ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2219 เขาตื่นขึ้นมาแล้ว
คนที่เป็นลูกน้องของคุณชายชิงหลงแต่ละคนล้วนเป็นคนที่โหดเหี้ยมทั้งนั้น นอกจากนี้พวกเขายังสามารถสังหารคนได้ภ ภายในพริบตาเดียวอีกด้วย
เพียงแต่พวกเขาไม่แสดงท่าทีว่าโดนพิษเลยแม้แต่น้อย และยังคงต่อสู้อย่างแกร่งกล้ามากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย
เห็นได้ชัดว่ามันถึงเวลาที่พิษจะต้องโจมตีแล้ว แต่ทว่ายังไม่มีการโจมตีใด ๆ เกิดขึ้นเลย!
หลังจากที่อยู่ในสภาพจนตรอกมานาน สีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่ก็มืดมนลง จากนั้นก็กล่าวอย่างตื่นตกใจว่า “นะ…นี่ม มันเป็นไปไม่ได้…”
ค่ายกลพิษป้องกันของพวกเขาสำนักหมอทมิฬ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ไม่เคยล้มเหลวมาก่อนเลย แล้วเหตุใดถึงไม่สามาร รถจัดการกับคนของคุณชายชิงหลงได้?
“พวกเจ้า…คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเจ้าจะไม่โดนยาพิษ!”
เขาไม่เชื่อว่าคุณชายชิงหลงจะมีความสามารถเช่นนี้ได้ จะต้องมีคนคอยช่วยเหลือพวกเขาอย่างแน่นอน
“ต่ำช้านัก!”
ในตอนที่สำนักหมอทมิฬนี้ถูกบีบมาจนถึงจุดที่สิ้นหวัง ผู้อาวุโสใหญ่ก็กล่าวขึ้นมาว่า “เร็วเข้า! รีบไปเรียกท่ านเจ้าสำนักออกมาเร็ว!”
“รีบส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือออกไป รีบส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือขั้นสูงสุดออกไปเร็ว จากนั้นก็ตามแขกเหล่านั้นออกมาช่ว วยเหลือด้วย!”
“……”
ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ต้องออกมาปกป้องสำนักหมอทมิฬ มิเช่นนั้นคนของสำนักหมอทมิฬของพวกเขาจะต้องถูกคนกลุ่มนี้ส สังหารไปจนเรียบแน่นอน
มีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาเต็มหน้าผากของผู้อาวุโสใหญ่ และเขาก็กล่าวว่า “คุณชายชิงหลง สำนักหมอทมิฬของข้าไม่ได้เ เป็นศัตรูคู่แค้นกันกับพวกเจ้า แล้วเหตุใดเจ้าถึงต้องการที่จะกำจัดสำนักหมอทมิฬของพวกเราให้สิ้นซากด้วยล่ะ!”
“แม้ว่าเจ้าจะสามารถทำลายสำนักหมอทมิฬของพวกเราได้สำเร็จ แต่หลังจากนั้นพันธมิตรของสำนักหมอทมิฬจะต้องไม่มีทางป ปล่อยเจ้าไปอย่างแน่นอน ฉะนั้นเจ้าก็อย่าคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบเลย”
แต่ชิงหลงไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย และเขายังกล่าวอีกว่า “หากพวกเขาไม่ปล่อยข้าไป เช่นนั้นข้าก็แค่กำจัดพวกเขา าให้สิ้นซากก็พอแล้ว! อย่างไรเสียวันนี้ สำนักหมอทมิฬของเจ้าจะต้องถูกทำลาย!”
ตูมมมม โครมมม!
พลังในการต่อสู้ของคนของชิงหลงนั้นแข็งแกร่งมาก ฉะนั้นในการต่อสู้กับคนภายนอกพวกเขาจึงมีความได้เปรียบมากนั่นเอง ง
ในห้องทดลองใต้ดินมู่เฉียนซีได้สังหารลูกน้องของเจ้าสำนักหมอทมิฬเหล่านั้นจนตายเกลื่อน เจ้าสำนักหมอทมิฬกัดฟันกล ล่าวว่า “บัดซบ! บัดซบเอ้ย!”
