพลินมาก่อนเลย
อย่างไรเสียคนของสำนักหมอทมิฬส่วนใหญ่ต่างก็เป็นนักปรุงยากันทั้งนั้น ทุกคนต่างก็มีความเย่อหยิ่ง โดยเฉพาะอย่างย ยิ่งเจ้าสำนักของพวกเขา ผู้ไม่เคยสนใจผู้ใดเลย
หลังจากที่เจ้าสำนักหมอทมิฬโกรธเคืองกับคำกล่าวที่ว่า ‘ไม่อยู่ในระดับเดียวกัน’ ของมู่เฉียนซีคำนั้น มู่เฉียนซีก็ ถูกเขาทำท่าทีเย็นชาใส่อยู่หลายวัน แต่ทว่านางกลับไม่น้อยใจเขาแต่อย่างใด
และในค่ำคืนหนึ่ง เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬและลูกชายของเขาก็ได้มาหามู่เฉียนซี
สีหน้าของเขาฉายแววจริงจังออกมา จากนั้นก็กล่าวว่า “แม่นางมู่ คนของข้าที่อยู่ภายในราชวงศ์ตงหวงได้รับข่าวร้าย เกี่ยวกับเจ้ามาด้วย”
“ข่าวร้ายอะไรกัน หรือว่าราชวงศ์ตงหวงไม่เกรงกลัวคำเตือนของราชวงศ์เป่ยกงและสมาคมการค้าเฉินซี และคิดที่จะโจมตี ข้าอย่างน่าไม่อายอย่างนั้นหรือ พวกเขาลงมือโจมตีหอหมอปีศาจแล้วหรือยัง?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
นายน้อยสำนักหมอทมิฬกล่าวว่า “ไม่! เกรงว่ามันน่าจะแย่ยิ่งกว่านั้นเสียอีก”
สีหน้าของมู่เฉียนซีมืดลง จากนั้นก็กล่าวถามว่า “เช่นนั้นคืออะไรล่ะ?”
นายน้อยสำนักหมอทมิฬกล่าวว่า “เมื่อไม่นานมานี้ราชวงศ์ตงหวงได้รับของดีบางอย่างมา และตอนนี้ก็สามารถยกระดับพรสวร รรค์รวมไปถึงความสามารถทางกายภาพในทุกด้านของมู่หลินหลางได้แล้ว นอกจากนี้ยังพานางไปที่วิหารของเชื้อพระวงศ์ตง หวงเพื่อพัฒนาระดับความสามารถของพลังจิตวิญญาณอีกด้วย และหลังจากที่พยายามอย่างเต็มที่ จึงทำให้ไม่รู้ว่าความสามา ารถของมู่หลินหลางจะเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งมากขนาดเพียงใดแล้ว”
เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬยังกล่าวต่ออีกว่า “ถึงช่วงนี้ราชวงศ์ตงหวงจะไม่กล้าส่งยอดฝีมือมาจัดการเจ้าง่าย ๆ แต่ หากว่าเป็นการแลกเปลี่ยนกันระหว่างรุ่นน้อง ทั้งสมาคมการค้าเฉินซีและราชวงศ์เป่ยกงคงไม่สามารถเข้ามายุ่งวุ่นวายได ด้มากเท่าไรนักหรอก!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หรือจะกล่าวได้ว่า ตอนนี้มู่หลินหลางพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น และหลังจากนั้ นก็จะมาล้างแค้นข้า ใช่หรือไม่!”
“ใช่แล้ว!”
