ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2230 ตัดสินใจไม่ได้
“อย่างที่รู้กันว่าผู้แข็งแกร่งระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นเทพวิญญาณของกองกำลังระดับหกคนหนึ่งต้องสูญเสียพลังไปมากมายเพื่อที่จะผนึกมันเอาไว้ และก็ยังไม่มีหนทางที่จะฆ่ามันอย่างสมบูรณ์ได้อีกด้วย ฉะนั้นพลังทั้งหมดของพวกเราราชวงศ์ตงหวงไม่เพียงพอที่จะสู้กับมันในช่วงพลังขั้นสูงสุดได้แน่” เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็อดที่จะเหงื่อซึมออกมาไม่หยุดไม่ได้
“สำนักหมอทมิฬนี่ช่างรนหาที่ตายเสียจริง ๆ เลย!” สีหน้าของคนจากราชวงศ์ตงหวงมืดมนขึ้นในทันที
เขากล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเช่นนี้! ตอนนี้ห้าอสรพิษตัวนั้นไม่สามารถออกมาสร้างหายนะให้กับราชวงศ์ตงหวงได้แล้ว และมันก็ได้หายสาบสูญไปแล้ว หรือจะกล่าวได้ว่า…”
“หรือจะกล่าวได้ว่า ห้าอสรพิษตัวนั้นถูกทำลายไปแล้ว และมีความเป็นไปได้มากว่าคนที่อยู่ข้างกายของมู่เฉินซีผู้นั้นจะเป็นคนทำลายมัน! ความสามารถของคนที่อยู่ข้างกายแม่สาวน้อยผู้นั้นแข็งแกร่งเหลือเกิน โชคดีที่ฝ่าบาทยั้งมือไว้ก่อน มิเช่นนั้นเกรงว่าคงจะเกิดปัญหาใหญ่ต่อราชวงศ์ตงหวงของพวกเราเป็นแน่”
ภายในใจของจักรพรรดิตงหวงรู้สึกไม่พอพระทัยเป็นอย่างมาก มู่เฉินซีผู้นั้นน่ากลัวกว่าที่จินตนาการเอาไว้เสียอีก
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “ข้าเข้าใจแล้ว พวกเราจะไม่ลงมือกับมู่เฉินซีง่าย ๆ อีกแล้ว รอให้พวกเขามาก่อนค่อยคิดหาทางกันอีกที”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”
สำนักหมอทมิฬถูกทำลายไปแล้ว และหอหมอปีศาจก็ได้ส่งคำขู่ไปยังกองกำลังใหญ่ต่าง ๆ ได้สำเร็จ ซึ่งก็รวมไปถึงราชวงศ์ตงหวงด้วย
ก่อนที่พวกเขาจะลงมือ คาดว่าคงจะคิดถึงสภาพที่น่าสังเวชของสำนักหมอทมิฬแล้วค่อยคิดอย่างรอบคอบอีกทีเป็นแน่
เมื่อข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งแดนซวนเทียน และทำให้ทุกคนต่างก็เชื่อในข่าวนี้ทันที แน่นอนว่านี่ต้องเป็นความดีความชอบของจูเชว่ผู้ที่เป็นหัวหน้าฝ่ายข่าวกรองอยู่แล้ว
ถึงหอหมอปีศาจในตอนนี้จะยังไม่มีระดับของกองกำลัง แต่มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีระดับใดมาพิสูจน์ให้โลกได้รับรู้ว่ากองกำลังของนางมีความสามารถมากเพียงใดอยู่ดี
หลังจากนั้นซวนอู่ก็ส่งข่าวมาว่า พ่อบุญธรรมของเขาต้องการที่จะพบนาง และได้กำหนดจุดนัดพบพร้อมกับเวลามาเรียบร้อยแล้ว
สถานที่ที่กำหนดอยู่ในดินแดนทางตอนกลางที่มีภูมิอากาศที่เบาสบาย ซึ่งเป็นเมืองที่มีฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปี และเมืองแห่งนี้ก็หมาะที่จะรักษาร่างกายเป็นพิเศษอีกด้วย ซึ่งหากเป็นคนที่ร่างกายไม่ดีมาพักผ่อนที่นี่ ก็นับว่าเหมาะสมมากเลยทีเดียว
หลังจากที่จูเชว่ต่อสู้อย่างหนักหน่วงกับภารกิจกองโต ในที่สุดเขามีเวลามาหามู่เฉียนซีได้เสียที
“ข้ารู้จักเมืองหมิงเป็นอย่างดี ข้าจะเป็นคนนำทางให้กับซีซีเอง!”