“อยากจะฆ่าข้า มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”
ไม่ว่าเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬจะไม่พอใจเพียงใด แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ตัดสินใจได้เพียงทางเดียวเท่านั้น!
ตูมมม!
เขาเปิดใช้งานกลไกหนึ่ง และโลงศพน้ำแข็งนั้นก็เปิดออกอย่างกะทันหัน
บริเวณโดยรอบโลงศพได้ระเบิดพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา และจากนั้นมันก็ได้ห่อหุ้มเด็กน้อยคนนั้นขึ้นมา
เปรี้ยง!
และทันใดนั้น ก็มีสายฟ้าสีดำผ่าลงมาจากกลางอากาศอย่างกะทันหัน
สายฟ้าสีดำนี้น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าพลังของสายฟ้าพิฆาตเลื่อนขั้นเสียอีก จากนั้นมันก็ได้พุ่งยังทิศทางของเมืองใต ต้ดินทันที
เมื่อชิงหลงได้เห็นสายฟ้าสีดำนั้นเขาก็ผงะไปเล็กน้อย และหัวใจของเขาก็กระตุกวูบอย่างกะทันหัน
ส่วนผู้อาวุโสใหญ่ เมื่อได้เห็นอสนีบาตสีดำนั้นแล้วก็กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! เจ้าสำนักของพวกเราทำสำ ำเร็จแล้ว มันจะต้องสำเร็จแล้วแน่นอน! พวกเจ้าตายแน่ ต้องตายแน่ ๆ คิดว่าหากไม่หวาดกลัวพิษของพวกเราสำนักหมอ ทมิฬแล้วจะสามารถทำลายสำนักหมอทมิฬของพวกเราได้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ? นี่คิดว่าสำนักหมอทมิฬของพวกเรากลายเป็น นกองกำลังระดับสี่ครึ่งด้วยรากฐานเพียงเล็กน้อยได้อย่างไรล่ะ”
“พลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกเรา กำลังจะปรากฏออกมาในไม่ช้านี้แล้ว และพวกเจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน”
การที่สำนักหมอทมิฬสามารถถีบตัวเองจนกลายมาเป็นหนึ่งในกองกำลังระดับสี่ครึ่งได้นั้น ก็ต้องขอบคุณนักปรุงยาขอ องสำนักหมอทมิฬคนนี้และนักปรุงยาคนอื่น ๆ ในสำนักด้วย เพียงแต่ว่าเพราะทรัพยากรส่วนใหญ่ได้ถูกท่านเจ้าสำนักเอา าไปใช้ในห้องทดลองจนหมด ดังนั้นทรัพยากรในการฝึกฝนของคนในสำนักหมอทมิฬเหล่านี้จึงมีเพียงเล็กน้อย และทำให้ความสา ามารถของพวกเขาไม่โดดเด่นนัก
เนื่องจากพวกเขาอาศัยค่ายกลพิษด้วยความมั่นใจว่าจะไม่มีผู้ใดกล้าต่อต้านได้ แต่ความจริงแล้วมันกลับถูกผู้ชายคน นหนึ่งทำลาย และสุดท้ายความตายก็กำลังใกล้เข้ามา
มู่เฉียนซีก็ผงะไปครู่หนึ่งเช่นกัน พลังของอสนีบาตนี้ช่างแข็งแกร่งจริง ๆ!
ครืนนนน!
