ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2221 ห้าอสรพิษ
“ท่านเจ้าสำนัก พวกเรารีบถอยกันเถอะขอรับ! พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลย”
“ตราบใดมีชีวิต ที่นั่นย่อมต้องมีความหวัง!”
“ท่านเจ้าสำนัก…”
คนของสำนักหมอทมิฬในเวลานี้ถูกฆ่าจนหวาดกลัวไปหมดแล้ว บวกกับที่เจ้าสำนักของพวกเขาไม่มีแม้กระทั่งวิธีการที่จะ จัดการกับคนเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย ฉะนั้นพวกเขาจึงเตรียมที่จะใช้กลยุทธ์หลบหนีกันก่อน
แต่ทว่าเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬยังไม่คิดที่จะยอมแพ้น่ะสิ!
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อยากที่จะปล่อยพวกเขาไป อีกทั้งยังไม่อยากให้อัจฉริยะที่เขาสร้างออกมาอย่างยากลำบากตลอดเ เวลายี่สิบกว่าปีนี้ตกอยู่ในมือของมู่เฉินซีอีกด้วย
มีเส้นเลือดบูดขึ้นมาในดวงตาของเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬ เขากล่าวว่า “มู่เฉินซี คุณชายชิงหลง พวกเจ้าคิดว่าพวก กเจ้าชนะแล้วอย่างนั้นหรือ? ยังหรอก ฮ่า ฮ่า ฮ่า! พวกเจ้าจะชนะได้อย่างไรล่ะ พวกเจ้าคิดอยากจะทำลายสำนักหมอทมิฬข ของข้าเมื่อไรก็จะต้องทำลายได้อย่างนั้นหรือ?”
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!
เจ้าหมอนี่ก็เป็นผู้ที่โหดเหี้ยมคนหนึ่งเช่นกัน เพราะเขาได้ตัดแขนทั้งสองข้างของตนเองออกด้วยการตวัดกระบี่
เลือดสด ๆ สาดกระเซ็นออกมา จากนั้นเขาก็โยนแขนทั้งสองข้างของเขาขึ้นไปกลางอากาศ และในขณะที่โยนออกไปนั้นก็มี ผนึกสีดำปรากฏออกมา
“ไม่นะ! ท่านเจ้าสำนัก ไม่!” และในตอนที่เขาทำสิ่งเหล่านี้ ผู้อาวุโสใหญ่ที่กำลังต่อสู้อยู่ก็ได้ตะโกนร้องออกมา ด้วยความหวาดกลัว
“ท่านเจ้าสำนัก นี่ท่านบ้าไปแล้วหรือ! บ้าไปแล้ว!”
“ท่านสามารถปล่อยเจ้าสิ่งนั้นออกมาได้อย่างไร! ท่าน…”
“พวกเจ้าทุกคนจงตายไปเสียเถอะ! ตายไปซะ! ตายไปด้วยกันเสียเถอะ!”
“ค่ายกลทำลายล้างเบญจพิษ ทำลาย!”
ปัง ปัง ปัง!
แขนของเขาพร้อมทั้งผนึกนั้นได้ระเบิดขึ้นมากลางอากาศในทันที และค่ายสีแดงเลือดก็ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งเทือกเขาที เป็นที่ตั้งของสำนักหมอทมิฬ
ครืนนน โครมมม!
และจากนั้นก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้นอย่างฉับพลัน จนทำให้ปรากฏรอยแตกร้าวไปทั่วทั้งเทือกเขาของสำนักหมอทมิฬแห่งนี้
และท่ามกลางรอยแตกร้าวเหล่านั้นก็มีไอพิษสีดำแพร่กระจายออกมา ซึ่งมันก็ได้ปกคลุมไปทั่วทุกหนทุกแห่งในทันที
ทันใดนั้น พลังชีวิตที่อยู่โดยรอบก็ถูกตัดขาดไปอย่างกะทันหัน!
ปัง!