“ข้าเองก็มีเรื่องที่จะต้องไปที่นั่นอยู่พอดี” จูเชว่ต้องการที่จะพาไป ส่วนไป๋เจ๋อก็มาถึงแล้วเช่นกัน
อย่างที่รู้ว่าเขาคือผู้ที่ร่วมมือเป็นพันธมิตรกับเฉียนซีเป็นคนแรก ฉะนั้นความดีความชอบทั้งหมดจะต้องตกเป็นของเขา แล้วจะขาดเขาไปได้อย่างไรกัน
จูเชว่กล่าวว่า “ไป๋เจ๋อเจ้านี่มันจะฉลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ ช่างน่าเบื่อจริง ๆ เลย”
มู่เฉินซีเดินทางไปที่เมืองหมิงอย่างยิ่งใหญ่ ราชวงศ์ตงหวงรู้เพียงแค่ว่าคนที่อยู่ข้างกายของนางนั้นมีความแข็งแกร่งที่วิปลาส จนสามารถจัดการได้แม้กระทั่งห้าอสรพิษ ฉะนั้นจึงไม่กล้าส่งคนมาหาเรื่องอีกแล้ว
แต่พวกเขาไม่รู้ว่าคนที่แสดงพลังอันแข็งแกร่งเช่นนั้นออกมาอย่างมังกรวารีได้จำศีลไปแล้ว และตอนนี้ข้างกายนางเหลือเพียงชิงอิ่งคนเดียวเท่านั้น
หลังจากที่มาถึงเมืองหมิงแล้ว ก็พบว่าทั้งซวนอู่ ฉงหมิงและชิงหลงต่างก็อยู่ด้วย ส่วนอากุ่ยนั้นจะไม่ปรากฏตัวออกมาในตอนกลางวันอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเจ้านำทางไปเถอะ!”
คนที่นำทางก็คือซวนอู่ สถานที่ที่พวกเขากำลังจะไปก็คือหนึ่งในสาขาของสมาคมการค้าเฉินซี ถึงจะดูเหมือนว่าเป็นหอการค้าทั่วไป แต่มู่เฉียนซีก็สัมผัสได้ว่ามียอดฝีมือแอบซ่อนอยู่เป็นจำนวนมากเลยทีเดียว ซึ่งจะต้องมีคนที่สำคัญมากอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน
ซวนอู่ได้พามู่เฉียนซีเดินขึ้นไปชั้นบน ยิ่งขึ้นไปมากเท่าไรก็ยิ่งหรูหรามากขึ้นเท่านั้น และเมื่อประตูบานหนึ่งถูกเปิดออก ซวนอู่ก็กล่าวว่า “มู่เฉินซี เจ้าเข้าไปเถอะ!”
“ตกลง!”
เมื่อเดินเข้าไปในประตูบานนั้นแล้ว สีทองที่อยู่ภายในช่างแวววาวจนทำให้คนตาพร่ามัวไปเลยทีเดียว
และชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ด้านในก็สวมเครื่องประดับทองรูปแบบต่าง ๆ มากมายอีกทั้งยังมีหน้าท้องที่ใหญ่มากอีกด้วย ซึ่งก็ดูคล้ายกับพวกเศรษฐีใหม่ที่นางเคยเห็นมาก่อนหน้านี้เลย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! สิบปากว่าไม่เท่ากับตาเห็นจริง ๆ สินะมู่เฉินซี!” เขาหัวเราะขึ้นมา และน้ำเสียงของเขาก็ก้องกังวานราวกับเสียงของระฆังก็มิปาน
“เช่นนั้นข้าแนะนำตนเองก่อน ข้าก็คือผู้นำของสมาคมการค้าเฉินซี นามว่าจินฟู่กุ้ย”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “สวัสดีเจ้าค่ะท่านผู้นำจิน! ข้าคิดว่าท่านผู้นำคงจะรู้จักข้าเป็นอย่างดีแล้ว เช่นนั้นข้าขอไม่แนะนำตนเองก็แล้วกัน และเป้าหมายที่ข้ามาในวันนี้ คิดว่านายน้อยว่านซือเยี่ยนน่าจะบอกท่านไปหมดแล้วเช่นกัน”
“สำหรับฉากหน้าของหอหมอปีศาจข้าชื่นชอบเป็นอย่างมาก ฉะนั้นเรื่องการพัฒนาความร่วมมือทางการค้าระหว่างพวกเรากับหมอปีศาจนั้นไม่มีปัญหาแน่นอนอยู่แล้ว อีกอย่าง…”
เมื่อพูดคุยเกี่ยวกับการร่วมมือทางธุรกิจ ผู้นำจินก็พูดได้อย่างมีเหตุผลน่าฟังมาก คนผู้นี้เป็นพ่อค้าที่ฉลาดมากจริง ๆ
เขาไม่ได้เรียกร้องขอผลประโยชน์เพิ่มขึ้นจนไปทำลายความสัมพันธ์ของความร่วมมือ แต่แค่ทำให้สมาคมการค้าเฉินซีของพวกเขาได้ผลประโยชน์อย่างน่าพึงพอใจมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก็เท่านั้น
การเจรจาธุรกิจของพวกเขาเป็นไปอย่างราบรื่นมาก มู่เฉียนซีจ้องมองไปที่ผู้นำจินและกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านผู้นำจิน สำหรับข้าแล้วการพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจเป็นเพียงแค่เรื่องรองเท่านั้น การสอบถามข้อมูลต่างหากที่เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด!”