ในขณะที่สายฟ้านั้นกำลังฟาดลงมา มันก็ได้โจมตีจนทำให้เมืองใต้ดินนั้นเกิดรูขนาดใหญ่เลยทีเดียว และทำให้ห้องทด ดลองใต้ดินอันมืดมิดแห่งนี้ถูกเปิดเผยออกสู่ภายนอกจนหมด
ที่เจ้าสำนักหมอทมิฬเปิดใช้กลไกนี้ ก็เพื่อที่จะฉวยโอกาสในการหลบหนีนั่นเอง
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ชิงอิ่ง ไล่ตามไป! อย่าปล่อยให้เขาหนีไปได้”
“เช่นนั้นเฉียนล่ะ?” ชิงอิ่งกล่าวถาม
“ข้าจะไปเจอกับเจ้าอสนีบาตดำนี่สักหน่อย!” อสนีบาตนี้มีพลังที่แข็งแกร่งกว่าสายฟ้าพิฆาตเป็นอย่างมาก ซึ่งสำหรับร่ างกายของมู่เฉียนซีนั้นมันถือว่าเป็นยาชูกำลังชั้นดีเลยทีเดียว แน่นอนว่ามู่เฉียนซีไม่มีทางพลาดอยู่แล้ว
ชิงอิ่งค่อนข้างวางใจต่อความแข็งแกร่งทางกายภาพของเฉียนมาก เขาจึงกล่าวว่า “เฉียน ระวังตัวด้วย!”
ชิงอิ่งไล่ตามไปทางเจ้าสำนักหมอทมิฬ ส่วนมู่เฉียนซีก็พุ่งทะยานเข้าไป ซึ่งอสนีบาตในเวลานี้ก็กำลังจะผ่าลงมาระลอก กที่สองแล้ว
สายฟ้าสีดำนั้นส่งผลกระทบต่อหัวใจชิงหลง และตอนนี้ชิงหลงก็ไม่มีกระจิตกระใจในการต่อสู้กับศัตรูเลย
ในเวลาเช่นนี้ ขณะที่สายฟ้าสีดำกำลังผ่าลงมาจากท้องฟ้า ชิงหลงก็ได้เห็นร่างเงาอันคุ้นเคยร่างหนึ่งอยู่กลางอากา าศ นั่นมันมู่เฉินซีมิใช่หรือ?
ทำอะไรส่งเดชแบบนี้อีกแล้ว!
แต่เขากลับไม่ได้เป็นกังวลเลยแม้แต่น้อย เพราะผู้หญิงที่ทำอะไรไม่เข้าเรื่องผู้นี้ไม่มีทางปล่อยให้ตนเองถูกโจม มตีจนตายแน่นอน
“ผู้หญิงคนนั้นบ้าไปแล้วหรือ?”
“พระเจ้า! เกิดอะไรขึ้นกับสายฟ้าสีดำอันน่าสะพรึงกลัวนี้กันแน่”
“…”
คนอื่น ๆ ต่างพากันอุทานอย่างตื่นตกใจเช่นกัน
ตอนนี้เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬได้หลบหนีออกมาได้แล้ว แต่ชิงอิ่งก็ยังคงไล่ตามไปอย่างไม่ลดละอยู่ดี
เขาภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ด้วยอสนีบาตเช่นนี้ ทำให้เห็นว่าตัวทดลองที่เขาสร้างออกมานั้นเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งอย่ างน่าเหลือเชื่อมากเพียงใด
น่าเสียดาย ที่สายฟ้าพิฆาตนั้นแข็งแกร่งเกินไป และเขาก็ไม่กล้ามั่นใจว่าตัวทดลองนั้นจะสามารถรอดพ้นไปได้หรือไม ม่
“แม่สาวน้อยคนนั้น…”
เขาเองก็ได้เห็นมู่เฉียนซีที่ถูกอสนีบาตเหล่านั้นห่อหุ้มเอาไว้เช่นกัน “รนหาที่ตายนัก! สายฟ้าพิฆาตเช่นนี้นางยั งจะกล้าเข้าไปเล่นสนุกอีก!”
ครืนนนน!
