ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2222 ประสบปัญหาใหญ่
“ข้าทำความดีครั้งใหญ่ด้วยการปลดปล่อยพวกเจ้าออกมา ไม่ตอบแทนยังพอว่า นี่คิดจะให้ข้ากลายเป็นเครื่องสังเวยด้วยอีกอย่างนั้นรึ พวกเจ้านี่มันช่างเนรคุณจริง ๆ เลย!”
“ไสหัวไป!”
ปัง ปัง ปัง!
ในตอนที่เผชิญหน้ากับการโจมตีรอบด้าน เจ้าสำนักหมอทมิฬก็ขับไล่พวกอสรพิษไปพร้อมทั้งกรนด่าไปด้วย และด้วยความสามารถของเขาจึงทำให้ฝืนไปได้ชั่วครู่หนึ่งเท่านั้น
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าห้าอสรพิษจะโจมตีแม้แต่คนที่ปลดปล่อยพวกมันออกมาด้วยเช่นนี้ นี่มันไม่ต่างกับการโจมตีมั่วซั่วไปหมดเลยนี่!
เขาเสียใจ ทว่าเมื่อรู้สึกเสียใจภายหลังก็ไม่ทันแล้วจริง ๆ
รู้อย่างนี้หนีไปตั้งหลักเสียตั้งแต่แรกดีกว่า อย่างไรเสียเขาก็เป็นถึงนักปรุงยาขั้นศักดิ์สิทธิ์ หากต้องการความแข็งแกร่งก็มีความแข็งแกร่ง หากต้องการความสามารถก็มีความสามารถ หรือหากต้องการสายเลือดก็มีสายเลือดอยู่แล้ว! เหตุใดถึงได้เดินมาจนถึงจุดนี้ได้กันนะ?
จะมาเสียใจเอาตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะเจ้าพวกอสรพิษเหล่านี้ไม่ฟังคำสั่งของเขาเลย
เขากล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “หมอปีศาจ! ท่านหมอปีศาจได้โปรดช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วยเถิด! ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”
ในเมื่อไม่มีประโยชน์ที่จะขอความเมตตาจากพวกอสรพิษเหล่านี้ เช่นนั้นจึงต้องร้องขอความเมตตาจากมนุษย์ด้วยกันเท่านั้นแล้ว
บางทีถึงความแข็งแกร่งของมู่เฉินซีจะไม่แข็งแกร่งนัก แต่เขารู้ดีว่าความสามารถของนางนั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
ตอนนี้มู่เฉียนซีกำลังกลั่นยาที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นแข่งกับเวลา และคิดหาทางที่จะรักษาชีวิตของพวกเขาเอาไว้ ฉะนั้นจะเอาไปเวลาที่ไหนไปคอยช่วยตัวต้นเรื่องอย่างเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬกันเล่า?
ชิงหลงกล่าวว่า “เจ้าค่อย ๆ ถูกทรมานไปอย่างช้า ๆ เถอะ! ข้าไม่มีทางช่วยเจ้าหรอก”
หากจะฆ่าเขาให้ตายด้วยดาบเดียวก็ดูจะสบายเกินไปสักหน่อย ปล่อยให้กรรมตามสนองเขา และถูกเจ้าพวกอสรพิษเหล่านั้นกลืนกินไป นั่นก็ถือว่าเป็นวิธีการตายที่ไม่เลวเลยทีเดียว
เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬกล่าวว่า “ไม่ได้! ข้าจะตายไม่ได้ ซูอี้ชิง เจ้าต้องช่วยข้าสิ! ข้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับน้องชายของเจ้า ตัวเขายังไม่ประสบความสำเร็จเลยไม่ใช่หรือ? หากเจ้าปล่อยให้ข้าตาย น้อยชายของเจ้าก็จะต้องตายในไม่ช้า ขอเพียงแค่ข้ามีชีวิตอยู่ ข้าถึงจะสามารถหาทางให้น้องชายของเจ้ามีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น และยังทำให้เขายอดเยี่ยมมากขึ้นอีกด้วย”
นัยน์ตาของชิงหลงหดลงอย่างกะทันหัน เขามองไปทางเด็กน้อยที่คอยปกป้องอยู่ข้างกายมู่เฉินซีอย่างเงียบงันคนนั้น
ชิงหลงไม่ได้สนใจเขาอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้เขาสำหรับชิงหลงแล้วก็เป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้น
แต่ทว่าเขาจะไม่สนใจน้องชายของตนเองได้อย่างไรกัน?
เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬกำลังข่มขู่เขา และการข่มขู่เช่นนี้ของเขาก็ทำให้ชิงหลงอยากจะฆ่าคนจริง ๆ แต่เขาก็ไม่อาจที่จะเดิมพันได้อยู่ดี
และการที่เขาสามารถได้เจอกับอี้เฟิงได้อีกครั้ง มันช่างเป็นฝันที่เขาไม่มีทางที่จะฝันถึงได้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว
เขากับอี้เฟิงเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน ตอนนี้เขาเติบโตมาเป็นชายหนุ่มที่แข็งแกร่งแล้ว แต่อี้เฟิงยังคงมีรูปลักษณ์ที่เหมือนกับตอนที่พวกเขาแยกจากกันอยู่เลย
นี่มันต้องไม่ปกติแน่นอนอยู่แล้ว!
ร่างเงาสีดำสว่างวาบขึ้น จากนั้นชิงหลงก็ไปพาเจ้าสำนักหมอทมิฬกลับมา
“เฝ้าเขาเอาไว้ อย่าให้เขาสามารถทำอะไรได้อีก!”
“ขอรับ!”
เพื่อที่จะจัดการกับพิษทั้งหมดที่โผล่ออกมาเหล่านี้ พวกเขาสามารถฝืนยืนหยัดเอาไว้ได้ แต่ทว่าอันตรายที่แท้จริงยังมาไม่ถึงเลย
ตูมมม!
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมา ยอดเขาสูงลูกแรกพังทลายลงมาทันที จากนั้นมันก็ยุบลงไป และพิษที่น่าสะพรึงกลัวก็พวยพุ่งออกมา
เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าตอนนี้เป็นเวลากลางวัน แต่ทว่าท้องฟ้ากลับมืดลงแล้ว
เวลากำลังจะหมดลงแล้ว แต่ยาแก้พิษก็ยังกลั่นออกมาไม่ได้เลย
ฉะนั้นจึงทำให้พวกเขาไม่มีหนทางป้องกันพลังวิญญาณที่อาบไปด้วยพิษนี้ได้เลย “แค่ก แค่ก แค่ก!”
ทุกคนล้วนได้รับพิษกันไปถ้วนหน้า เพราะมีมู่เฉียนซีคอยเตรียมยาถอนพิษเอาไว้ให้จึงทำให้พวกเราไม่ต้องตายในทันที แต่ทว่ามันก็ทนเอาไว้ได้อีกไม่นานเท่าไรนัก
ร่างกายของมู่เฉียนซีก็ทรมานเล็กน้อยกับพิษเหล่านี้เช่นกัน และชิงอิ่งที่ทนเห็นนางทรมานไม่ได้ ก็มีลำแสงสีเขียวส่องประกายออกมาจากภายในดวงตาสีดำสนิทของเขา
เพียงแค่เขาโบกมือเล็กน้อย ลำแสงสีเขียวอ่อนก็ระเบิดออกมาทันที
ภายในบริเวณหนึ่งร้อยเมตรถูกปกคลุมไปด้วยลำแสงนั้น และไอพิษที่เต็มไปด้วยความตายนั้นก็ไม่สามารถเข้ามาใกล้ได้แม้แต่คืบเดียว
ผู้คนที่นอนอยู่บนพื้นสูดหายใจลึกเข้าปอด สุดท้ายแล้วร่างกายของพวกเขาก็รู้สึกดีขึ้นมามากเลยทีเดียว
“พลังนี้ช่างสบายเหลือเกิน!”
“ช่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ!”