“ท่านบอกข้อมูลให้ข้า ข้ารักษาคนให้ เมื่อถึงตอนนั้นไม่ว่าจะธุรกิจอะไร ล้วนสามารถผสานเข้ากันได้ง่ายมิใช่หรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวพลางเลิกคิ้วเล็กน้อย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! แม่นางมู่กล่าวได้ถูกต้องแล้ว ใช่แล้ว! เที่ยงวันแล้วนี่ เจ้าหิวแล้วใช่หรือไม่ เจ้าหนูว่านซือเยี่ยนนั้นจะใช้ไม่ได้เกินไปแล้ว ไม่มีความสามารถในการต้อนรับแขกเลยจริง ๆ! ข้าจะให้คนไปเตรียมให้เดี๋ยวนี้เลย” และผู้นำจินก็ลุกยืนขึ้น
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ท่านผู้นำจินพูดคุยกับข้าเรื่องธุรกิจเท่านั้นไม่คุยเรื่องอื่น เกรงว่าน่าจะเป็นเพราะท่านไม่สามารถตัดสินใจเรื่องอื่นได้ และคนที่ตัดสินใจได้ก็เป็นคนอื่น! ท่านคือผู้นำของสมาคมการค้าเฉินซี ว่านซือเยี่ยนคือนายน้อยของสมาคมการค้าเฉินซี แต่พ่อบุญธรรมของเขาไม่ใช่ท่าน และสมาคมการค้าเฉินซีก็ยังมีเบื้องหลังอยู่อีกคนอย่างนั้นสินะ”
ผู้นำจินกล่าวว่า “เอ๊ะ! แม่นางมู่เจ้าพูดว่าอะไรนะ? ข้ารู้ว่าเจ้าต้องหิวแล้วเป็นแน่ ไปเถอะ! เราไปกันเถอะ!”
ความสามารถของผู้นำจินไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ปั้นน้ำเป็นตัวจนทำให้คนอื่นมองข้อบกพร่องใด ๆ ไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
“เช่นนั้นก็ไปเถอะ!”
เมื่อเดินออกไปก็เจอกับพวกของชิงหลง มู่เฉียนซีจึงกลอกตามองไปที่พวกเขา พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ?
สีหน้าของชิงหลงไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมาเลย และเพียงไม่นานก็มาถึงสถานที่ที่พวกเขาใช้รับประทานอาหารกัน
นี่ก็คืออาณาเขตของสมาคมการค้าเฉินซีเช่นกัน ซึ่งมันดูแตกต่างจากร้านอาหารอื่น ๆ เป็นอย่างมาก
ห้องส่วนตัวทุกห้องของเขาจะเป็นแบบลานบ้าน ซึ่งมีขนาดที่กว้างขวางและมีทิวทัศน์ที่งดงามเป็นอย่างมาก
เมื่อเดินเข้ามาที่นี่ ว่านซือเยี่ยนก็กล่าวว่า “ท่านผู้นำ ค่าอาหารมื้อนี้ท่านเป็นคนจ่ายใช่หรือไม่?”
ผู้นำจินกล่าวว่า “เจ้าเสี่ยวเยี่ยนนี่! ข้าบอกเจ้าไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว เจ้าจะต้องปฏิบัติต่อหญิงสาวอย่างใจกว้างเท่าที่จะใจกว้างได้ หากเป็นผู้ชายแล้วละก็ เจ้าต้องงกเท่าที่จะงกได้ พวกเราไม่ได้ขาดแคลนเงินเลย แล้วเจ้าจะปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกันได้อย่างไรล่ะ! หากเป็นเช่นนี้คงไม่อาจทำให้ภรรยาในอนาคตของเจ้าชอบเจ้าได้เป็นแน่ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
เมื่อเปรียบเทียบความขี้งกอย่างหน้าประหลาดอย่างว่านซือเยี่ยนแล้ว ผู้นำจินผู้นี้มักจะขี้เหนี้ยวกับผู้ชาย และแน่นอนว่าเขาใจกว้างกับผู้หญิงเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นสองขั้วที่สุดขีดอย่างสิ้นเชิง
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย มิแปลกใจเลยที่ว่านซือเยี่ยนจะเป็นคนขี้งกเช่นนี้ ให้อารมณ์เหมือนลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริง ๆ!