ชิงอิ่งได้โยนเจ้าสำนักหมอทมิฬออกไป จากนั้นก็มาอยู่ข้างกายของมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “เฉียน พวกเราไปกันเถอะ! !”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ไปหรือ! พวกเจ้าไปไหนไม่รอดหรอก พวกเจ้าจะหนีไปได้อย่างไรกัน” และเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬก็หัวเราะ ะออกมาอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
ชิงอิ่งต้องการที่จะปล่อยเขาไป แต่ซูอี้ชิงกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น
ในขณะที่เขาเตรียมจะลงมือ มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “ซูอี้ชิง ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธมาก! แต่หากเจ้าพร้อมที่จะแก้แค้นไม่ ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เช่นนั้นเจ้าก็คิดที่จะทอดทิ้งพี่น้องของพวกเจ้าด้วยอย่างนั้นหรือ? เจ้าไม่สนใจพวกเขา แล้วหรืออย่างไร?”
“กำลังจะเกิดปัญหาใหญ่แล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาแก้แค้นหรอกนะ!”
ไอพิษที่น่าสะพรึงกลัวนั้น เต็มไปด้วยกลิ่นอายของพลังแห่งความตาย
ด้วยวิธีเปื้อนเลือดเช่นนี้ของเจ้าสำนักหมอทมิฬ มันดูเหมือนว่าเขาต้องการที่จะปลดปล่อยสัตว์ร้ายตัวหนึ่งออกมา
“คนของหอหมอปีศาจ รวมไปถึงคนของชิงหลง มารวมกันตรงนี้ให้หมด ไม่ต้องสู้แล้ว!”
และคนของสำนักหมอทมิฬในเวลานี้ต่างหวาดกลัวจนแข้งขาอ่อนยวบกันไปหมดแล้ว พวกเขาทั้งตอบโต้ไม่ได้ อยากจะหนีก็ หนีไม่พ้น และพิษภายนอกก็รุนแรงมากขึ้นอีกด้วย
ส่วนชิงหลงในตอนนี้ก็ได้สติกลับมาแล้วเช่นนั้น เขาได้ปล่อยเจ้าสำนักหมอทมิฬไปก่อน จากนั้นก็ให้คนของเขารีบไ ไปรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
ชิงหลงกล่าวถามว่า “มู่เฉินซี เจ้ามีวิธีในการโต้ตอบสถานการณ์ตอนนี้หรือไม่?”
“ข้ายังไม่เข้าใจพิษนั้นอย่างถ่องแท้เลย เพียงแต่ตอนนี้ข้าต้องการที่จะกลั่นยา ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสก กัดกั้นพิษนั้นของเขาให้ได้มากที่สุด”
ในตอนที่ทุกคนได้มาถึงหมดแล้ว มู่เฉียนซีก็ได้หยิบเอาหม้อหยินหยางสองขั้วออกมาเพื่อเตรียมกลั่นยา
“ท่านเจ้าสำนัก…นี่ท่านเลอะเลือนไปแล้วหรือ! ท่านเจ้าสำนัก…”
ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักหมอทมิฬวิ่งหัวซุกหัวซุนเข้ามา จากนั้นก็จับเจ้าสำนักเอาไว้พร้อมตะโกนกล่าวด้วยความโกรธเคื อง
เจ้าสำนักหมอทมิฬกล่าวว่า “ข้าเลอะเลือนหรือ! ผู้อาวุโสใหญ่ เจ้าไม่รู้ว่าข้ามีความคับแค้นใจมากเพียงใดอย่างนั้นหร รือ! ข้าใช้ความพยายามอย่างยากลำบาก อีกทั้งยังขยันขันแข็งมานานเพียงนี้ และเห็นอยู่ว่ามันสำเร็จแล้ว แต่กลับต้อ องมาถูกทำลายด้วยแผนสกปรกของหมอปีศาจ ทั้งยังมาแย่งทุกสิ่งอย่างของข้าไปอีก!”