เมื่ออยู่ภายใต้การปกคลุมของพลังชีวิตเช่นนี้ ไอพิษที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายก็ไม่มีทางเข้ามาข้างในนี้ได้อีกต่อไป
นอกจากนี้แมลงพิษเหล่านั้นก็ไม่มีทางเข้ามาใกล้มู่เฉียนซีได้เช่นกัน และไม่สามารถมารบกวนการค้นคว้ายาที่ใช้จัดการกับสิ่งเหล่านี้ได้อีกแล้ว
เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬมองดูทั้งหมดนี้ด้วยความตื่นตะลึง “นี่…นี่คือพลังชีวิตอย่างนั้นหรือ? หากข้านำพลังชีวิตเหล่านี้ใส่เข้าไปในร่างกายของมนุษย์ หลังจากนั้น…”
เมื่อได้เห็นพลังที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬก็อดที่จะมีความคิดอันบิดเบี้ยวต่าง ๆ นานาไม่ได้
“หุบปากซะ!”
ฟิ้วว!
มีเสียงแหวกอากาศดังออกมา จากนั้นเข็มยาเข็มนึงก็ปักลงตรงจุดฝังเข็มที่มุมปากของเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬอย่างแม่นยำ และมันก็ทำให้เขาพูดออกมาไม่ได้อีก
กล้ามีความคิดที่จะโจมตีชิงอิ่งต่อหน้านางเช่นนี้ เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬคงไม่อยากจะมีชีวิตแล้วจริง ๆ สินะ
ตูมมม!
และเสียงสะเทือนอันน่าสะพรึงกลัวก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ทันใดนั้นก็มีสิ่งที่มีขนาดใหญ่มหึมาก็ปรากฏตัวขึ้นมากลางอากาศ
การปรากฏตัวของมันบดบังดวงอาทิตย์เอาไว้ และอสรพิษทั้งห้าชนิดทั้งแมงป่อง งู ตะขาบ คางคกและแมงมุมก็ได้เริ่มรวมตัวกันขึ้นมา ซึ่งดูแล้วทำให้รู้สึกน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง
“ฟ่ออ!”
มันส่งเสียงขู่ของงูออกมา และก็แสดงท่าทางที่รังเกียจอย่างผิดปกติต่อโล่ป้องกันที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตนั้นอีกด้วย ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะมันต้องการกินมนุษย์ที่เป็นเครื่องสังเวยที่อยู่ภายในนั้นทั้งหมดนั่นเอง
แมงป่องเหวี่ยงหางของมันไปในอากาศ และบริเวณโดยรอบก็มีพายุหมุนเกิดขึ้น
ตูมมม!
มีเสียงดังกึกก้องขึ้นมาอีกครั้ง และพายุหมุนสีดำก็ได้จู่โจมเข้าใส่โล่ป้องกันสีเขียวอ่อนที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตนั้น ซึ่งนี่ก็ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปเป็นอย่างมากในทันที
แต่ก็ยังโชคดีว่า ห้าอสรพิษนี้กลับไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ และมันไม่มีทางใช้พายุฝนทำลายการป้องกันด้วยพลังแห่งชีวิตนี้ได้อย่างที่ตั้งใจอีกด้วย
เนื่องจากมันเริ่มเกรี้ยวกราด ฉะนั้นจึงใช้ตัวของมันกระแทกเข้ากับโล่ป้องกันนี้อย่างแรง
ไอพิษที่ระเบิดออกมานั้นเพียงพอที่จะทำลายบริเวณโดยรอบจนหมดสิ้นได้ และนอกจากนี้มันยังคงหลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
“จะ…เจ้าสัตว์ประหลาดนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว เกรงว่าต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณขั้นสูงสุดก็จะสามารถต่อสู้กับพวกมันได้!”
“ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณขั้นสูงสุดก็เกรงว่าน่าจะไม่ได้เช่นกัน อย่างน้อยต้องเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นเทพวิญญาณถึงจะสามารถทำได้!”
“…”
แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นเทพวิญญาณจะยังมีอยู่ในแดนซวนเทียนหรือไม่?
