ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2227 ตรวจสอบร่างกาย
ซูอี้เฟิงต้องการที่จะตามมู่เฉียนซีไป และชิงหลงก็ไม่สามารถบังคับพาเขาไปได้ด้วย อย่างไรเสียปัญหาก็คือจะสามารถ ถบีบบังคับพาเขาให้ไปด้วยได้หรือไม่ต่างหาก?
ชิงหลงต้องอยู่ที่นี่ต่อ และคิดไม่ถึงเลยว่าคนอื่น ๆ ต่างก็หยุดงานเพื่ออยู่ที่นี่ต่อด้วยเช่นเดียวกัน
มู่เฉียนซีขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “พวกเจ้าไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องไปทำจริง ๆ หรือ?”
“หรือเจ้าไม่อยากให้มีคนกินข้าวเพิ่มอีกสองสามคนอย่างนั้นหรือ?” ซวนอู่กล่าวถาม
“ข้าไม่ใช่เจ้าเสียหน่อย ถึงพวกเจ้าจะกินกันมากเกินไปแต่ข้าก็ไม่เคยเรียกเก็บค่าข้าวจากพวกเจ้าเลย แต่พวกเจ้าก็ เอาแต่หาทางมาทำให้หมอปีศาจอย่างข้าจนลงอยู่เรื่อยเลย” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์นัก
พวกเขารู้ดีว่าหลายปีมานี้ ชิงหลงพยายามคิดหาทางตามหาน้องชายมาโดยตลอด
ครั้งนั้นถึงเขาจะหนีออกมาได้แต่ก็บาดเจ็บสาหัส ซึ่งความจำของเขาก็ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไรนัก
เขาจำไม่ได้ว่าพวกเขาเคยถูกขังอยู่ในสถานที่แบบใด รู้เพียงแต่ว่าน้องชายของเขานั้นกำลังตกอยู่ในอันตราย และไม ม่ว่าอย่างไรก็ต้องหาเขาให้เจอ และช่วยเหลือเขาให้ได้
แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ สำนักหมอทมิฬทำอะไรอย่างระมัดระวังเป็นอย่างมาก
ส่วนชิงหลงก็ต้องกลายเป็นนักฆ่าไปด้วยและต้องเป็นคุณชายชิงหลงที่แอบอยู่ในความมืดซึ่งทำให้คนอื่นต้องรู้สึกหว วาดกลัวอย่างที่สุดไปด้วย ทั้งยังใช้วิธีการต่าง ๆ มากมายเพื่อรวบรวมข่าวของน้องชายของเขาอีกด้วย
แต่ทว่าหลังจากที่ใช้เวลาไปนานหลายสิบปี ก็มีแต่เพียงความสงสัยในตัวสำนักหมอทมิฬเท่านั้น
แผนการของสำนักหมอทมิฬถูกเก็บซ่อนไว้เป็นความลับสุดยอด และแม้ว่าจะสงสัยเขาแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้อยู่ดี
จนกระทั่งวันนั้นที่มู่เฉียนซีได้เล่าถึงการทดลองที่ดำมืดของสำนักหมอทมิฬให้ฟัง มันจึงทำให้ชิงหลงคิดอะไรบางอย่ างขึ้นมาได้
ซึ่งมันก็ทำให้พวกพี่น้องเหล่านี้เป็นกังวลเกี่ยวกับชิงหลงมาก และเห็นอยู่ชัด ๆ ว่าอายุของซูอี้เฟิงนั้นโตเท่า ากับชิงหลง แต่ทว่าตอนนี้กลับยังคงรักษารูปลักษณ์เช่นนี้เอาไว้อยู่
พวกเขาจึงอยากยืนยันสภาพร่างกายของเขา ไม่อยากให้ชิงหลงที่ได้รับความหวังแต่หลังจากนั้นกลับต้องมาผิดหวังอีกครั้ง ง
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หลังจากนี้ข้าจะตรวจสอบร่างกายให้กับเสี่ยวเฟิง และไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเพียงใด เช่นนั้นข้ าไม่อยู่ต้อนรับพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าอยากจะเดินไปไหนก็ตามสบายเถอะ”
แม้ว่าชิงหลงจะเป็นกังวลจนคิ้วขมวดมุ่น แต่กลับไม่ได้ขวางเอาไว้อยู่ดี
“ข้าจะรอผลจากเจ้า!”