“ข้าแค้นใจ! เห็นอยู่ว่าเคล็ดวิชาปรุงยาของข้ายอดเยี่ยมถึงขนาดนั้น แต่มันกลับด้อยกว่าหมอปีศาจมากนัก ข้าอิจ จฉานาง ทั้งเกลียดและอิจฉาจนอยากที่จะลากนางให้ตายไปพร้อม ๆ กับข้า!”
“แทนที่จะปล่อยให้พวกเขามาทำลายสำนักหมอทมิฬ และหายสาบสูญไปอย่างเงียบ ๆ ไม่สู้หายไปอย่างโด่งดังสักหน่อย ด้วยวิธ ธีการเช่นนี้ชื่อเสียงของสำนักหมอทมิฬจะได้โด่งดังอยู่ในแดนซวนเทียนไปอีกหมื่นปีอย่างไรล่ะ”
ในเมื่อความฝันและความมั่นใจในการต่อสู้ของตนเองถูกทำลาย จึงทำให้เจ้าสำนักหมอทมิฬหมดหนทางจนต้องทำเรื่องที่ส สุดขั้วเช่นนี้ออกมา
“แต่พวกข้ายังไม่อยากตาย ผู้คนของสำนักหมอทมิฬตั้งมากมาย ที่ยังมีชีวิตอยู่ ท่าน…ท่านคิดจะเสียสละพวกเขาทั งหมดเลยหรืออย่างไร ถึงได้คิดที่จะปล่อยสัตว์ประหลาดเช่นนั้นออกมา และทำให้พวกเรากลายเป็นเครื่องเซ่นไหว้อย่างนั้น นหรือ?”
“นั่นคือเกียรติยศของพวกเจ้า เกียรติยศ ว่ะฮ่ะฮ่า! ชาติหน้า…ชาติหน้าข้าจะต้องทำการทดลองที่ยิ่งใหญ่นี้ให้สำเร็จ อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังสมบูรณ์แบบอีกด้วย ข้าสามารถทำได้ ทำได้แน่…”
เจ้าสำนักหมอทมิฬได้กลายเป็นคนบ้าไปอย่างสมบูรณ์แล้ว
ชิงหลงตรงเข้าไปจับผู้อาวุโสใหญ่ไว้ทันที “พูดมา! สำนักหมอทมิฬของพวกเจ้ากำลังจะปลดปล่อยอะไรออกมากันแน่?”
ครืนนนน!
พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขึ้นมาทันที จากนั้นรอยร้าวที่อยู่บนพื้นดินก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
ท่ามกลางรอยแตกนั้นมีด้ายสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา และเส้นด้ายเหล่านั้นก็มาดึงต้นขาที่อ่อนยวบของคนที่ห หวาดกลัวเหล่านั้นไป
สีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่หวาดกลัวจนขาวซีด และจากนั้นก็นั่งลงบนพื้นด้วยร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงพลางกล่าวว่า “มัน นคือ…คือห้าอสรพิษ เมื่อหมื่นปีก่อนหน้านี้ กองกำลังระดับหกได้ผนึกสัตว์ร้ายนั้นไว้ใต้ดินของเทือกเขาแห่งนี้ ซึ่งมันก็คือเหตุผลที่เจ้าสำนักหมอทมิฬของพวกเราเลือกที่จะตั้งสำนักที่นี่ เพราะคิดว่าไอพิษตามธรมมชาตินี้ จะนำมาใช้ประโยชน์ในการคุ้มครองสำนักของพวกเรา ทั้งยังไม่ต้องกลัวที่จะถูกสำนักอื่นโจมตี และนอกจากนี้สถานที่แ แห่งนี้ยังทำให้ฝึกฝนทักษะพิษได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย”
สถานที่ตั่งสำนักแห่งนี้ แน่นอนว่าถึงจะมีความเสี่ยงแต่ก็ได้รับผลประโยชน์ที่ไม่เลวในเวลาเดียวกันด้วย
นอกจากนี้พวกเขายังสามารถหาวิธีในการทำลายผนึกได้อีกด้วย แต่ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬรุ่นใดก็ไ ไม่เคยคิดที่จะปล่อยสิ่งที่อันตรายเช่นนี้มาก่อนเลย
แต่ทว่าในตอนนี้ เจ้าสำนักของพวกเขาได้บ้าไปแล้ว ที่ได้ทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้!
