ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2223 ได้ผลแล้ว
ห้าอสรพิษโกรธเคืองเป็นอย่างมาก ไอพิษบนร่างกายของพวกมันแต่ละตัวได้ทำให้พวกมันกลายร่างจนมีขนาดใหญ่ขึ้น ทว่า รูปร่างยังคงเหมือนกับร่างเดิมของมันทุกประการ และหลังจากนั้นก็จู่โจมเข้าใส่มังกรวารี พยายามที่จะกลืนกินชายผ ผู้มีความสามารถที่แข็งแกร่งตรงหน้านี้เสีย
มังกรวารีไม่รู้ว่าต่อสู้กับห้าอสรพิษมานานเพียงใด แต่ตอนนี้ยาที่มู่เฉียนซีกลั่นออกมานั้นเริ่มมีความยอดเยี่ย ยมมากขึ้นทุกครั้งที่กลั่นออกมา
ทว่าเมื่อเทียบกับความเร็วในการแพร่กระจายของพิษที่เร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งเหล่านั้นก็ยังคงมีผลลัพธ์ที่ไม่เพี ยงพออยู่ดี
หากต้องการที่จะขจัดพิษและไอพิษได้อย่างหมดจด และทำให้ต้นกำเนิดพลังอันแข็งแกร่งของห้าอสรพิษเหล่านั้นหายไปได ด้ เช่นนั้นมันก็จะทำให้มังกรวารีรับมือได้ง่ายขึ้นมากเลยทีเดียว เพราะถ้าต้องต่อสู้กันอย่างนี้ต่อไปก็ดูจะไม ม่มีประโยชน์อะไรเลย
มันอาศัยการใช้พิษปลิดชีพสิ่งมีชีวิตทุกชนิดเพื่อเอามาเป็นเครื่องสังเวย และนี่ก็ทำให้พวกมันได้รับพลังแห่งคว วามตายมาอีกด้วย
สีหน้าของชิงหลงเริ่มจริงจังมากขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดก็สามารถล้างแค้น และนอกจากนี้ยังหาอี้เฟิงเจออีกด้วย แน่นอ อนว่าเขาไม่อยากตายอยู่ที่นี่อยู่แล้ว
เขากล่าวว่า “เอาสมุนไพรวิญญาณที่มีประโยชน์ของพวกเจ้าออกมาให้หมด เอามาดูว่ามู่เฉินซีจะเอาไปทำประโยชน์ได้หรือ อไม่ เร็วเข้า….”
“ขอรับ!”
เพื่อต้องการรักษาชีวิตตอนนี้ไว้ พวกเขาย่อมไม่สนใจว่าสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นจะล้ำค่ามากเพียงใด และพร้อมเอาออก กมามอบให้โดยไม่บ่นอะไรสักคำ
ชิงหลงกล่าวว่า “หลังจากเหตุการณ์นี้แล้ว ข้าจะชดเชยให้พวกเจ้าแน่นอน ขอเพียงแค่พวกเจ้าสามารถมีชีวิตรอดออกไปได้ ก็พอ”
“แล้วก็เจ้าด้วย!”
ชิงหลงชี้ปลายกระบี่ไปที่กลางหน้าผากของเจ้าสำนักหมอทมิฬ แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เอาออกมา!”
“อือ…” เขาพูดออกมาไม่ได้ แต่ชิงหลงรู้ว่าเขาไม่ยอมให้ความร่วมมือเป็นแน่
ชิงหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกว่า “เจ้าคิดว่าข้าจะไม่กล้าฆ่าเจ้าจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
สมุนไพรวิญญาณที่ล้ำค่าของเจ้าสำนักหมอทมิฬต้องมีอย่างมากมายแน่นอนอยู่แล้ว
ความตายอยู่ตรงหน้าขนาดนี้เขายังไม่คิดจะมอบมันให้กับมู่เฉียนซีอีกอย่างนั้นหรือ?
เจ้าสำนักหมอทมิฬรู้สึกว่าตนเองนั้นยังมีประโยชน์ต่อมู่เฉินซีและซูอี้เฟิง ฉะนั้นพวกเขาไม่มีทางฆ่าเขาได้อยู่แล้ ว
“เจ้า…เจ้ากำลังหาสิ่งนี้อยู่อย่างนั้นหรือ?”