ความจริงแล้วเขายอมรับเรื่องที่เสี่ยวเฟิงอาจจะตายไปแล้วได้นานแล้ว และหลังจากที่พวกเขาแยกจากกันนานในที่สุดก็ ได้มาเจอกันอีกครั้ง
ตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่ มันจึงทำให้ความหวังภายในใจของเขาลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง
หากจะต้องสูญเสียน้องชายคนนี้ของเขาไปอีกครั้งแล้วล่ะก็ ตัวเขาน่าจะต้องทุกข์ทรมานกว่าก่อนหน้านี้เป็นแน่
เมื่อพูดจบ มู่เฉียนซีก็พาซูอี้เฟิงเข้าไปในห้องปรุงยาของนาง
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เสี่ยวเฟิง อย่างกลัวไปเลย!”
ในเมื่อตอนนี้เสี่ยวเฟิงยังมีชีวิตอยู่ นั่นก็หมายความว่าเขาต้องผ่านประสบการณ์การทดลองมานานกว่าสิบปีแล้ว
เขาที่ต้องได้รับปฎิบัติเช่นนี้อยู่ทุกวี่ทุกวัน แล้วจะไม่ให้เขากลัวหรือรังเกียจได้อย่างไรกัน
ซูอี้เฟิงกล่าวว่า “พี่สาว ข้าไม่กลัวหรอก! ข้ากล้าหาญที่สุดแล้ว ข้าเชื่อว่าพี่สาวจะต้องไม่ทำร้ายข้าแน่นอน”
“ดี! เช่นนั้นเจ้าก็ขึ้นไปนอนบนเตียงหยกอุ่นนั้นเถิด”
“อื้ม!”
ซูอี้เฟิงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขาไม่กลัวที่จะต้องฉีดยาหรือไม่กลัวที่จะต้องกินยาใด ๆ ทั้งสิ้น แต่การที ไม่มีเสียงร้อง กลับทำให้นางปวดใจมากยิ่งขึ้นไปอีก
บนสีหน้าของมู่เฉียนซีฉายแววเคร่งขรึมออกมา ร่างกายของเสี่ยวเฟิงเป็นเหมือนกับภาชนะก็มิปาน
ซึ่งภายในภาชนะนี้ก็ได้มีภาชนะของมิติต่าง ๆ มากมาย และภายในมิติเหล่านั้นก็ได้กักเก็บพลัง แก่นเลือดและพรสวรรค ค์ต่าง ๆ เอาไว้ นอกจากจะมันมีความซับซ้อนเป็นอย่างมากแล้ว มันยังครอบคลุมครบทุกด้าน อีกทั้งยังเชื่อมโยงกันอย่ างใกล้ชิดอีกด้วย
คงจะดีกว่าหากสามารถเชี่ยวชาญได้ และไม่ใช้พลังเหล่านี้ตามอำเภอใจ จากนั้นก็ปล่อยให้มันหลอมรวมเข้ากับร่างกายด้ วยตนเองอย่างช้า ๆ ก็พอ
แต่หากควบคุมมันได้ไม่ดี และมุ่งหวังให้ประสบความสำเร็จโดยเร็วแล้วล่ะก็ มิติที่อยู่ภายในร่างกายเหล่านั้น ก็จ จะกลายเป็นระเบิดเวลาอย่างสมบูรณ์
แน่นอนว่า หากร่างกายของคนคนหนึ่งถูกดัดแปลงให้กลายมาเป็นเช่นนี้ มันก็จะต้องเป็นเรื่องที่อันตรายมากอยู่แล้ว ว
แม้ว่าจะสามารถควบคุมได้ดีมากเพียงใด แต่ก็ยังกลัวที่จะเกิดเรื่องไม่คาดฝันได้อยู่ดี
และสภาพภายในร่างกายของเสี่ยวเฟิงก็น่าจะเป็นประมาณนี้
ส่วนภายนอก ร่างกายของเขายังถือว่าแข็งแกร่งมากทีเดียว ดูเหมือนว่าสำนักหมอทมิฬจะเลี้ยงดูเขาอย่างใส่ใจเป็นอย่างม มาก
แต่เนื่องจากการใช้ยาและพิษมากมายหลายชนิด มันจึงทำให้ร่างกายของเขาหยุดการเจริญเติบโตไปในที่สุด
