ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2229 หลงน้องจนต้องยอม
เมื่อกล่าวถึงมู่เฉียนซี ก็ไม่เห็นร่องรอยความเย็นชาจากซูอี้เฟิงเลย
และเขาก็เปลี่ยนเป็นมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที อีกทั้งแววตาคู่นั้นยังเปล่งประกายขึ้นมาอีกหลายส่วนด้วย
ตอนที่มู่เฉียนซีเข้าไปขวางสายฟ้าพิฆาตเอาไว้ นางเพียงแค่อยากจะให้พลังสายฟ้าช่วยให้นางบรรลุเท่านั้น และบังเอิญได้ช่วยเด็กน้อยคนนี้จากการถูกทรมานไปด้วยพอดี
แต่นางกลับไม่คาดคิดว่า เพราะนางสกัดกั้นอันตรายให้กับเขา และเป็นคนแรกที่เขาเห็นตอนลืมตา จะทำให้เขามีความรู้สึกที่ลึกซึ้งกับนางมากเพียงนี้
…
แต่ต่อให้เจ้าสำนักหมอทมิฬจะคิดคำนวนอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงว่า ในตอนที่ต้องเจอกับสายฟ้าพิฆาต จะมีคนที่ไม่กลัวตายไปขวางสายฟ้าพิฆาตให้กับซูอี้เฟิงได้อยู่ดี
หากไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้วละก็ ภายในใจของเขาก็คงจะไม่มีคนที่เขาต้องสนใจและห่วงใย จนสุดท้ายก็คงถูกเจ้าสำนักหมอทมิฬควบคุม และใช้ประโยชน์ไปแล้วจริง ๆ เป็นแน่
แต่ชิงหลงรู้ดีว่า สายฟ้าในตอนนั้นไม่ได้เป็นอันตรายต่อมู่เฉียนซีเลย
และตอนนั้นนางก็ไม่รู้ว่าอี้เฟิงเป็นน้องชายของเขา ซึ่งนางก็แค่บังเอิญช่วยเหลือเอาไว้เท่านั้นเอง แต่เรื่องที่นางเป็นคนช่วยอี้เฟิงไว้ก็เป็นเรื่องจริงอยู่ดี ฉะนั้นการที่อี้เฟิงจะรู้สึกขอบคุณและชื่นชอบนางจึงเป็นเรื่องที่ปกติมาก
ในเมื่อน้องชายของตนเองยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับมู่เฉินซี ทั้งยังปกป้องนางถึงขนาดนี้ เช่นนั้นตอนนี้ชิงหลงจึงรู้สึกจนปัญญาแล้วจริง ๆ
ถึงเขาจะยืนหยัดเช่นนี้มาโดยตลอด แต่ภายใต้การข่มขู่ของอี้เฟิงมันกลับอันตราธานหายไปจนหมดสิ้น เขาอยากได้ยินอี้เฟิงเรียกเขาว่าพี่ชายอีกครั้งจริง ๆ และเขาก็ไม่อยากให้อี้เฟิงเกลียดเขาอีกด้วย
ชิงหลงกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “มู่เฉินซี เจ้าชนะแล้ว! เพียงแต่ความลับของเจ้า หวังว่าสักวันหนึ่ง เจ้าจะสามารถพูดมันออกมาอย่างชัดเจนได้”
เรื่องราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง เสี่ยวเฟิงนี่ช่างเป็นเหมือนเทวดาตัวน้อยจริง ๆ และตอนนี้ภายในใจของมู่เฉียนซีก็รู้สึกตื่นเต้นจนทนไม่ไหวแล้ว
ก่อนหน้านี้นางพยามยามอย่างหนักแต่ก็ยังล้มเหลวในการจัดการกับคนดื้อดึงอย่างชิงหลงผู้นี้อยู่ดี และการที่ตอนนี้เขายอมตกลงจึงเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายของนางไปแล้วจริง ๆ