และเมื่อเสียงอันน่าสะพรึงกลัวดังกึกก้องขึ้นมาอีกครั้ง เมืองใต้ดินนั้นก็ถูกทำให้พังทะลายลงอย่างสิ้นเชิง
เหล่าเด็กน้อยที่ถึงตายแล้วก็ยังไม่อาจไปสู่สุขคติ ที่ถูกวางทิ้งไว้ในถ้ำน้ำแข็งเหล่านั้น ได้หายสาบสูญไปภายใต้ อสนีบาตแห่งการชำระล้างนี้แล้ว
และนี่ก็คือการปลดปล่อยสำหรับพวกเขานั่นเอง
“ฟู่!” อาการเจ็บแปลบแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย จำต้องบอกว่าการผสมผสานพลังหลากหลายชนิดของเจ้าสำนักหมอทมิฬ เพื่อ อใช้ประโยชน์จากพลังวิญญาณมิติและสร้างเด็กคนนั้นออกมา ช่างเป็นเรื่องที่ขัดต่อกฎแห่งสวรรค์มากจริง ๆ
และในตอนที่เขาทำได้สำเร็จ สวรรค์ที่ทนกับสิ่งนี้ไม่ไหวก็ได้สร้างสายฟ้าพิฆาตที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้มา และเมื อเทียบกับสายฟ้าพิฆาตของการเลื่อนขั้นก่อนหน้านั้นมันกลายเป็นเพียงของเด็กเล่นไปเลย
อสนีบาตได้ก่อตัวอยู่กลางอากาศ และพลังอันน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าก็ได้ผ่าลงมาอีกครั้ง
“ต่อสิ!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
พลังของอสนีบาตนี้ทรงพลังมากเป็นพิเศษ และมันก็ทำให้นางรู้สึกว่านางกำลังจะบรรลุได้อีกครั้งแล้ว
ครืนนนน!
มู่เฉียนซีเข้าไปอยู่ท่ามกลางทะเลอสนีบาตสีดำนั่น และทั่วทั้งสำนักหมอทมิฬก็ต้องพบเจอกับการทำลายล้างอย่างสาห หัสด้วยการโจมตีของสายฟ้า
เดิมทีแล้วเป็นสำนักที่ค่อนข้างมั่งคั่งมากสำนักหนึ่ง ทว่าตอนนี้มันได้ถูกทำลายจนยับเยินราวกับซากปรักหักพังแล ล้วอย่างไรอย่างนั้น
“แม่สาวน้อยที่รนหาที่ตายคนนั้นน่าจะตายไปแล้วสินะ!”
“ถูกพลังอสนีบาตที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนั้นโจมตี ไม่ตายก็แปลกแล้วล่ะ”
“…”
อสนีบาตสีดำนั้นกำลังชำระล้างร่างกายของมู่เฉียนซี และในเวลานี้เด็กน้อยที่อยู่ในโลงน้ำแข็งนั้นก็ลืมตาทั้งสองข ข้างขึ้นและเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า และทันใดนั้นเขาก็ได้เห็นผู้หญิงคนนั้นกำลังสกัดกั้นอันตรายทั้งหมดให้กับเขา
เขาเริ่มขยับนิ้ว จากนั้นร่างกายที่แข็งทื่อของเขาก็เปลี่ยนเป็นอ่อนนุ่มลงอย่างช้า ๆ และต่อมาก็เริ่มที่จะเคลื อนไหวได้แล้ว
หลังจากการปะทุของสายฟ้าสีดำนี้ เมฆสีดำบนท้องฟ้าก็สลายหายไป
อสนีสีดำได้ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของมู่เฉียนซี และสุดท้ายก็สลายหายไปอย่างสมบูรณ์
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พัฒนาขึ้นมาอีกหน่อยแล้ว จากนี้ไปน่าจะทนรับการโจมตีของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภ ภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าได้แล้ว”
ในเวลาเช่นนี้ ร่างเงาร่างหนึ่งก็พุ่งทะยานไปทางมู่เฉียนซีอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบก็มิปาน
สีหน้าของมู่เฉียนซีฉายแววจริงจังออกมา จากนั้นนางก็ใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาในการหลบหนี
เด็กน้อยอายุราวเจ็ดถึงแปดปีในชุดสีขาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ และเขาก็ยืนอยู่กลางอากาศด้วยดวงตาที่กล ลมโตของเขา
แต่เนื่องจากมู่เฉียนซีหลบหลีกเขา เขาจึงเอียงศรีษะ และแสดงท่าทางเสียใจมากออกมา