ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2233 ตกอยู่ในภาวะฉุกเฉิน
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของท่านไป๋ สีหน้าของพวกเขาก็มืดมนลงทันที เรื่องสถานการณ์ของพ่อบุญธรรมแน่นอนว่าพวกเขารับรู้มันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
และท่านไป๋ผู้นี้ยังกล่าวอีกว่า “แต่มู่เฉินซีกลับเป็นข้อยกเว้น วันนี้นางใช้มือสัมผัสนายท่านและตรวจชีพจรให้นายท่าน หลังจากนั้นจนถึงตอนนี้นายท่านก็ยังไม่เป็นอะไรเลย! นายท่านชอบแม่สาวน้อยผู้นี้มาก เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นนายท่านอ่อนโยนกับใครบางคนเช่นนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้พวกของซวนอู่ต่างก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าทักษะการแพทย์ของมู่เฉียนซียอดเยี่ยมมากเพียงใด แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะพิเศษมากขนาดนี้
หากสามารถบรรเทาความเจ็บปวดของพ่อบุญธรรมได้ พวกเขาสามารถทำได้ทุกอย่างไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่อยากให้มู่เฉินซีทำในเรื่องที่นางไม่อยากทำเช่นกัน
ซวนอู่กล่าวว่า “เรื่องนี้ ข้าจะลองไปคุยกับมู่เฉินซีเอง”
“เช่นนั้นต้องรบกวนคุณชายทุกท่านแล้ว”
ซวนอู่ต้องการจะไปหามู่เฉียนซีเพื่อพูดคุย แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดว่าจะให้มู่เฉียนซีคอยดูแลพ่อบุญธรรมตลอดเวลา แค่สามารถมาดูพ่อบุญธรรมได้บ้างเป็นบางครั้งบางคราวก็เพียงพอแล้ว
ที่พ่อบุญธรรมปฏิบัติต่อมู่เฉินซีเป็นพิเศษขนาดนี้ คาดว่าน่าจะเป็นเพราะเขานึกถึงลูกสาวเป็นแน่ ซึ่งพวกเขาเองก็ไม่เคยเห็นน้องสาวบุญธรรมมาก่อนเช่นกัน และภายในใจของซวนอู่ก็เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี
แต่ในตอนที่ซวนอู่มาหามู่เฉียนซี นางกลับเก็บตัวไม่ยอมออกมา ทั้งยังปฏิเสธที่จะพบผู้คนอีกด้วย
มู่เฉียนซีขังตนเองเอาไว้เป็นเวลาสามวัน พวกของซวนอู่และจูเชว่อยากที่จะเข้าไปดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนางกันแน่ แต่กลับถูกชิงอิ่งขวางเอาไว้เสียก่อน
ชิงอิ่งกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้เฉียนอารมณ์ไม่ดี หากมีคนเข้าไปรบกวนนางแล้วละก็ เกรงว่านางน่าจะทนไม่ไหวจนถึงขั้นวางยาพิษป้องกันขึ้นก็เป็นได้ ฉะนั้นพวกเจ้าระมัดระวังเอาไว้จะดีกว่า”
พวกเขาไม่กล้าที่จะฝืนบุกเข้าไป แม้ว่าชิงอิ่งจะดูเหมือนไม่มีความคิดที่จะลงมือ แต่พวกเขาเองก็ไม่อยากที่จะลิ้มรสยาพิษของหมอปีศาจนักหรอก!
“เกิดอะไรขึ้นกับนางกันแน่นะ?”
พวกของซวนอู่สอบถามเหล่าองครักษ์ที่ซ่อนอยู่ที่นี่เหล่านั้น พวกเขากล่าวว่า “เรียนคุณชายซวนอู่ พวกเราก็ไม่รู้เช่นกันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับแม่นางมู่เช่นกัน? แต่หลังจากที่นางไปเจอนายท่านกลับมาแล้ว ก็เอาแต่ขังตนเองอยู่ในห้อง ถึงจะส่งอาหารไปให้ นางก็กินอย่างลวก ๆ เท่านั้นเอง”
นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?