เรื่องน่าประหลาดใจนี้มันรวดเร็วเหลือเกิน! คิดไม่ถึงเลยว่านักฆ่าอันดับหนึ่งอย่างซูอี้ชิงจะเป็นคนประเภทที่หลงน้องชาย และยอมทำตามข้อเรียกร้องของน้องชายโดยไม่อาจขัดขืนได้เลยแม้แต่น้อยเช่นนี้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ได้สิ! รอหลังจากที่ข้าได้รู้จักกับคนที่อยู่เบื้องหลังของพวกเจ้าแล้ว ข้าจะบอกตัวตนของข้ากับพวกเจ้าแน่นอน บางทีไม่แน่ว่าอาจจะสามารถกลายเป็นพันธมิตรกันก็เป็นได้”
“พี่ชาย! พี่ชาย! ท่านยอดเยี่ยมที่สุดไปเลย”
ในเมื่อชิงหลงทำให้มู่เฉียนซีมีความสุขแล้ว อี้เฟิงจึงได้กลายร่างเป็นเจ้าตัวน้อยแสนน่ารักและพุ่งตรงไปหาชิงหลงทันที
ชิงหลงกอดเขาเอาไว้โดยตรง บนใบหน้าที่เหมือนกับภูเขาน้ำแข็งก็มิปานเผยรอยยิ้มออกมา “อี้เฟิง แค่เจ้ามีความสุขก็พอแล้ว”
ซวนอู่กล่าวว่า “ข้าเพิ่งบอกไปว่าจะให้เวลาเจ้า แต่ดูเหมือนว่าข้าจะสามารถกลับไปหาเงินได้เร็วกว่ากำหนดแล้วสินะ ในเมื่อชิงหลงยอมรับเจ้าแล้ว เช่นนั้นข้าก็ยอมรับเจ้าด้วย ข้าเองก็ไม่อยากสูญเสียถุงเงินที่สร้างรายได้มากมายในทุก ๆ วันอย่างเจ้าไปเช่นกัน หวังว่าหลังจากนี้ไปพวกเราจะร่วมมือกันอย่างมีความสุข!”
“ถ้าอย่างนั้นอากุ่ยก็เหมือนกัน!” อากุ่ยลอยมาอยู่ตรงหน้าของมู่เฉียนซีแล้วกล่าวอย่างจริงจัง
“เสี่ยวซีเป็นคนดีขนาดนี้ ความจริงข้าเชื่อมั่นในตัวเสี่ยวซีตั้งแต่แรกแล้ว แต่เป็นเพราะท่านพี่ซวนอู่ยังไม่ยอมตกลงข้าจึงไม่มีสิทธิ์ออกเสียงได้ตามอำเภอใจ ทว่าตอนนี้เรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างก็เห็นพ้องต้องกันหมดแล้ว” อากุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
พวกเขาพี่น้องมีทั้งหมดแปดคน ตอนนี้ไม่ใช่ว่าผ่านเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น แต่มีคนยอมรับนางถึงหกคนเลยทีเดียว
ซวนอู่กล่าวว่า “คืนนี้ข้าจะกลับไปหาเงินต่อก่อน หลังจากนั้นจะไปแจ้งเรื่องนี้กับพ่อบุญธรรม! ต้องดูก่อนว่าพ่อบุญธรรมจะมีเวลาหรือมีสภาพร่างกายที่พร้อมเมื่อใด และต้องดูว่าเขามีอะไรให้ต้องเตรียมการหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าช่วยนำคำพูดของข้าไปบอกเขาหน่อยว่า ข้าจะไม่รบกวนเวลาของเขานานเกินไปนัก ข้อแรกข้าอยากจะรู้ข่าวคราวขององค์รัชทายาทเฟิงอวิ๋น ข้อสองเรื่องความร่วมมือระหว่างพวกเรา ที่จะจัดการกับราชวงศ์ตงหวงด้วยกัน ส่วนข้อที่สามก็คือ ได้ยินมาว่าร่างกายของเขาไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ฉะนั้นหมอปีศาจอย่างข้าสามารถตรวจรักษาให้เขาได้”
ซวนอู่กล่าวว่า “ข้าจะนำคำพูดของเจ้าไปบอกเขาแน่นอน”
ซวนอู่จากไปแล้ว และอากุ่ยก็ตามไปด้วยเช่นกัน
ฉงหมิงกล่าวว่า “ผู้หญิงบ้า ยินดีด้วย อีกไม่นานเจ้าก็จะสมความปรารถนาแล้ว! ข้าก็ต้องกลับแล้วเช่นกัน จะได้เลี่ยงไม่ให้พ่อบุญธรรมมาหาว่าข้าอู้งานเอาได้”
“เฉียนซี เช่นนั้นข้าก็ต้องขอตัวก่อน! เพราะที่หอหมอปีศาจก็ยังมีเรื่องมากมายที่ต้องไปจัดการเช่นกัน” ไป๋เจ๋อกล่าวกับมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “ตกลง!”