เมื่อผู้นำจินแสดงออกว่าใจกว้างมากเพียงใด มันก็ได้ทำให้ว่านซือเยี่ยนไม่พอใจมากเพียงนั้น ทว่าเขาก็ทำได้เพียงให้ตนเองกินได้มากขึ้นอีกหน่อย เพื่อดึงการสูญเสียเหล่านี้คืนมาบ้าง
หลังจากที่กินอย่างอิ่มหนําสําราญแล้ว ผู้นำจินก็กล่าวว่า “เด็ก ๆ! ไปส่งแม่นางมู่ที่ลานหมายเลขสองเพื่อพักผ่อน ดูแลนางให้ดีด้วยล่ะ!”
“ขอรับ ท่านผู้นำ!”
หลังจากนั้นก็ชี้นิ้วไปที่พวกเขาทั้งหกคนพลางกล่าวว่า “ส่วนพวกเจ้าทั้งหกคน ตามข้ามา!”
โรงเตี้ยมที่มู่เฉียนซีเข้ามาพักนั้นทั้งเรียบง่าย ทว่าก็หรูหราและสะดวกสบายมาก เพียงแต่คนผู้นั้นจะมาพบนางได้เมื่อไรกันนะ?
ทันใดนั้นชิงอิ่งก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างหลังของมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “เฉียน ภายในลานที่อยู่ข้าง ๆ นี้มียอดฝีมือมากมายเลยทีเดียว”
“หากเป็นข้าง ๆ แล้วละก็ น่าจะเป็นลานหมายเลขหนึ่ง ชิงอิ่งความหมายของเจ้าคือ คนผู้นั้นความจริงแล้วอยู่ข้าง ๆ นี้เองอย่างนั้นหรือ?”
“อื้ม! ชิงอิ่งมีความคิดเช่นนั้น ต้องการให้ข้าไปเชิญเขามาหรือไม่?” ชิงอิ่งกล่าวถาม
“ไม่ต้องหรอก ในเมื่อเขามาแล้ว แน่นอนว่าจะต้องมาเจอข้าแน่ อดทนหน่อยก็แล้วกัน” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ผู้นำจินลากพวกเขาทั้งหกคนมาเพื่อพุดคุย “เอาล่ะ! ไป๋หู่และเทียนจือจะมาฆ่าพวกเจ้าแล้ว สำหรับเรื่องที่พวกเจ้าทำมาทั้งหมด มันทำให้ทั้งสองคนนั้นโมโหมาก และเกรงว่าจะมาจัดการพวกเจ้า พวกเจ้าต้องระมัดระวังให้มาก”
จูเชว่กล่าวว่า “พวกเราจะต้องกลัวพวกเขาทั้งสองคนด้วยอย่างนั้นหรือ พวกเรามีกันตั้งหกคน หกต่อสองใครต้องกลัวใครกันแน่!”
ฉงหมิงกล่าวว่า “แต่นั้นคือพี่ใหญ่ไป๋หู่ บวกเจ้าคนเจ้าเล่ห์อย่างเทียนจือคนนั้นเข้าไปด้วยอีก เช่นนั้นเจ้าก็ระวังตัวสักหน่อยเถอะ! ถูกทุบตีมาแล้วหลายครั้งยังไม่พออีกหรืออย่างไร?”
อากุ่ยดึงซวนอู่ไว้แล้วกล่าวว่า “ท่านพี่ซวนอู่ หรือว่าพวกเราจะหนีไปก่อนดีล่ะ!”
“ใครหนีก่อนคนนั้นถือว่าไม่มีน้ำใจพอ!” จูเชว่กล่าว
วันรุ่งขึ้นอากาศนั้นดีมาก อีกทั้งแสงอาทิตย์ยังอบอุ่นมากอีกด้วย
วันนี้ไม่มีผู้ใดมารบกวนมู่เฉียนซีเลย นางจึงอยู่ที่นี่เพื่อฝึกฝน อย่างไรเสียนางก็มีอาวุธวิญญาณเพียงพออยู่แล้ว
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก!” และในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!
.