ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2220 ชื่อซูอี้เฟิง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! สำเร็จแล้ว ข้าทำสำเร็จแล้ว! ฆ่าหมอปีศาจให้ข้าเดี๋ยวนี้”
การปรากฏตัวของเด็กน้อย ทำให้เจ้าสำนักหมอทมิฬหัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
ผัวะ!
ชิงอิ่งทุบกระดูกไหล่ของเขาจนหัก และมันก็ทำให้เขาลอยละลิ่วออกไป
และในตอนที่หนุ่มน้อยคนนั้นปรากฏตัว ชิงหลงเองก็ชะงักงันไปทันทีเช่นกัน เขายืนอยู่ตรงนั้นราวกับรูปปั้นหินอย่างไรอย่างนั้น
ในฐานะนักฆ่าคนหนึ่ง การที่สติหลุดในระหว่างทำสงคราม มันไม่เหมือนกับวิธีของการเป็นอันฆ่าอันดับหนึ่งของดินแดนทางทิศตะวันออกอย่างซูอี้ชิงเลยแม้แต่น้อย
แต่ในขณะที่ศัตรูกำลังจะเข้ามาฟาดฟันเขา เงาสีขาวของกรงเล็บก็สว่างวาบขึ้นและทิ้งรอยเลือดไว้บนต้นคอของเขา
ตึงง! และคนผู้นี้ก็ถูกสังหารจนล้มลงไปบนพื้นในชั่วพริบตาเดียว
อู๋ตี้กระโดดออกมาแล้วกล่าวว่า “เจ้าชิงหลง เจ้ามัวตะลึงงันอะไรอยู่น่ะ! เจ้าคิดจะให้เจ้านายของข้ามาเก็บศพเจ้าหรืออย่างไร?”
สำหรับคำพูดของอู๋ตี้แล้ว ชิงหลงไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เพราะสมองของเขาในตอนนี้ว่างเปล่าไปหมดแล้ว
เสี่ยวหงมองไปที่เด็กน้อยที่อยู่กลางอากาศคนนั้นแล้วกล่าวว่า “เจ้าเด็กน้อยคนนั้น หน้าตาไม่เลวเลย แถมงดงามมากอีกด้วย เจ้าชิงหลงนี่คงไม่ได้เป็นโรคจิตหรอกใช่หรือไม่! คิดไม่ถึงว่าจะตกหลุมรักหนุ่มน้อยมนุษย์คนหนึ่งตั้งแต่แรกเห็นเช่นนี้ ช่างมีรสนิยมที่พิเศษจริง ๆ มิแปลกใจเลยที่บอกว่าเจ้านายของข้าขี้เหร่”
ชิงหลงพุ่งทะยานออกไปหาร่างที่อยู่กลางอากาศนั้นในทันที และเจ้าสำนักหมอทมิฬที่ถูดบีบบังคับจนถึงทางตันก็กล่าวขึ้นมาว่า “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ตัวทดลองอันยอดเยี่ยมของข้า เจ้ามีพลังอันแข็งแกร่งมาก ฉะนั้นจงฆ่าพวกเขาซะ! จัดการฆ่าคนที่ต้องการจะกำจัดข้าทั้งหมดเหล่านี้เสีย ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องทำได้อย่างแน่นอน”
นี่เป็นตัวทดลองเดียวที่ประสบความสำเร็จ หากต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากเขา แน่นอนว่าต้องหาทางควบคุมเขาได้อยู่แล้ว เขาเชื่อว่าเด็กน้อยผู้นี้จะต้องไม่มีทางต่อต้านคำสั่งของเขาได้อย่างแน่นอน
ในเวลานี้ เด็กน้อยคนนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหว
เขาพุ่งทะยานไปทางมู่เฉียนซีอีกครั้ง ด้วยความเร็วที่เร็วยิ่งขึ้นไปอีก แม้ว่ามู่เฉียนซีจะใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาก็ยากที่จะหลบหลีกได้อยู่ดี
และมู่เฉียนซีก็ถูกจับจนได้!
“เฉียน!”
ชิงอิ่งไม่สนใจที่จะมองเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬอีกต่อไป เขาพุ่งตรงไปทางมู่เฉียนซี เพื่อเตรียมจะจัดการกับเด็กน้อยคนนั้น
“หยุดนะ!” ในตอนที่ชิงอิ่งกำลังจะลงมือ ชิงหลงก็พุ่งทะยานเข้ามาอย่างเต็มกำลัง
และเด็กน้อยคนนั้นทำเพียงแค่จับแขนเสื้อของมู่เฉียนซีเอาไว้เท่านั้น หลังจากนั้นก็กล่าวอย่างสับสนว่า “พี่สาว ตาลุงคนนั้นกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่อย่างนั้นหรือ?”
“ข้าจะต้องทำอย่างนั้นด้วยหรือ?”