“ข้าเองก็ยังมีข้อมูลอีกมากมายที่ต้องไปจัดการ และก็ต้องกลับไปก่อนเช่นกัน ข้าจะพยายามทำทุกอย่างให้เสร็จสิ้น เมื่อถึงตอนนั้นจะได้มีเวลาไปพบท่านพ่อบุญธรรมเป็นเพื่อนซีซีได้” และจูเชว่ก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
และตอนนี้ก็มีเพียงชิงหลงเท่านั้นที่ไม่อยากไปเลยแม้แต่น้อย และอดใจที่จะย้ายฐานที่มั่นของตนมาอยู่ที่หอหมอปีศาจไม่ไหวอยู่แล้ว ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าอี้เฟิงจะอยู่ที่นี่นั่นเอง
แม้ว่าซูอี้เฟิงจะยอมรับว่าเขาคือพี่ชายคนหนึ่ง จนทำให้ภายในใจของชิงหลงมีความสุขที่ได้ยินเขาเรียกว่าพี่ชาย แต่เขากลับไม่ยินยอมตามชิงหลงไปอยู่ดี
ในเมื่อเขาไม่อยากไป ชิงหลงก็ไม่อยากที่จะบังคับเขา
อย่างไรเสียนักปรุงยาที่น่าเชื่อถืออย่างมู่เฉินซีก็อยู่ที่นี่ด้วยทั้งคน ฉะนั้นการให้น้องช้ายของเขาอยู่ที่นี่ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า
นอกจากนี้ชิงหลงก็ไม่สามารถทำงานล่าช้าเพียงเพราะว่าหาน้องชายเจอแล้วได้อีกด้วย ซึ่งหลังจากที่เขาได้รับภารกิจใหม่มาแล้ว เขาก็กล่าวลาอี้เฟิง และเตรียมจากไป
“เสี่ยวเฟิง! ข้าจะมาหาเจ้าบ่อย ๆ นะ”
“ได้สิ! ถ้าอย่างนั้นพี่ชายก็เอาของกินอร่อย ๆ มาฝากข้าด้วยนะ” ซูอี้เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ภายในห้องทดลองนั้น สิ่งที่เขาได้กินมาที่สุดก็คือยาลูกกลอนแล้วก็ยาลูกกลอนเท่านั้น และเขาก็ไม่เคยได้กินอาหารที่เป็นปกติเลย
แต่หลังจากที่ตามมู่เฉียนซีมาจนถึงหอหมอปีศาจ ในที่สุดเขาก็ได้รับรู้ว่าอาหารนั้นอร่อยมากเพียงใดเสียที
เขาไม่เพียงแต่เปลี่ยนมาเป็นนักชิมตัวน้อยเท่านั้น แต่ก็ยังอยากที่จะไปตระเวนกินอาหารรสเลิศทั่วแดนซวนเทียนสักรอบอีกด้วย
ชิงหลงกล่าวว่า “ตกลง!”
หลังจากที่มู่เฉียนซีจัดการเรื่องใหญ่นี้ได้แล้ว ทุกคนต่างก็พูดคุยกันเรื่องสำนักหมอทมิฬที่ถูกทำลาย
“สำนักหมอทมิฬถูกทำลายไปแล้ว และข้ายังได้ข่าวมาว่าที่นั่นไม่เหลือแม้แต่ซากเลยด้วย”
“ข่าวนี้ของเจ้าล้าหลังไปแล้ว! ไม่ได้มีเพียงสำนักหมอทมิฬเท่านั้น แต่ทั้งเทือกเขาล้วนถูกทำลายจนพังพินาศ อีกทั้งตอนนี้มันก็ได้กลายเป็นทุ่งพิษไปแล้วด้วย”
“ได้ยินว่ามาว่าคนของราชวงศ์ตงหวงต้องการจะเข้าไปตรวจสอบ แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ต้องตายเพราะโดนพิษเหล่านั้น ส่วนคนที่กำลังจะตาย แม้จะได้รับการรักษาจากนักปรุงยาของราชวงศ์ตงหวง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถรักษาให้กลับมาดังเดิมได้หรือไม่?”
