ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2235 การพูดคุยที่ยาวนานของทั้งสอง
มู่เฉียนซีรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก และนางก็มองไปทางซวนอู่แล้วกล่าวว่า “ซวนอู่ข้าหิวแล้ว ที่นี่คืออาณาเขตของสมาคมการค้าเฉินซีของเจ้า เลี้ยงข้าวสิ เลี้ยงข้าว! อย่าคิดที่จะหลอกพาข้าไปกินร้านอาหารของชาวนาอีกล่ะ”
จูเชว่ก็กล่าวว่า “ใช่ ๆ ๆ! เลี้ยงข้าว ๆ กินอาหารของคนรวยกันเถอะ”
แม้ว่าซวนอู่จะไม่เต็มใจเอาเสียเลย แต่เขาก็ยังคงถูกคนที่กำลังอารมณ์ไม่ดีอย่างมู่เฉียนซีจัดการสั่งอาหารมาชุดใหญ่อย่างโหดเหี้ยม
ยังไม่พอ ยังไม่พออีกหรือ!?
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ซวนอู่ ช่วยข้าทำงานอีกสักอย่างสิ!”
“หากจะให้ข้าเสียเงินก็ไม่ต้องพูดแล้ว วันนี้เจ้ารีดไถข้าไปเยอะมากแล้วนะ” ซวนอู่คิดว่าผู้หญิงคนนี้แปลกประหลาดมาก
พ่อบุญธรรมอยู่ในอาการวิกฤต ฉะนั้นคนที่ต้องไม่สบายใจยิ่งกว่าควรจะเป็นพวกเขาถึงจะถูก แต่ผลสุดท้ายปรากฏว่านางกลับดูจะเป็นคนที่ทุกข์ทรมานใจมากที่สุดไปเสียได้
“คราวนี้ข้าจะช่วยเจ้าหาเงิน เลิกทำหน้าดําคร่ําเครียดได้แล้ว! ทำงานตามที่ข้าบอกเถอะ! เร็วเข้า”
มู่เฉียนซีพูดอะไรบางอย่างกับซวนอู่ จากนั้นซวนอู่ก็กล่าวว่า “เอาอย่างนั้นก็ได้ ในเมื่อเจ้าใช้ให้ข้าไปทำงานให้ ฉะนั้นก็จะขาดค่าดำเนินการไปไม่ได้เชียวนะ”
หมอปีศาจถูกเชิญไปที่สมาคมการค้าเฉินซี นอกจากนี้จะทำการตรวจโรคอยู่ที่สมาคมการค้าเฉินซีอีกด้วย
คนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับสมาคมการค้าเฉินซีที่อยู่ภายในเมืองหมิงและยังมีโรคที่รักษาไม่หาย สามารถไปยังสมาคมการค้าเฉินซีสาขาเมืองหมิงก่อนยามจื่อของวันนี้เพื่อรับการรักษาจากหมอปีศาจได้
นับตั้งแต่ที่หมอปีศาจเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดัง ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่อยากจะขอร้องให้หมอปีศาจรักษาอาการป่วยให้
แต่ทว่าหมอปีศาจนั้นมักจะเหมือนกับเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหางอยู่เสมอ ซึ่งพวกเขาก็ไม่เคยตามหาหมอปีศาจเจอเลยสักครั้ง!
ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นโอกาสที่ดี ที่เหมือนกับมีขนมชิ้นใหญ่ร่วงลงมาจากฟากฟ้าก็มิปาน และมันก็ทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยได้รีบเร่งมายังสมาคมการค้าเฉินซีทันที
ซวนอู่ได้ส่งคนออกไปคัดกรองคนเหล่านั้น เพื่อไม่ให้มีคนมาแอบฉวยโอกาสในช่วงที่ชุลมุนได้ และพวกเขาก็ได้เลือกคนที่สมควรได้รับการรักษาก่อนออกมาแล้ว
ผู้ป่วยคนแรกได้เดินเข้ามาในห้องตรวจโรคของหมอปีศาจ และก็มองคนผู้มีเอกลักษณ์ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ
มีคำเล่าลือกล่าวว่าหมอปีศาจนั้นเป็นหนุ่มน้อยหน้าตางดงามราวกับไม่ใช่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
ผมยาวสลวยสีเขียวอมเทานั้นสยายลงมาจนจะตกลงไปบนพื้นได้อยู่แล้ว ดวงตาสีเขียวอ่อนสดใสคู่นั้นในเวลานี้เต็มไปด้วยความเย็นชาอยู่หลายส่วน ซึ่งมันก็ทำให้คนรู้สึกยากที่จะเข้าถึงได้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “นั่งลงเถอะ!”
หากเป็นนักปรุงยาทั่วไป บุคคลผู้นี้จะถือได้ว่าป่วยเป็นโรคที่ยากจะรักษาให้หายได้ แต่ทว่ามู่เฉียนซีกลับฉีดยาเพียงแค่เข็มเดียว ก็สามารถจัดการกับโรคได้แล้ว
คนผู้นั้นตะลึงงันที่ได้รับการรักษาจนหายขาดจากโรคที่ทำให้เขาทรมานมาเป็นระยะเวลานาน เขากล่าวว่า “ท่านหมอปีศาจ ท่านยอดเยี่ยมเหลือเกิน ท่านหมอปีศาจท่านเปรียบเสมือนเทพเจ้าที่ลงมาจุติจริง ๆ!”
“คนต่อไป!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา
“……”
มู่เฉียนซีตรวจคนป่วยคนสุดท้ายเสร็จไปอย่างรวดเร็ว และคราวนี้ซวนอู่ก็สามารถทำเงินได้อย่างมากมายเช่นเดิม
มู่เฉียนซีในเวลานี้ไม่ได้ปลอมตัวเป็นอาถิงอีกแล้ว นางบิดขี้เกียจเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “จัดการเรียบร้อยแล้ว คนป่วยที่มามากมายในวันนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะป่วยเป็นอะไรก็ตาม หมอปีศาจอย่างข้าก็สามารถจัดการได้อย่างรวดเร็ว!”
“ความจริงแล้วข้าเก่งกาจมาก ดังนั้นอาการป่วยของพ่อบุญธรรมของเจ้า มันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับข้าอย่างแน่นอนใช่หรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
ซวนอู่กล่าวว่า “ข้าก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าจะสามารถหาทางได้ มู่เฉินซี พ่อบุญธรรมเป็นคนที่มอบชีวิตใหม่ให้กับข้า อีกทั้งยังทำให้ชีวิตของข้าไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จากความยากจนสู่ความมีอำนาจและร่ำรวยเช่นในตอนนี้ เขามีความสำคัญเหมือนกับบิดาผู้ให้กำเนิดของข้า ข้าไม่อยากให้เขาจากไปด้วยความเสียใจเช่นนี้”
“ข้าจะหาทางให้ได้ แม้ว่าจะไม่มีทางรักษา แต่ข้าก็จะหาทางทำให้อาการของเขามีความเสถียรให้ได้!”
ขอเพียงอดทนไปจนกว่านิรันดร์จะตื่นขึ้นมา มันจะต้องมีหนทางช่วยเขาได้อย่างแน่นอน
นักปรุงยาที่อยู่ในเรือนหมายเลขหนึ่งตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ตอนนี้นายท่านของพวกเขาตื่นขึ้นมาแล้วจริง ๆ
อีกทั้งยังตื่นขึ้นมาในยามจื่อ ตามที่มู่เฉียนซีได้กล่าวเอาไว้ไม่มีผิดเพี้ยน
ตัวเขาของกระตุกด้วยความเจ็บปวด และภายใต้ความพยายามของนักปรุงยาทั้งหลาย ในที่สุดก็สามารถทำให้อาการทรงตัวได้แล้ว ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเลยทีเดียว
ท่านไป๋กล่าวว่า “นายท่าน มู่เฉินซีขอร้องด้วยตนเองว่าต้องการจะดูแลท่าน ตามความคิดของข้านางมีความเหมาะสมที่จะมาดูแลท่านเป็นอย่างมาก ทักษะการแพทย์ของนางไม่เลวเลย นอกจากนี้ชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายนางยังมีพลังแห่งชีวิตที่สามารถช่วยนายท่านได้ด้วยขอรับ”
“นางหรือ? นางคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ให้นางมาที่นี่เถอะ!”