หลังจากนั้นพวกเขาก็ไปสอบถามคนที่เข้าใจมู่เฉียนซีมากที่สุดอย่างไป๋เจ๋อและจูเชว่ ไป๋เจ๋อกล่าวว่า “นางคือนักปรุงยาคนหนึ่ง เมื่อได้เห็นคนป่วยที่ยากจะรักษาได้ มันจึงเป็นเรื่องปกติมากที่นางจะหาวิธีการรักษาจนลืมกินลืมนอน ข้าเดา…”
“แต่นางก็ไม่สามารถทำลายสุขภาพของตนเองได้นี่นา!” จูเชว่กล่าวอย่างเป็นกังวล
ชิงหลงกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่านางมีอาจารย์ที่เก่งกาจมากอย่างนั้นหรือ? ในเมื่อตอนนี้ไม่มีวิธีแล้วจะทรมานร่างกายของตนเองไปเพื่ออะไร เป็นเช่นนี้ก็ตายกันพอดี เรื่องร่างกายของท่านพ่อบุญธรรมพวกเราต่างก็เข้าใจดีอยู่แล้ว เพราะแม้แต่นักปรุงยาขั้นเทวะยังไม่มีหนทางเลย”
จูเชว่กล่าวว่า “นายท่านที่ชื่อว่านิรันดร์ไม่ได้ปรากฏตัวออกมานานมากแล้ว”
“ไม่ได้มีเพียงแต่นิรันดร์ ทั้งพวกพิฆาตวิญญาณ อาถิงและมังกรวารีก็ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาแล้วเช่นกัน ตอนนี้ข้างกายของนางมีชิงอิ่งเพียงคนเดียวเท่านั้น” ไป๋เจ๋อกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ความเป็นมาของคนที่อยู่ข้างกายนางแต่ละคนล้วนลึกลับ อีกทั้งความสามารถก็ยังแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ และยังหายไปไร้ร่องรอยอีกด้วย
ตามที่ไป๋เจ๋อคาดเดา เกรงว่าตอนนี้ท่านนิรันดร์น่าจะไม่สามารถช่วยเหลือได้ มิเช่นนั้นเฉียนซีคงไม่มีทางหาวิธีเพียงลำพังเป็นแน่
เมื่อเรื่องที่มู่เฉียนซีเอาแต่ขังตนเองเอาไว้ลอยไปเข้าหูพ่อบุญธรรมของพวกเขา เขาก็กล่าวอย่างจนปัญญาว่า “แม่สาวน้อยคนนั้น…”
“ร่างกายนี้ของข้าไปทำให้นางต้องหนักใจเสียแล้ว รู้เช่นนี้แต่แรกคงจะบอกนาง…”
“นายท่าน ตัวตนของมู่เฉินซีผู้นี้ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ อย่างไรก็ต้องระวังตัวสักหน่อย แม้ว่านางคุ้มค่าที่จะเชื่อ แต่ว่า…”
แต่ศัตรูทุกคนล้วนรับมือได้ยาก และไม่มีผู้ใดกล้ายืนยันว่าจะไม่มีแผนร้ายที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านี้อยู่อีก
ดวงตาคู่นั้นของเขาเปลี่ยนเป็นมืดมนลง แล้วกล่าวว่า “ข้าเชื่อนาง และข้าก็ไม่เคยสงสัยว่า เด็กน้อยที่ข้าเฝ้าบ่มเพาะมาด้วยตนเองเหล่านั้นจะมีวิสัยทัศน์ที่แย่ขนาดนั้น ซึ่งไม่มีทางที่จะแย่เหมือนกันหมดทุกคนได้ด้วย ข้าแค่กลัวว่านางอาจจะผิดหวังมากหากได้รู้ความจริงก็เท่านั้นเอง”
เขานึกถึงความตื่นเต้นและความชื่นชมของเด็กน้อยผู้นั้นตอนที่เอ่ยถึงองค์รัชทายาทเฟิงอวิ๋น และทันใดนั้นคิ้วขมวดของเขาก็ขึ้นมาเล็กน้อย
“แค่ก แค่ก แค่ก!” และหลังจากนั้นเขาก็ไม่อาจควบคุมอาการไอได้อีกเลย
มือสีขาวซีดที่ไร้เลือดของเขา ก็ได้มีสีดำแผ่กระจายออกมา และดูเหมือนว่าคอจะถูกรัดเอาไว้จนหายใจได้อย่างลำบาก
“นายท่าน…”
ทันใดนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้น และดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ไม่ดีมากบางอย่าง นางจึงเดินออกมาจากภายในความคิดที่วุ่นวายเหล่านั้น
ปังง!