“นะ…นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? อย่างไรเสียสำนักหมอทมิฬก็เป็นถึงกองกำลังระดับสี่ครึ่ง นอกจากนี้ยังได้มีความสัมพันธ์อันดีกับยอดฝีมือระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณจำนวนไม่น้อยอีกด้วย เหตุใดถึงถูกทำลายล้างได้ง่ายเพียงนี้! ซ้ำยังถูกทำลายจนไม่เหลือซากอีกด้วย” มีคนกล่าวขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง
และในตอนที่มู่เฉียนซีปรากฏตัวออกมาต่อหน้าสายตาของผู้คน ก็มีบางคนกล้าหาญคาดเดากันไปต่าง ๆ นานา!
“นั่นมันมู่เฉินซีนี่ ไม่ใช่ว่ามู่เฉินซีอยู่ที่สำนักหมอทมิฬก่อนที่สำนักหมอทมิฬจะถูกทำลายอย่างนั้นหรือ? นางไม่ได้ออกมาก่อนหน้านั้น คิดไม่ถึงเลยว่านางจะยังอยู่ดีหลังจากที่สำนักหมอทมิฬถูกทำลายไปแล้ว”
“คงจะไม่…หมอหมอปีศาจคงไม่ได้เป็นคนทำหรอกนะ! สำนักหมอทมิฬเชิญมู่เฉินซีไปด้วยเจตนาร้าย เพราะคิดอยากที่จะจัดการกับอัจฉริยะอย่างมู่เฉินซี หลังจากนั้นก็ทำให้หมอปีศาจโกรธเคือง และพอหมอปีศาจโบกมือเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำลายสำนักหมอทมิฬได้แล้ว”
“นี่เป็นไปได้มากทีเดียว เพราะท่านหมอปีศาจก็แข็งแกร่งมากจริง ๆ นั่นแหละ”
อย่างไรเสียการคาดเดานี้ ก็มีความสอดคล้องมากที่สุดแล้ว
ด้วยเหตุนี้ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหอหมอในโลกนี้ก็ยิ่งลึกลับมากขึ้นไปอีก
คนของราชวงศ์ตงหวงก็ไปตรวจสอบเช่นกัน และพวกเขาก็สามารถยืนยันได้สองสามเรื่อง
นั่นก็คือเรื่องที่สำนักหมอทมิฬถูกทำลายล้างไปอย่างสมบูรณ์ ส่วนประการที่สอง บางทีหอหมอปีศาจอาจจะไม่ได้ลงมือจัดการสำนักหมอทมิฬด้วยตนเอง แต่ก็ยังคงเกี่ยวข้องกับหอหมอปีศาจอยู่ดี
ดังนั้นเมื่อคนในราชวงศ์ตงหวงมากมายเริ่มตรวจสอบลึกลงไปอีก ก็ต้องเจอกับเรื่องที่น่าประหลาดใจจนเหงื่อแตกพลั่กอีกเรื่องหนึ่ง
“ฝะ…ฝ่าบาท เรื่องทั้งหมดชัดเจนขึ้นมาประมาณหนึ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“พูดมาสิ!”
“ไอพิษที่อยู่โดยรอบบริเวณเทือกเขาของสำนักหมอทมิฬนั้นผิดปกติเป็นอย่างมาก และสิ่งเดียวที่สามารถอธิบายได้ก็คือ ในขณะที่เจ้าสำนักหมอทมิฬกำลังตกอยู่ในสภาพที่จนตรอก เขาได้ปลดปล่อยห้าอสรพิษที่ถูกผนึกอยู่ใต้เทือกเขาออกมา! ซึ่งนั่นคือสัตว์ร้ายที่น่ากลัวมาที่สุดตัวหนึ่ง หากมันหลุดออกมาสังหารคนอื่นได้อย่างตามอำเภอใจ ทั่วทั้งราชวงศ์ตงหวงคงยากที่จะรอดพ้นไปได้แน่”