“ขอรับ นายท่าน!”
หลังจากยามจื่อ มู่เฉียนซีก็มาถึงเรือนหมายเลขสอง และรอคำตอบจากทางฝั่งของพวกเขา
พวกเขาให้คำตอบนางอย่างรวดเร็ว ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงรีบไปยังเรือนหมายเลขหนึ่งในทันที
ตอนที่นางเดินเข้าไปภายในห้อง มู่เฉียนซีก็ก้าวเข้าไปหาเขาอย่างแผ่วเบาแล้วกล่าวว่า “ท่านรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยังเจ้าคะ?”
“วันนี้ข้าคงไม่ได้ทำให้เจ้าตกใจใช่หรือไม่?” เขาเอ่ยปากกล่าว
“ข้าคือหมอปีศาจ จะถูกคนป่วยทำให้ตกใจได้อย่างไร แต่ต้องบอกเลยว่า ท่านเป็นผู้ป่วยคนที่สองที่รักษายากที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมาเลย ทว่าข้าก็ชอบความท้าทายเช่นนี้เหมือนกัน ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะรักษาท่านให้หายให้ได้เจ้าค่ะ” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างหนักแน่น
“เพื่อมู่เฟิงอวิ๋นอย่างนั้นหรือ?” เขากล่าวถาม
“นั่นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นเพราะความเด็ดเดี่ยวของท่าน ความยึดมั่นถือมั่นและพลังในความตั้งใจอันแน่วแน่ของท่าน ที่ทำให้แม้แต่หมออย่างข้าก็ยังเคารพเลื่อมใสท่านเป็นอย่างมาก!” มู่เฉียนซีกล่าวพลางมองไปที่เขา
คนที่เคารพเลื่อมใสเขามีมากมาย แต่เมื่อแม่สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้ากล่าวออกมาอย่างจริงจังเช่นนี้ มันก็ทำให้ภายในใจของเขาอดที่จะมีความสุขขึ้นมาไม่ได้
มู่เฉียนซีจับมือที่มีเนื้อหนังไม่มากมายนักของเขาพลางกล่าวว่า “พวกเรามาพยายามด้วยกัน ดีหรือไม่?”
ความอบอุ่นจากฝ่ามือแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายของเขา และดูเหมือนว่ามันจะทำให้หัวใจของเขาถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยกลิ่นอายที่อบอุ่นก็มิปาน
“ข้าคือคนไข้ของเจ้า ฉะนั้นต้องเชื่อฟังเจ้าทุกอย่างอยู่แล้ว” เขากล่าวอย่างอบอุ่น
มู่เฉียนซีนั่งลงบนเก้าอี้ตรงหัวเตียงของเขาพลางกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าจะเริ่มวิเคราะห์ร่างกายของท่านก่อน สิ่งที่เลวร้ายที่สุดภายในร่างกายของท่านไม่ใช่คำสาปนั้น เพราะสำหรับข้าแล้วข้าสามารถถอนคำสาปนั้นได้ เพียงแต่มีพลังบางอย่างที่คอยมาขัดขวางไม่ให้ข้าทำเช่นนั้นได้สำเร็จ ฉะนั้นข้าจึงไม่กล้าที่จะฝืนบังคับ หากฝืนมากเกินไป แน่นอนว่าร่างกายของท่านก็อาจจะทนไม่ไหว และสุดท้ายก็จะพังทลายลงอย่างสมบูรณ์”
“เจ้าไม่ใช่คนของเผ่าคำสาป แต่ก่อนหน้านี้ข้าเคยตัดสินใจผิดพลาด จนแสดงท่าทางดุร้ายใส่เจ้ามากไปหน่อย เจ้าคงไม่ได้ถือโทษโกรธข้าใช่หรือไม่!”