ขณะนี้ยังไม่มีหนทางที่จะสามารถรักษาเสถียรภาพของภาชนะมิติที่วุ่นวายนี้ได้ ฉะนั้นถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีจะมีหนทางท ทำให้เขาสามารถเติบโตได้อย่างปกติได้แต่ก็ไม่กล้าใช้มันอยู่ดี เนื่องจากกลัวว่ามันจะส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกายข ของเขานั่นเอง
หลังจากที่มู่เฉียนซีตรวจร่างกายอย่างต่อเนื่อง ก็พบว่าสภาพร่างกายของเสี่ยวเฟิงดีกว่าที่นางจิตนาการเอาไว้มากน นัก
ในตอนแรกที่เจ้าสำนักหมอทมิฬพยายามทุ่มสุดตัวเพื่อที่จะปลุกเสี่ยวเฟิงให้ตื่นขึ้นมาก่อนกำหนด ก็เป็นเพราะเขาจะไ ไม่ยอมให้เสี่ยวเฟิงไม่ได้รับพรสวรรค์และแก่นเลือดของนาง เพื่อความแข็งแกร่งที่มากขึ้นแน่ ฉะนั้นเขาจึงคิดว่าปัญ ญหาอื่นไม่สำคัญมากนัก
และสิ่งที่เจ้าสำนักหมอทมิฬมองข้ามไป ก็คือสายฟ้าพิฆาตสีดำนั่นเอง
ด้วยสภาพร่างกายของซูอี้เฟิงในเวลานี้ หากไม่ใช่เพราะนางขวางสายฟ้าพิฆาตทั้งสามละลอกนั้นเอาไว้ ร่างกายของเขาจะต ต้องย่ำแย่กว่านี้เป็นแน่
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็ดีดนิ้วครั้งหนึ่ง แล้วกล่าวกับซูอี้เฟิงว่า “เสี่ยวเฟิง เจ้าตื่นขึ้นมาได้แล้ว!”
ตาทั้งสองของซูอี้เฟิงลืมขึ้น หลังจากนั้นดวงตาสีดำทั้งสองของเขาก็เหลือบมองมาทางมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “เพียงแ แค่ครู่เดียวพี่สาวก็ทำเสร็จแล้วหรือ พวกเขา…ทุกครั้งพวกเขาจะใช้เวลานานมาก ๆ…”
ส่วนใหญ่แล้วซูอี้เฟิงจะถูกบังคับให้ตกอยู่ในสภาวะที่หลับลึกอยู่ตลอด เขาเคยหลับนานที่สุดถึงสามปี และสั้นที สุดก็ต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองวันอยู่ดี
และเขาก็ไม่เคยเจอคนที่จัดการเสร็จภายในหนึ่งชั่วยามอย่างมู่เฉียนซีมาก่อนเลย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เพราะว่าข้าเก่งกว่านักปรุงยาเหล่านั้นยังไงล่ะ ไม่สิ พวกเขาไม่สมควรที่จะถูกเรียกว่านักปรุ งยาเลยด้วยซ้ำ นอกจากนี้หลังจากนี้ไปหากอี้เฟิงรู้สึกไม่ชอบละก็ จะไม่มีผู้ใดสามารถบังคับให้เจ้าทำเรื่องที่เจ้ าไม่อยากทำได้อีกแล้วนะ”
“แต่หากเป็นคำขอของพี่สาวแล้วละก็ ข้ายอมทำให้ทุกอย่างเลย!” ซูอี้เฟิงกล่าวพร้อมกับคลี่ยิ้มอย่างไร้เดียงสา
เรื่องของซูอี้เฟิงได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว และมู่เฉียนซีก็ได้ให้ไป๋เจ๋อหาอาจารย์ที่จะมาคอยสอนเขาเรียนหนั งสือ
เนื่องจากว่าเขาถูกขังอยู่ในห้องทดลองใต้ดินของเมืองหินมาเป็นเวลานาน นอกจากเรื่องที่จำอะไรไม่ได้แล้ว ตัวเขา เองก็ดูจะสับสนไปหมด ซึ่งแม้แต่ตัวหนังสือก็ยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ ฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องเรียนตำราใหม่ทั้งห หมดนั่นเอง
“ชิงหลง พวกเรามาคุยกันหน่อยสิ!”