“ช่างน่ายุ่งยากเสียจริง ๆ ความสามารถของมู่หลินหลางก่อนหน้านี้ข้ายังพอฝืนต่อสู้ได้บ้าง แต่หากนางแข็งแกร่งยิ งกว่านี้แล้วละก็ ข้าจะต้องไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางอย่างแน่นอน” มู่เฉียนซีกล่าวพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
นางอยากจะรู้จริง ๆ ว่าพวกเขาจะทำอย่างไรต่อไป? ดังนั้นจึงต้องทำตามความคิดของเขาไปก่อนแน่นอนอยู่แล้ว
และก็เป็นไปตามที่คาดไว้ เพราะแววตาของพ่อลูกคู่นี้ส่องประกายวาววับขึ้นมาทันตา
นายน้อยสำนักหมอทมิฬกล่าวว่า “ท่านพ่อของข้าใช้ความพยายามมาทั้งชีวิตเพื่อศึกษาวิธีการว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะ ะสามารถยกระดับพรสวรรค์ของบุคคลได้ แม้ว่าจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์ธรรมดา ก็จะสามารถได้รับความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่จะ ยกระดับให้สูงขึ้นได้จากวิธีการนี้”
“ตอนนี้การค้นคว้าของท่านพ่อสุกงอกมากแล้ว หากแม่นางมู่ยินยอมที่จะลองดูสักครั้งแล้วละก็ มันจะต้องสำเร็จได้ อย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นมู่หลินหลางก็ไม่มีทางคุกคามแม่นางมู่ได้แน่ พรสวรรค์เดิมของเจ้าสูงถึงเพียงนี้ หาก แข็งแกร่งขึ้นไปอีกล่ะก็ เจ้าจะต้องเปลี่ยนเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากกว่านี้แน่นอน”
คำพูดของนายน้อยสำนักหมอทมิฬช่างน่าดึงดูดยิ่งนัก จากนั้นเจ้าสำนักหมอทมิฬก็กล่าวเสริมว่า “ข้าใช้ความพยายามอย ย่างมากในการทำสิ่งนี้ หากไม่ใช่เพราะว่าข้าสนใจในพรสวรรค์ของแม่นางมู่เป็นพิเศษแล้วละก็ โอกาสแบบนี้เกรงว่าค คงจะไม่ได้เกิดกับเจ้าอย่างง่ายดายเช่นนี้แน่”
“เจ้าจะต้องรู้ว่า นี่เป็นวิธีการที่ล้ำหน้ามาก แม้แต่หมอปีศาจก็ไม่สามารถมาจนถึงจุดนี้ได้ และเจ้าก็มีเพียงโอ อกาสเดียวเท่านั้น ลองคิดดูให้ดีเถิด แต่อย่าตัดสินใจเร็วเกินไปนัก พรุ่งนี้ค่อยมาให้คำตอบข้าก็ได้” หลังจากที่ เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬโยนเหยื่อชิ้นนี้ให้แล้ว เขาก็ไม่ได้รบกวนมู่เฉียนซีอีกต่อไป และยังออกไปจากตรงนั้น นอย่างรวดเร็วอีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หมอปีศาจไม่มีทางทำเรื่องที่เสียสติเช่นนี้ได้แน่ พูดเสียน่าฟังขนาดนั้น มันจะไปมีขนมตกลงม มาจากฟากฟ้าเช่นนี้ได้อย่างไรกันล่ะ?”
สองพ่อลูกคู่นี้คงอยากที่จะเอาพรสวรรค์ของนางไปเพิ่มความแข็งแกร่งเพื่อเป็นกรณีศึกษาอย่างนั้นสินะ! นางสงสัยจ จริง ๆ ว่าความคืบหน้าของการทดลองของพวกเขาจะไปถึงขั้นไหนแล้ว?
ในเมื่อสามารถเข้าไปใกล้กับห้องทดลองหลักของเขาได้แล้ว มู่เฉียนซีจึงเตรียมตัวที่จะไปดูมันเสียหน่อย
“เจ้าแน่ใจว่าจะไม่พลิกเรือในท่อระบายน้ำแน่อย่างนั้นหรือ? มู่เฉินซี!” น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกเสียงหนึ่งดังออกมา
“วางใจเถอะ เรือข้าไม่มีทางพลิกคว่ำง่าย ๆ เป็นแน่ และข้าก็จะทำให้เจ้าได้มีความสุขบนความทุกข์ของพวกเขาแน่นอน” ” มู่เฉียนซีกล่าวตอบ
วันรุ่งขึ้น มู่เฉียนซีทำท่าราวกับว่าหลับไม่สนิทมาตลอดทั้งคืนอย่างไรอย่างนั้น
ในที่สุดนางก็ตอบรับพวกเขาทั้งสองพ่อลูก แล้วจึงกล่าวว่า “เอาล่ะ! ข้ารับปากพวกเจ้าว่าจะลองดู เพียงแต่วิธีการขอ องพวกเจ้าคงจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายของข้าหรอกใช่หรือไม่?”
เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬกล่าวว่า “แม่นางมู่ เจ้าสามารถวางใจได้ มันจะไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายของเข้าอย่างแน่นอน ข้ารับประกันเลย”
“เช่นนั้นก็ดี ข้าไม่มีปัญหาอื่นอีกแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าว
“เช่นนั้น ไปกับพวกเราเถอะ! เวลาไม่คอยท่า เพียงเท่านี้เจ้าก็จะมีความสามารถได้ก่อนที่มู่หลินหลางจะลงมือแล้ว เมื่อ อมีความสามารถเทียบเท่ากับนางได้ ก็จะไม่มีวันพ่ายแพ้ให้แก่นางอย่างแน่นอน” เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬกล่าวด้วย รอยยิ้ม
เมื่อมู่เฉียนซีให้ความร่วมมือเช่นนี้ จึงทำให้อารมณ์ของเขาเปลี่ยนเป็นดีขึ้นมาทันที
ตอนนี้เขาคิดไปถึงว่า หากผลงานชิ้นเอกระดับปฐมกาลของเขาประสบความสำเร็จ สำนักหมอทมิฬของเขาก็จะกลายเป็นกองกำลัง งระดับห้าใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในแดนซวนเทียน หรือแม้แต่อาจจะเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าอย่างระดับหกหรือร ระดับเจ็ดก็เป็นได้
ห้องทดลองของสำนักหมอทมิฬมีความลึกลับเป็นอย่างมาก มันได้ถูกซ่อนไว้ใต้หินผา และเมื่อแต่ละชั้นถูกเปิดออก มั นก็เป็นเหมือนกับเมืองหินใต้ดินก็มิปาน
หลังจากที่เดินผ่านภูเขาที่มีประตูบานหนึ่งแล้ว ชิงอิ่งที่ติดตามอยู่ข้างกายมู่เฉียนซีก็ถูกสกัดกั้นเอาไว้
เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬกล่าวว่า “หากเข้าไปก็จะมีแต่สิ่งของที่เป็นความลับเป็นอย่างมาก ฉะนั้นสามารถให้องครักษ์ ของเจ้าพักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อนได้ เพราะเขาไม่สามารถเข้าต่อไปได้อีกแล้ว”
ชิงอิ่งไม่ได้อยากจะสนใจพวกเขา จากนั้นเขาก็มองไปที่มู่เฉียนซี และรอให้นางเป็นคนเอ่ยปากเอง
“ชินชิงอิ่ง เจ้ารออยู่ที่นี่เถอะ!”
ชิงอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย พลางกล่าวว่า “ขอรับ!”
มุมปากของเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬและนายน้อยของสำนักหมอทมิฬพลันยกยิ้มขึ้น และองครักษ์เพียงคนเดียวของมู่เ เฉินซีก็ถูกพวกเขาขวางเอาไว้อยู่ด้านนอกได้แล้ว
ในเมื่อไม่มีคนคอยคุ้มครองนาง เช่นนั้นสาวน้อยที่เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับหนึ่งคนหนึ ง จะต้องถูกพวกเขาฆ่าอย่างไร้ความเมตตาแน่นอน
มู่เฉียนซีตามคนนำทางเดินลึกเข้าไปในส่วนลึกของเมืองหินใต้ดินแห่งนี้ และอุณหภูมิข้างใต้นี้ก็ต่ำลงเรื่อย ๆ ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้เดินเข้ามาถึงในถ้ำน้ำแข็งแห่งหนึ่งแล้ว
ภายในถ้ำแห่งนี้มีขนาดที่ใหญ่มาก เมื่อมองขึ้นไปก็ได้เห็นโลงศพน้ำแข็งสีใสที่แช่แข็งเอาไว้ตั้งเรียงรายกันอยู่ ภายในโลงน้ำแข็งนั้นมีเหล่าเด็กน้อยชายหญิงที่อายุต่ำกว่ายี่สิบปีและมากกว่าห้าปีนอนหลับใหล พวกเขาไม่มีลมหายใจ จ ชีพจรก็ไม่เต้น อีกทั้งยังไม่มีอุณหภูมิร่างกายอีกด้วย!
ไม่รู้ว่าคนเหล่านี้จะสามารถฟื้นกลับมาได้ หรือว่าพวกเขาจะต้องหลับใหลอยู่ในนี้ตลอดไปกันแน่
และภายในถ้ำขนาดใหญ่นี้ก็มีโลงศพน้ำแข็งเช่นนี้อยู่ไม่น้อยกว่าหลายพันโลงเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อมู่เฉียนซีได้เห็น แล้วสีหน้าของนางก็บูดเบี้ยวไปทันที
เจ้าสำนักหมอทมิฬกล่าวว่า “แม่นางมู่ เจ้าไม่ต้องหวาดกลัวไปหรอก คนเหล่านี้คือสินค้าที่ล้มเหลว และสินค้าที่ใช้กา ารไม่ได้ในระหว่างการทดลองของข้าเท่านั้น! เนื่องจากว่ามีความทรงจำอันล้ำค่า ข้าก็เลยต้องแช่แข็งพวกเขาทั้งหมดเอา าไว้ที่นี่”
“แต่ตอนนี้ข้ามีของทดลองที่สมบูรณ์แบบเป็นพิเศษอยู่ชิ้นหนึ่ง เขาอยู่ข้างในสุด เขาประสบความสำเร็จแล้ว ดังนั้นเ เจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องรับความเสี่ยงใด ๆ เลย เรื่องนี้เจ้าสามารถวางใจได้แน่นอน” พวกเขาเดินนำทางอยู่ข้างหน้า จา ากนั้นก็เดินเข้าไปในมิติที่อบอุ่นเป็นปกติอีกห้องหนึ่ง