“อย่างท่านเรียกว่าดุร้ายอย่างนั้นหรือ! ท่านไม่เคยเห็นตอนที่ชิงหลงดุร้ายใส่ข้า ท่านยังห่างไกลจากเขามากนัก” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อะไรนะ? คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าหนูนั่นจะกล้าทำตัวดุร้ายใส่เจ้า!”
ชิงหลงเป็นถึงลูกชายบุญธรรมของเขา แต่เมื่อเขาได้ยินว่านางถูกทำตัวดุร้ายใส่ เขาก็อดที่อยากจะปกป้องนางไม่ได้ ราวกับมันเป็นสัญชาตญาณอย่างไรอย่างนั้น
มู่เฉียนซีพยักหน้าเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ข้าไม่ใช่คนของเผ่าคำสาปหรอก แต่ข้าได้รับสมบัติของเผ่าคำสาปมาอย่างหนึ่งจนสามารถเรียนรู้วิชาคำสาปได้ ตอนนี้คนจากเผ่าคำสาปคงอดที่จะกำจัดข้าให้ได้โดยเร็วที่สุดไม่ไหวแล้วล่ะ! ท่านน่าจะรู้ว่าตอนที่ข้ากำลังทำลายสำนักหลินเยว่ครั้งนั้น มีเผ่าคำสาปปรากฏตัวขึ้นมา และพวกเขาก็โจมตีข้า…”
“ข้าเชื่อเจ้า คนของเผ่าคำสาปเป็นอย่างไรข้านั้นรู้ดี ถึงจะบอกว่าปลอมตัว แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีความสามารถในการแสดงที่ดีขนาดนั้นหรอก ทว่าแม่สาวน้อยที่อายุยังน้อยเช่นเจ้า คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีประสบการณ์มากมาย…”
แม้ว่านางจะมีเพื่อนและมีคู่หูมากมาย ทว่ากลับไม่มีเบื้องหลังอยู่ในแดนซวนเทียนเลย ถึงจะถูกรังแกโดยราชวงศ์ตงหวงและราชวงศ์เป่ยกงก็ยังไม่เท่าไร แต่คิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่เผ่าคำสาปก็ยังจะมารังแกนางด้วยเช่นกัน!
ด้วยเหตุผลทางร่างกาย ทำให้คนที่ฝึกฝนจนมีสภาพจิตใจที่สงบไร้การเคลื่อนไหวอย่างเขาในตอนนี้กำลังมีความกรุ่นโกรธลุกโชนอยู่ภายในหัวใจ และอดไม่ได้ที่อยากจะกำจัดอุปสรรคทั้งหมดที่นางต้องเผชิญให้หมดไปจนทนไม่ไหว
ความรู้สึกเช่นนี้มันแปลกประหลาดมากจริง ๆ แต่เขาก็ไม่อาจที่จะควบคุมตนเองได้เช่นกัน และหากปล่อยความคิดส่วนหนึ่งให้แผ่กระจายออกไป เขาคงจะรู้สึกดีมากเลยทีเดียว
พวกเขายังคงคุยกันต่อไปอีกครู่หนึ่ง แต่ทว่าเขาก็ยังรู้สึกไม่หายอยากอยู่ดี และอยากที่จะคุยเรื่องอื่นกับนางให้มากขึ้นกว่านี้อีก
แต่มู่เฉียนซีกลับพูดขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน “ไม่ได้ ท่านจำเป็นที่จะต้องพักผ่อนนะเจ้าคะ!”
.
.