มีเสียงประตูที่ถูกผลักออกอย่างรุนแรง จากนั้นก็รีบพุ่งทะยานไปยังลานหมายเลขหนึ่งอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าในที่สุดมู่เฉียนซีก็ออกมาแล้ว องครักษ์ที่แอบเฝ้าอยู่เหล่านั้นก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกทันที
แต่ว่านางกำลังไปที่ลานหมายเลขหนึ่งนี่!
นายท่านกำลังอยู่ในช่วงอาการกำเริบอีกครั้ง เหล่ายอดฝีมือของลานหมายเลขหนึ่งในเวลานี้อยู่ภาวะตื่นตัวขั้นสูงสุด หากมู่เฉียนซีบุกเข้าไปอาจจะเจอกับการโจมตีของเหล่าองครักษ์ก็เป็นได้
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
มีลูกศรนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานเข้ามา และชิงอิ่งก็สกัดกั้นมันเอาไว้ได้ หลังจากนั้นก็มีกลิ่นอายที่ทรงพลังสองสามร่างออกมาปรากฏตัวและขวางทางพวกเขาเอาไว้
“แม่นางมู่ ท่านไม่สามารถไปต่อได้แล้ว มิเช่นนั้นพวกเราคงต้องล่วงเกินท่านแล้ว”
อย่างไรเสียแม่นางน้อยผู้นี้ก็เป็นคนที่นายท่านให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ฉะนั้นท่าทีของพวกเขาจึงถือได้ว่าสุภาพมากเลยทีเดียว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ตอนนี้ร่างกายเจ้านายของพวกเจ้ากำลังมีปัญหา ข้าต้องการจะไปดูสักหน่อย”
“ตอนนี้นายท่านไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าใกล้ แม่นางโปรดกลับไปเถิดขอรับ!”
สิ่งที่ระเบิดออกมาเมื่อครู่นี้ก็คือพลังคำสาป แม้ว่านางอาจจะไม่มีประโยชน์ แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะต้องไปดูให้ได้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ถอยไป ข้าไม่อยากลงมือกับพวกเจ้า”
พวกเขากล่าวว่า “แม่นางมู่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าน้อยจะตัดสินใจได้ขอรับ”
“ชิงอิ่ง พุ่งผ่านไปเลย!” มู่เฉียนซีกล่าวกับชิงอิ่ง
“ได้เลยเฉียน!”
ชิงอิ่งต้องการที่จะพามู่เฉียนซีทะยานผ่านไป แต่กลับถูกองครักษ์เหล่านั้นขัดขวางเอาไว้เสียก่อน ปัง ปัง ปัง! หลังจากนั้นเพียงไม่นานพวกเขาก็ปะทะกันอย่างรวดเร็ว
แต่ทว่าหลังจากที่ปะทะกันไปเพียงไม่กี่รอบเท่านั้น ร่างเงาสีขาวร่างหนึ่งก็ร่อนลงมา แล้วกล่าวว่า “หยุดเดี๋ยวนี้!”