ด้วยเสียงใสกังวานที่ไร้เดียงสาของเด็กน้อย หากไม่เคยเห็นเขาอยู่ในห้องทดลองที่น่ากลัวนั้นมาก่อน มู่เฉียนซีต้องคิดว่าเขาเป็นเพียงแค่เด็กธรรมดาคนหนึ่งอย่างแน่นอน
เขาไม่มีเจตนาฆ่าต่อนางเลย อีกทั้งยังมีแววตาที่เต็มไปด้วยความไว้ใจอีกด้วย
พรวด!
เด็กน้อยผู้นี้ไม่ตอบสนองต่อคำสั่งเขาเลยแม้แต่น้อย แต่กลับสนิทสนมกับมู่เฉินซีมากขึ้นไปอีก ซึ่งมันก็ทำให้เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬโกรธจนกระอักเลือดออกมาเลยทีเดียว
“มู่เฉินซี เจ้าทำอะไรกับตัวทดลองของข้ากันแน่?” เขาคำรามกล่าว
เหตุใดถึงได้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น หมอปีศาจน่ากลัวถึงขนาดนั้นเลยอย่างนั้นหรือ? แต่เห็นอยู่ชัด ๆ ว่านางยังอายุน้อยอยู่เลย
เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬคิดไม่ออกเลยจริง ๆ!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “คราวนี้เจ้าคิดผิดแล้วล่ะ เพราะข้าไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ!”
นางไม่รู้ว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นกับเด็กน้อยคนนี้กันแน่ และคงต้องรอให้สถานการณ์ทางนี้จบลงก่อนถึงจะสามารถตรวจสอบอย่างละเอียดได้
พลังของกระบี่อันเฉียบคมพุ่งจู่โจมไปในอากาศ และกระบี่นี้ก็เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าอันน่าสะพรึงกลัวของชิงหลง
สีหน้าของเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬเปลี่ยนไปมากทันที และเขาก็กลิ้งไปบนพื้นเพื่อหลบหลีกมัน
โชคยังดีว่าความสามารถของเขาอยู่ในระดับที่สูงกว่าชิงหลงมาก นอกจากนี้ยังอยู่กันไกลถึงขนาดนี้ ดังนั้นจึงทำให้สามารถรอดจากความตายไปได้
มิเช่นนั้นคงต้องตายแน่นอน!
“เขาไม่ใช่ตัวทดลองนะ!”
แม้ว่าใบหน้านั้นจะแข็งทื่อเป็นอย่างมาก แต่กลับมีเปลวเพลิงกำลังลุกโชนอยู่ในด้วยตาที่เย็นยะเยือกคู่นั้นของเขา
ชิงหลงกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “มู่เฉินซี ช่วยข้าดูแลอี้เฟิงหน่อย ข้าจะไปฆ่าไอ้แก่นั่นก่อน”
ทันทีที่พูดจบ ซูอี้ชิงก็ยกกระบี่ขึ้นและพุ่งทะยานไปยังเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬทันที
ในเวลานี้ซูอี้ชิงเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก และทนที่จะหั่นเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬเป็นหมื่น ๆ ชิ้นไม่ไหวแล้ว
เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬกล่าวอย่างตื่นตกใจว่า “อี้เฟิง ข้าจำได้ว่าตอนที่ตัวทดลองนั้นพึ่งมาถึงจะมีชื่อนี้อยู่นะ ดูเหมือนว่าจะเป็นซูอี้เฟิง จะ…เจ้ารู้ชื่อของเขา หรือว่า…”
“หรือว่าเจ้าเป็นคนที่หนีออกไปได้คนแรกอย่างนั้นหรือ!”
นับตั้งแต่ที่เขาได้ค้นพบความลับอันยิ่งใหญ่นั้น เขาก็ได้ทำการศึกษาวิจัยมาโดยตลอด และมีความระมัดระวังมาตั้งแต่แรก ฉะนั้นเขาก็ต้องค้นหาเด็กที่ไม่มีพ่อแม่ หรือว่าไร้ที่พึ่งแน่นอนอยู่แล้ว
พวกของซูอี้เฟิงพี่น้องก็เช่นเดียวกัน เพราะเด็กเหล่านี้แม้ว่าจะหายสาบสูญไปก็ไม่มีผู้ใดมาคอยสนใจอยู่ดี ดังนั้นมันจึงเป็นไปอย่างราบรื่นมาโดยตลอด
และเนื่องจากว่าพวกเขาอ่อนแอเกินไป อีกทั้งการป้องกันยังไม่ค่อยเข้มงวดเท่าไรนัก จึงทำให้ตอนนั้นมีเด็กคนหนึ่งที่สามารถหนีออกไปได้
เพียงแต่เขาได้กลายเป็นตัวทดลองที่ล้มเหลวไปแล้ว ฉะนั้นถึงแม้ว่าจะหนีไป แต่ก็คิดว่าเขาน่าจะตายอยู่ในหุบเขาเล็ก ๆ สักแห่งเท่านั้น และแม้แต่คนไปกำจัดศพยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ นอกจากนี้เขายังไม่กลัวว่าเรื่องที่จะถูกแพร่ออกไปอีกด้วย เพราะสำนักหมอทมิฬของพวกเขาเพียงแค่คอยเฝ้าดูอย่างเข้มงวดขึ้นอีกหน่อยก็พอแล้ว
แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า เด็กน้อยคนนั้นยังคงมีชีวิตอยู่ อีกทั้งยังกลับมาแก้แค้นสำนักหมอทมิฬ และบีบบังคับสำนักหมอทมิฬของเขาจนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้อีกด้วย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! เจ้าอยากแก้แค้นอย่างนั้นหรือ? ไม่มีประโยชน์หรอก ข้าทำสำเร็จแล้ว น้องชายของเจ้าในตอนนี้ก็จำเจ้าไม่ได้แล้วเช่นกัน เพราะเขาคือสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งที่ข้าเป็นคนสร้างขึ้นมาอย่างไรล่ะ” เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬหัวเราะออกมา
“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า และถึงแม้ว่าข้าจะฆ่าเจ้าต่อหน้าเขา เขาก็จะไม่สนใจเจ้าอยู่ดี”
มู่เฉียนซีผงะไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าชิงหลงจะเคยผ่านเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน และเด็กน้อยที่ชื่อว่าซูอี้เฟิงตรงหน้านี้ก็คือน้อยชายของเขา!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ชิงอิ่ง เจ้าไปช่วยชิงหลงกำจัดเจ้าขยะนั่นเถอะ”
ทุกกระบวนท่าของเขานั้นล้วนเป็นกระบวนท่าสังหารทั้งนั้น อีกทั้งยังลงมืออย่างไร้ความปรานีอีกด้วย!
อีกฝ่ายเป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณ ส่วนเขาเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แม้ว่าเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬจะได้รับบาดเจ็บก็ยังรับมือได้ยากอยู่ดี
ชิงอิ่งมองไปทางมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “ขอรับ!”
ชิงอิ่งพุ่งทะยานไปทางเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬด้วยความเร็วจนกลายเป็นภาพมายา เมื่อเจ้าคนที่อันตรายเช่นนี้เข้ามาใกล้อีกครั้ง แล้วเขาจะยังยิ้มออกได้อย่างไรกัน
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ
เมื่อเห็นว่าเขาใกล้จะตายแล้ว เขาก็ได้ออกคำสั่งอีกครั้ง “ซูอี้เฟิง ข้าคือเจ้านายของเจ้า เจ้าจำเป็นที่จะต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้า ฆ่าพวกมัน…ฆ่าพวกมันซะ…”
ถึงซูอี้เฟิงจะได้ยินคำสั่งเช่นนี้แล้วก็ตาม แต่เขากลับไม่ได้ทำตามแต่อย่างใด
อีกทั้งเขายังหันมาถามมู่เฉียนซีด้วยว่า “พี่สาว ข้าจะต้องฟังคำพูดของเขาหรือไม่ขอรับ!”
เด็กน้อยที่น่าเอ็นดูเช่นนี้ทำให้ใจสั่นได้จริง ๆ มู่เฉียนซีเอามือลูบผมของเขาพลางกล่าวว่า “เจ้าหมอนั่นคือคนเลว อย่าไปฟังคำพูดของเขาเลย รอให้พี่ชายของเจ้าแก้แค้นให้เจ้าเถอะ”
“พี่ชาย…” ซูอี้เฟิงบ่นพึมพำด้วยเสียงที่แผ่วเบา ซึ่งในสมองของเขาตอนนี้มีแต่ความว่างเปล่าเท่านั้น
“พี่ชาย เป็นเขาหรือว่าเขา?” แววตาของเขาจ้องมองไปที่ชิงหลงและชิงอิ่ง
ดูเหมือนว่าเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬจะไม่ได้โกหก เพราะตอนนี้ซูอี้เฟิงได้ลืมเลือนพี่ชายของตนเองไปแล้วจริง ๆ
ชิงหลงที่ใส่ใจน้องชายของตนเองมากถึงเพียงนี้ หากรู้ว่าเจ้าเด็กน้อยนี่จำเขาไม่ได้ จะรู้สึกเจ็บปวดมากเพียงใดกัน?
“ซูอี้เฟิง เจ้าเป็นของข้า เป็นของข้านะ เหตุใดเจ้าถึงไม่เชื่อฟังคำสั่งของข้าล่ะ” เจ้าสำนักหมอทมิฬคำรามร้องออกมา
และนอกจากนี้ซูอี้เฟิงก็ยังฟังคำสั่งของมู่เฉียนซีอย่างเชื่อฟังอีกด้วย ซึ่งนี่ทำให้เขาไม่เข้าใจมันอย่างสิ้นเชิง
อัจฉริยะผู้ทรงพลังที่ตนเองสร้างออกมาตอนนี้ได้กลายเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงตัวน้อยที่เอาแต่ฟังคำสั่งของมู่เฉินซีไปแล้วก็มิปาน และสิ่งนี้ก็ได้ทำให้เจ้าสำนักหมอทมิฬหมดสติไปด้วยความโกรธแค้น
.