ในตอนที่ชิงหลงต้องการจะข่มขู่เจ้าสำนักหมอทมิฬด้วยการสร้างบาดแผลบนร่างกายของเขาอยู่นั้น น้ำเสียงที่คุ้นเคย และอ้อมแอ้มเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากข้ฟางหลังของซูอี้ชิง
ซูอี้เฟิงกระพริบตามองซูอี้ชิงพร้อมทั้งถือแหวนมิติเอาไว้อันหนึ่ง เมื่อเจ้าสำนักหมอทมิฬได้เห็น เขาก็อยากที่จ จะกระโจนเข้าไปเพื่อแย่งชิงแหวนมิตินี้กลับคืนมาโดยเร็ว เจ้าสัตว์ประหลาดนี่มาแย่งแหวนมิติของเขาไปตั้งแต่เมื่อไร รกัน?
“ใช่! สิ่งนี้แหละ” ซูอี้ชิงกล่าว
เจ้าสำนักหมอทมิฬจ้องมองไปที่พี่น้องทั้งสองคนนั้น แหวนมิตินี้ได้ประทับรอยวิญญาณของเขาเอาไว้ ซึ่งพวกเขาไม่ม มีทางลบ และเอาของที่อยู่ข้างในออกไปได้แน่นอน
อย่างไรเสียในสถานที่แห่งนี้ผู้มีที่พลังจิตวิญญาณแข็งแกร่งกว่าเขาก็มีเพียงหมอปีศาจคนเดียวเท่านั้น และตอนนี้ นางก็กำลังยุ่งมากเลยทีเดียว
ซูอี้เฟิงกล่าวด้วยเสียงทุ่มต่ำว่า “รอยประทับจิตวิญญาณอย่างนั้นหรือ? แค่ลบมันซะก็สิ้นเรื่อง!”
นี่คืออัจฉริยะที่ตนเองสร้างออกมาได้สำเร็จ ซึ่งดูเหมือนว่าจะสามารถอ่านความคิดของเขาได้ และการลบรอยประทับจิต ตวิญญาณก็ดูเหมือนเป็นเพียงการละเล่นเท่านั้น เพราะมันช่างง่ายดายเสียเหลือเกิน
และตอนนี้เจ้าสำนักหมอทมิฬก็ได้ลิ้มรสสิ่งที่เรียกว่าการยกหินขึ้นมาแต่กลับหล่นทับขาตนเองแล้ว เหตุใดเขาถึงไม ม่อาจใช้ประโยชน์จากปีศาจเช่นนี้เพื่อตนเองได้กัน?
สมบัติของเจ้าสำนักหมอทมิฬมีมากมายอย่างที่คาดเอาไว้จริง ๆ และในตอนที่ผลลัพธ์ของการกลั่นยาไม่เป็นที่น่าพอใจ อีกครั้ง มู่เฉียนซีก็ได้เปลี่ยนแนวทางในการกลั่นยาโดยใช้สมุนไพรวิญญาณที่ทุกคนมอบให้แทน และเจ้าสำนักหมอทมิฬก ก็ได้มีส่วนช่วยมากที่สุดนั่นเอง
คราวนี้ ยาที่มู่เฉียนซีกลั่นออกมาก็คือพิษ
แม้แต่คนที่ไม่เข้าใจเรื่องพิษ เมื่อได้เห็นเจ้าสิ่งที่ดำสนิทนั้น ก็รู้สึกได้ว่ามันอันตราย นี่มันจะอันตราย เกินไปแล้ว!
มู่เฉียนซีถือยาน้ำนั้นเอาไว้แล้วกล่าวกับชิงอิ่งว่า “ชิงอิ่ง พวกเราออกไปเดินกันสักรอบเถอะ”
“ได้สิ! เฉียน!” ชิงอิ่งพยักหน้ากล่าว
ชิงอิ่งและมู่เฉียนซีหายไปจากเบื้องหน้าพวกเขาอย่างรวดเร็ว เดิมทีคิดว่าเมื่อชิงอิ่งจากไปแล้ว โล่ป้องกันพลังแห ห่งชีวิตนี้ก็จะหายไปด้วย และพวกเขาก็จะไม่สามารถต้านทานไอพิษที่อยู่โดยรอบได้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะไม่ได้เลวร้ ายถึงขนาดนั้น
โล่ป้องกันแห่งสายฝนนั้นยังคงอยู่ และเจ้าตัวยักษ์นั้นก็มีมังกรวารีคอยจัดการ ส่วนชิงอิ่งก็คอยอยู่ข้างกาย จึงทำให้สัตว์มีพิษเหล่านั้นไม่อาจเข้าใกล้มู่เฉียนซีได้เลย
พรึ่บบบบบบบ!