แต่ตอนนี้ในแดนซวนเทียนไม่มีกองกำลังระดับหกอยู่อีกแล้ว หากห้าอสรพิษนั้นปรากฏตัวออกมา ซึ่งหลังจากนั้นมันก็ฟื นฟูความสามารถของมันจนกลับมา และในแดนซวนเทียนก็ไม่มีกองกำลังใดสามารถผนึกมันได้อีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นก ก็ไม่รู้ว่าทั่วทั้งแดนซวนเทียนจะต้องมีคนตายไปมากมายเพียงใด
“แมงมุมตื่นขึ้นมาแล้ว จบแน่ จบเห่แน่นอนเลย!”
ใยสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนได้ผูกมัดพวกเขาเอาไว้ ชิงหลงกล่าวว่า “ลงมือ! ลองใช้มันทุกพลังธาตุเลย ลองหาจุดอ่อนของ มันดู”
เส้นใยของแมงมุมเหล่านั้นน่ารำคาญเป็นพิเศษ แม้ว่าจะใช้เปลวเพลิงก็ไม่สามารถแผดเผามันได้ ซึ่งมันรับมือได้ยากเป็นอ อย่างมาก
“ลองอันนี้!”
มู่เฉียนซีที่กำลังกลั่นยาอยู่ ก็ได้โยนยาที่ใช้ในการป้องกันพิษออกไป และยาที่ได้กลั่นไปนั้นก็สามารถจัดการ ใยแมงมุมได้อย่างรวดเร็ว
พรวดดดด!
ยานั้นสามารถกัดกร่อนใยแมงมุมเหล่านั้นได้ แม้ว่าความเร็วมันจะช้าไปหน่อย แต่ผลของมันก็ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้พวกเขาไม่ต้องถูกห่อเอาไว้จนกลายเป็นรังไหมด้วยการโจมตีอันบ้าคลั่งของใยแมงมุมนี้ อีกแล้ว
“ฟ่อ ฟ่อ ฟ่อ!” เพิ่งจะหาทางในการจัดการกับใยแมงมุมเหล่านี้ได้ ผลสุดท้ายงูจำนวนนับไม่ถ้วนก็เลื้อยออกมาจากรอยแ แตกนั้นด้วย
“งะ..งูตื่นแล้ว!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จะต้องกลั่นยาที่มีผลในการขับไล่งูอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดให้ได้โดยเร็ว!”
หลังจากที่งูตื่นขึ้นมาแล้ว สิ่งที่ตื่นขึ้นมาต่อไปก็จะเป็นแมงป่อง ตะขาบ และยังมีคางคกอีกด้วย
ทั่วทั้งเทือกเขา เต็มไปด้วยสัตว์พิษอยู่ทั่วทุกหนแห่ง และคนของสำนักหมอทมิฬส่วนใหญ่ก็ถูกจับไปเป็นเครื่องสังเ เวยแล้ว
และมีเพียงพวกของมู่เฉียนซีเท่านั้นที่ยังคงร่วมแรงร่วมใจกันต่อการสัตว์พิษเหล่านั้น โดยที่ได้รับการสนับสนุนจา ากยาที่มีฤทธิ์พิเศษของมู่เฉียนซีอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
เมื่อเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬได้เห็นสิ่งเหล่านนี้แล้ว เขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที และคนที่บ้าคลั่งไปแ แล้วอย่างเขาก็ได้ถูกความกลัวทำให้สงบลง จนในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าตนเองได้สัตว์ประหลาดเช่นนี้ออกมา
“อ๊ากกก! ไสหัวออกไป!” เขากรีดร้องอย่างน่าเวทนา