มู่เฉียนซีรู้จักคนผู้นี้ และเขาก็คือองครักษ์ส่วนตัวของคนผู้นั้นนั่นเอง
“ข้าต้องการที่จะเข้าไปดูเขา! ข้ารับประกันว่าจะไม่สร้างปัญหาหรือรบกวนแน่นอน”
เมื่อเห็นว่าพลังคำสาปแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว มู่เฉียนซีก็เริ่มเป็นกังวลอย่างมาก และไม่อยากที่จะเสียเวลาอีก
ท่านไป๋กล่าวว่า “ท่านตามข้ามาเถอะ!”
นายท่านมักจะทุกข์ทรมานทุกครั้งที่ร่ายกายเกิดปัญหา แม้ว่านายท่านจะไม่เคยแสดงท่าทางอ่อนแอในขณะที่กำลังเจ็บปวดเลยก็ตาม แต่การปล่อยให้แม่สาวน้อยคนนี้เข้าไป ก็หวังเพียงแค่ว่ามันจะทำให้นายท่านรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
มู่เฉียนซีเดินเข้าไปในห้อง ซึ่งห้องพักนี้ก็กว้างขวางเป็นอย่างมาก อีกทั้งมันยังตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นธูปที่มีสรรพคุณบรรเทาอาการเจ็บปวดได้อีกด้วย
คนที่นอนอยู่บนเตียงผู้นั้นดูเหมือนว่าได้สูญเสียความมีชีวิตชีวาทั้งหมดไปแล้ว เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเมื่อสามวันก่อนเขายังสามารถพูดคุยและหัวเราะกับนางได้อยู่เลย แต่ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว
สิ่งที่ระเบิดออกมานี้คือวิชาคำสาป อีกทั้งโรคแทรกซ้อนมากมายยังส่งผลกระทบต่อร่างกายของเขา และมันก็ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่เช่นนี้อีกด้วย
แม้ว่าร่างกายของเขาจะพ่ายแพ้ไปแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยังคงสงบ และไม่ร้องออกมาเลยสักนิดเดียว ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจิตใจของเขานั้นหนักแน่นมากเพียงใด!
นักปรุงยามากกว่าสิบคนกำลังทำงานอย่างเร่งรีบอยู่ข้างกายของเขา และพวกเขาไม่กล้าที่จะแตะต้องร่างกายของเขาเลยแม้แต่น้อย
“เราจำเป็นที่จะต้องเข้าใจสถานการณ์ของนายท่านให้ชัดเจน แต่หากพวกเราสัมผัสนายท่าน นายท่านก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้นไปอีก ถึงตอนนี้พวกเราจะใช้พลังวิญญาณตรวจสอบก็ไม่เจออะไรอยู่ดี และถึงจะเจอมันก็มีเพียงความยุ่งเหยิงเท่านั้น”
“ข้าช่างไร้ความสามารถนัก! ได้แต่ทำให้นายท่านต้องทนทุกข์ทรมานเท่านั้น” ตอนนี้ชายชราบางคนเริ่มมีน้ำตาไหลออกมาแล้ว
มู่เฉียนซีเดินไปข้างหน้าจากนั้นก็กล่าวว่า “ใต้เท้าทุกท่าน ให้ข้าได้ลองดูสักหน่อยได้หรือไม่?”
ที่แท้การถูกคนอื่นสัมผัสเป็นเรื่องที่อันตรายมากนี่เอง มิแปลกใจเลยที่ตอนแรกองครักษ์ของเขาจะร้อนใจมากถึงขนาดนั้น
เพียงแต่เมื่อนางสัมผัสร่างกายของเขา เขากลับไม่เป็นอะไรเลย นั่นเป็นเพราะความพิเศษทางร่างกายของนางอย่างนั้นหรือ?
.