หลังจากมู่เฉียนซีโยนยาน้ำนั้นออกไป ยาน้ำสีดำสนิทนั้นก็ผสมผสานจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกับพิษเหล่านั้น
เจ้าสัตว์พิษเหล่านั้นยังคงกระโดดโลดเต้นอยู่อย่างเคย ซึ่งดูเหมือนกับว่ามันจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยแม้แต่น้อย แ และนี่ก็ทำให้ทุกคนต่างพากันผงะไปครู่หนึ่ง ยังไม่ได้ผลอีกอย่างนั้นหรือ?
ดูท่าแล้วคงทำได้เพียงภาวนาให้นายท่านมังกรวารีเอาชนะสัตว์ร้ายตัวนั้นให้ได้ มิเช่นนั้นพวกเขาได้ตายอยู่ที่นี กันทั้งหมดเป็นแน่
แต่ทว่าการโยนยาน้ำนั้นออกไป มันเป็นเพียงแค่ขั้นแรกเท่านั้น
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็หยิบกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณออกมา และเหวี่ยงกระบี่ไปในอากาศ
เปลวเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนถูกปล่อยออกมา ซึ่งเมื่อมันสัมผัสเข้ากับยาพิษเหล่านั้นก็เกิดการลุกไหม้ขึ้นมาทันที ไม่ นานนักเปลวเพลิงก็ลุกลามไปทั่วทุกหนทุกแห่ง และกลายเป็นความว่างเปล่าไป!
ฟึ่บ! ฟึ่บบบ!
และไม่ได้มีเพียงพิษทั้งห้าที่ถูกเผาไหม้ไปเท่านั้น แม้แต่ไอพิษที่เหนียวหนืดและเข้มข้นเหล่านั้นก็ได้ถูกเผาไหม ม้ไปด้วย
คนทุกต่างก็กระโดดโลดเต้นขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ดีมากเหลือเกิน มันได้ผลแล้ว!
ด้วยพลังของมู่เฉียนซีเพียงคนเดียวย่อมมีขีดจำกัด ฉะนั้นนางจึงทำความสะอาดได้เพียงสถานที่เล็ก ๆ เท่านั้น
แต่ทว่าทุกที่ที่มีเปลวไฟเหล่านี้ หากมีสัตว์มีพิษเข้าใกล้หรือมีไอพิษกระจายตัวเข้ามามันก็จะถูกแผดเผาไปเช่นกัน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ชิงอิ่ง พวกเรากลับไปกันเถอะ!”
“อื้ม!”
หลังจากที่มู่เฉียนซีกลับมาแล้ว ก็เริ่มกลั่นยาพิษน้ำชนิดนี้ขึ้นอีกจำนวนมาก
หลังจากที่คำนวนว่าได้ปริมาณที่เพียงพอแล้ว มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุอัคคีเป็นคนลงมือ หลั งจากที่โยนยาน้ำเหล่านี้ออกไปแล้วก็ให้ใช้พลังธาตุอัคคีในการโจมตี หรือก็คือทำเหมือนข้าก่อนหน้านี้”
“ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุอื่น ๆ รับผิดชอบการคุ้มกัน คอยปกป้องคนที่กำลังดำเนินการ ให้เวลาพวกเจ้าสิบลมหายใจในกา ารจับกลุ่มกันอย่างอิสระ เร็วเข้า!”
“ขอรับ!”
เพียงไม่นานทุกคนต่างก็มีจอมภูตพลังธาตุอัคคีเป็นคู่หู ทว่าชิงหลงกลับถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง
ก็เขาไม่ได้จอมภูตพลังธาตุอัคคีนี่นา!
และในตอนนี้เองซูอี้เฟิงก็เดินออกมาพลางกล่าวว่า “จอมภูตพลังธาตุอัคคี พี่สาว อย่างข้าก็ถือว่าเป็นจอมภูตพล ลังธาตุอัคคีหรือไม่?”