เนื่องจากอีกฝ่ายบุกมาถึงที่เช่นนี้ จึงทำให้ชิงอิ่งอยากที่จะพุ่งทะยานออกไปจัดการเจ้าของเล่นเหล่านี้เหลือเกิน
และในตอนนี้เอง มังกรขนาดมหึมาสีฟ้าตัวหนึ่งก็พุ่งทะยานออกมา พลังธาตุวารีที่น่าสะพรึงกลัวได้ก่อตัวกลายเป็นพลังที่สง่างาม และหลังจากนั้นก็พุ่งเข้าจู่โจมใส่ห้าอสรพิษเหล่านั้น
มังกรวารีที่ทรงพลังอย่างสมบูรณ์แบบตัวนั้นได้กลายร่างเป็นหนุ่มรูปงามในชุดสีน้ำเงินคนหนึ่งกลางอากาศ เขามองไปทางชิงอิ่งที่คิดจะลงมือแล้วกล่าวว่า “พลังของเจ้าเป็นปรปักษ์ต่อพิษทั้งห้านี้ ฉะนั้นเจ้าคอยปกป้องอยู่ข้างกายนายท่านน่าจะสะดวกกว่า ส่วนหนอนแมลงเหล่านี้ แค่ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว”
พูดจบ เขาก็กลายเป็นมังกรยักษ์สีน้ำเงินตัวหนึ่งทันที
“ฟ่ออ!”
ทางอสรพิษก็โกรธเคืองมากเช่นกัน ซึ่งนี่ก็ทำให้มันพุ่งเข้าจู่โจมมังกรยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าในทันที
ข้างกายของเฉียนจำเป็นที่จะต้องมีคนคอยดูแลคนหนึ่ง และชิงอิ่งก็เลือกที่จะอยู่ต่อ และเขาก็จะไม่ยอมให้มีอันตรายใดเข้ามาใกล้นางได้อย่างแน่นอน
ตูมมม โครมมม!
เพราะการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวนับครั้งไม่ถ้วน ได้ทำให้หุบเขาที่อยู่โดยรอบถูกทำลายอย่างรุนแรง
สีหน้าของมังกรวารีฉายแววเคร่งขรึมออกมา และการรวมตัวกันของสัตว์มีพิษเช่นนี้ก็รับมือได้ไม่ง่ายเลยทีเดียว
เขาโบกมือครั้งหนึ่ง และพลังธาตุวารีที่น่าสะพรึงกลัวก็กลายเป็นมีดที่คมกริบ จากนั้นมันก็ถูกเหวี่ยงไปในอากาศอย่างคล่องแคล่ว ซึ่งเป็นการสยบงูอย่างแม่นยำราวกับโจมตีที่ตำแหน่งหลังหัวตรงเจ็ดนิ้วพอดี
“ช่างเป็นสิ่งที่น่ารำคาญเสียจริง ๆ ตายซะเถอะ! ตายซะ!” ห้าอสรพิษร้องคำรามออกมา
ห้าอสรพิษโจมตีใส่มังกรวารีอย่างบ้าคลั่ง และมันก็ได้ปลดปล่อยจิตสังหารที่เย็นยะเยือกออกมาด้วย
ขณะเดียวกันความเร็วในการออกกระบวนท่าของมังกรวารีก็รวดเร็วมากยิ่งขึ้น และร่างเงาที่อยู่กลางอากาศของเขาก็ได้กลายเป็นภาพลวงตาไปทันที
พวกมันคิดว่าหากกลายเป็นหายนะของอีกฝ่ายแล้วละก็ หลังจากนั้นก็จะไม่มีผู้ใดกล้ามาขัดขวางมันได้ นอกจากนี้คนของแดนซวนเทียนรุ่นปัจจุบันก็สู้รุ่นที่แล้วไม่ได้อีกด้วย ฉะนั้นจึงไม่น่าจะมีผู้ใดที่สามารถมาขัดขวางพวกมันได้อีกแล้ว
แต่พวกมันก็คิดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่มีคนมาทำลายผนึก ก็จะต้องมาเจอกับปัญหาใหญ่เช่นนี้เสียได้