“ได้!”
ในตอนที่ชิงหลงต้องไป พวกจูเชว่ก็วางแผนว่าจะไปแอบฟังเช่นกัน ซึ่งชิงหลงไม่เข้าใจพี่น้องเหล่านี้เลยจริงๆ
ฉะนั้นเขาจึงกล่าวว่า “อยากจะฟังก็ไปฟังด้วยกัน จะหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไปทำไม?”
“ถึงเสี่ยวเฟิงเป็นน้องชายแท้ ๆ ของข้า แต่พวกเจ้าสำหรับข้าแล้วก็มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเหมือนพี่น้องเช่นกัน ไม่ม มีอะไรที่รู้ไม่ได้หรอก”
จูเชว่กุมหัวใจของเขาแล้วกล่าวว่า “เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าหลังจากที่เสี่ยวเฟิงเฟิงปรากฏตัวขึ้นมา ชิงหลงก็ดูเหมือ อนจะมีกลิ่นความเป็นมนุษย์เพิ่มมากขึ้นกันนะ!”
ฉิงหลงกล่าวว่า “ข้าเห็นด้วย!”
อากุ่ยลอยเข้ามาดมกลิ่นรอบตัวชิงหลงพลางกล่าวว่า “กลิ่นความเป็นมนุษย์คืออะไรหรือ? อากุ่ยเป็นวิญญาณเหตุใดถึงไม ม่ได้กลิ่นพิเศษอะไรเลยล่ะ?”
มู่เฉียนซีเอ่ยปากว่า “ข้าได้ตรวจสอบร่างกายของเสี่ยวเฟิงแล้ว ภายในร่างกายของเขาถูกดัดแปลงจนมีความซับซ้อนเป็น นอย่างมาก และมันก็มีความเกี่ยวข้องกับพลังมิติอีกด้วย ดังนั้นจึงจัดการได้ยาก...”
หลังจากที่ได้ฟังจนจบ คิ้วของชิงหลงก็ไม่ผ่อนคลายลงเลย เขากล่าวถามว่า “เจ้ามีแผนการในการรับมือมันหรือไม่?”
“แม้ว่าเสี่ยวเฟิงจะไม่สามารถเติบโตได้ทันที แต่หลังจากนี้เราจะต้องมอบสภาพแวดล้อมที่สามารถเติมโตได้อย่างเป็นปก กติให้กับเขา! ส่วนภายในร่างกายของเขา จะต้องใช้จอมภูตพลังธาตุมิติ นอกจากนี้ยังต้องเป็นจอมภูตพลังธาตุมิติ ที่สามารถควบคุมพลังมิติได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย และไม่ว่าจะในร่างกายมนุษย์หรือทางด้านมิติก็ไม่อาจผิดพลาด ได้เป็นอันขาด หากเกินปัญหามันคงจะยุ่งยากเกินจินตนาการได้แน่ ฉะนั้นพวกเราก็ไม่มีทางปล่อยให้เสี่ยวเฟิงต้องเส สี่ยงแน่” มู่เฉียนซีกล่าวตอบ
ซวนอู่กล่าวพึมพำว่า “จอมภูตพลังธาตุมิติอย่างนั้นหรือ ไม่มีพวกเขาอยู่ในแดนซวนเทียนเลย”
จูเชว่ก็กล่าวว่า “ตามข้อมูลทั้งหมดของข้า ตอนนี้ไม่มีคนที่มีพลังแห่งมิติอยู่เลย และไม่รู้ว่าจะต้องออกไปหาจ จอมภูติพลังธาตุมิติที่ใดอีกด้วย?”
หรืออาจจะกล่าวได้ว่าหากเสี่ยวเฟิงยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาก็จะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายที่เกิดจากการสูญเสียกา ารควบคุมได้ตลอดเวลานั่นเอง