ไม่ต้องบอกเลยว่าซูอี้เฟิงเรียกมู่เฉินซีว่าพี่สาวได้หวานเพียงใด แต่กลับไม่เคยเรียกเขาว่าพี่ชายเลยสักคำ ซึ่ งนี่ก็ทำให้ซูอี้ชิงรู้สึกว่ามู่เฉินซีน่ารังเกียจยิ่งนัก
แม้ว่าเนื้อหาเฉพาะสำหรับการทดลองของเจ้าสำนักหมอทมิฬจะไม่ชัดเจนมากเท่าไรนัก แต่ทว่าความสามารถของซูอี้เฟิงแน่นอ อนว่าต้องเป็นการรวมกันของร้อยตระกูลขึ้นไปอยู่แล้ว ฉะนั้นการครอบครองพลังวิญญาณธาตุได้หลายชนิดจึงไม่ใช่เรื่องที น่าแปลกใจเลย
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่สิ! เจ้าก็เป็นจอมภูตพลังธาตุอัคคีเช่นกัน เช่นนั้นก็ให้ชิงหลงคุ้มกันเจ้า เท ท่านี้เจ้าก็สามารถไปทำงานได้แล้ว ยาพวกนี้เป็นของเจ้า”
เมื่อยาน้ำของมู่เฉียนซีมาอยู่ในมือ ร่างของซูอี้เฟิงก็หายวับไปอย่างกะทันหัน ราวกับได้รับขนมหวานจากพ่อแม่อย่า างไรอย่างนั้น ซึ่งนั่นก็เป็นความเร็วที่รวดเร็วมากทีเดียว
ชิงหลงรีบร้อนตามไปทันที “นี่เจ้าช้าลงหน่อยสิ!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเราก็ไปกันเถอะ!”
และมีเพียงคนพิการที่เสียมือทั้งสองข้าง และไม่สามารถพูดได้ อีกทั้งร่างกายได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได ด้อย่างเจ้าสำนักหมอทมิฬเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ที่เดิม และทำได้เพียงเฝ้าดูอยู่ข้าง ๆ เท่านั้น
ที่มู่เฉียนซีสามารถกลั่นยาเช่นนี้ออกมาได้มันทำให้เขาประหลาดใจเป็นอย่างมาก และเขาก็ยิ่งเข้าใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ๆ แล้วว่าช่องว่างระหว่างเขากับหมอปีศาจนั้นมีมากมายเพียงใด ซึ่งนางมีคุณสมบัติในการสร้างสรรค์ที่แข็งแกร่งมาก
หากนางสามารถมาเป็นตัวทดลองของเขาได้ตั้งแต่แรก บางทีเขาอาจจะทำสำเร็จไปนานแล้วก็เป็นได้
น่าเสียดายที่ค้นพบนางสายเกินไป นอกจากนี้ยังกลายมาเป็นศัตรูของเขา และไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกด้วย
พรสวรรค์บ้า ๆ นี่ทำให้คนต้องอิจฉา เห็นอยู่ว่าเขาพยายามหนักมากเพียงใด แล้วเหตุใดถึงสู้สาวน้อยเพียงคนเดียวก็ ไม่ได้ สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย ข้าเกลียดนัก!
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บบบ!
ทั่วทั้งเทือกเขา ต่างก็ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ
เปลวเพลิงลุกไหม้อย่างป่าเถื่อน พิษทั้งสองชนิดปะทะ และต่อสู้กัน จากนั้นก็ทำให้ทั่วทั้งเทือกเขาเต็มไปด้วยทะเลเ เพลิง
เหล่าน้องเล็กของมันถูกจัดการจนนอนตายเกลื่อนกลาดไปหมดแล้ว ไอพิษที่ปล่อยให้แพร่กระจายออกไปก็ไม่สามารถปลิดชี พสิ่งมีชีวิต และมอบพลังให้พวกมันได้อีกแล้ว ซึ่งนี่ก็ทำให้ห้าอสรพิษโกรธเคืองเป็นอย่างมาก
“บัดซบเอ้ย! คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้ามนุษย์ที่เปรียบเสมือนมดปลวกเหล่านี้จะกล้ามาทำลายเรื่องดี ๆ ของข้า ข้าต้องการ จะกลืนกินพวกมัน จะฉีกพวกมันออกเป็นชิ้น ๆ เลยคอยดู!”