ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2236 จิ่วเยี่ยได้รับบาดเจ็บสาหัส
เขาตอบกลับไปว่า “ข้านอนมาหนึ่งวันเต็ม ๆ แล้ว”
“นั่นท่านเรียกว่านอนอย่างนั้นหรือ? ใครกันที่นอนหลับเหมือนกับตายไปแล้วเช่นนั้นเหมือนท่านบ้าง? ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้นมากแล้ว หากนอนสักตื่นหนึ่งนั่นถึงจะเรียกว่านอนไม่ใช่หรือ? เข้าใจหรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“เข้าใจแล้ว!” เขาพยักหน้าเล็กน้อย
เมื่อเผชิญหน้ากับความกังวลของแม่สาวน้อยผู้นี้ แล้วเขาจะกล้าไม่ตอบรับได้อย่างไรกัน?
วันรุ่งขึ้นมู่เฉียนซีก็ได้ไปหานักปรุงยาคนอื่นเพื่อปรับเปลี่ยนอาหารเสริมบำรุงสุขภาพให้กับนายท่าน
แน่นอนว่ามู่เฉียนซีไม่ได้ปรับเปลี่ยนอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า นางกล่าวถึงเหตุผลที่เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนมากทุกครั้ง ซึ่งมันก็ทำให้นักปรุงยาเหล่านี้พึงพอใจมากจริง ๆ
นักปรุงยาเหล่านี้ละอายใจเป็นอย่างมาก เพราะแม่สาวน้อยผู้นี้มีความรอบรู้เรื่องการปรุงยาเป็นอย่างมาก จนทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองถึงจะแก่แล้วแต่ก็เหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ด้วยเหตุนี้เมื่อมีการปรับเปลี่ยนอาหารบำรุงสุขภาพใหม่ เหล่านักปรุงยาทั้งหมดจึงพากันเห็นด้วย แต่พวกเขาก็ไม่ได้คิดว่ามู่เฉินซีจะเป็นคนลงมือปรุงอาหารด้วยตนเองเช่นนี้อยู่ดี
มู่เฉินซีถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะทางด้านการแพทย์คนหนึ่ง ในส่วนพรสวรรค์ของการบำเพ็ญตบะนั้นก็เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของแดนซวนเทียนเช่นกัน อัจฉริยะที่เป็นราวเทพในตำนานเช่นนี้ ไม่เพียงแต่มาคอยดูแลนายท่านเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะลงมือทำอาหารให้กับนายท่านด้วยตนเองด้วย
แม้ว่ามู่เฉินซีจะมีความสัมพันธ์อันดีกับคุณชายทุกท่าน ทว่าก็ไม่ใช่ญาติพี่น้องของนายท่าน และพวกเขาก็เพิ่งจะเจอหน้ากันได้ไม่เกินห้าวัน แต่กลับทำให้ถึงขนาดนี้เลยหรือ?
และมันก็ทำให้เหล่าชายชราที่ชอบซุบซิบกันยามที่เบื่อหน่ายกล่าวขึ้นมาว่า “นายท่านยังมีเสน่ห์เหมือนเดิมจริง ๆ!”
“เจ้านี่มันเป็นคนแก่ไร้ศีลธรรมจริง ๆ นี่เจ้าคิดว่าแม่สาวน้อยมู่เฉินซีจะชอบนายท่านอย่างนั้นหรือ?”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นหรือ? แม่สาวน้อยผู้มีพรสวรรค์ที่หาตัวจับได้ยาก อีกทั้งยังมีจิตใจที่สูงส่ง หากไม่นับถือนายท่านเป็นอย่างมากแล้ว นางจะทำถึงขนาดนี้ไปทำไมกัน?”
มู่เฉียนซีไม่รู้ว่าการดูแลผู้ป่วยด้วยความห่วงใยของนางจะส่งผลให้คนอื่นเข้าใจผิดกันไปหมด และผลปรากฏว่าความเข้าใจผิดนี้ได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนจูเชว่นั้นก็เอาแต่เสียอกเสียใจพลางกล่าวว่า “มิน่าซีซีถึงได้ไม่สนใจข้า ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าไม่ชอบคนแบบข้านี่เอง! ฮืออออ! รู้อย่างนี้ข้าคงจะเรียนรู้จากพ่อบุญธรรมมาตั้งแต่แรกแล้ว อย่างน้อยตอนนี้คงจะเรียนรู้จนเหมือนไปได้แปดส่วนแล้วเป็นแน่”
แต่ชิงหลงกลับมาหาถึงที่พลางกล่าวว่า “มู่เฉินซี พ่อบุญธรรมของข้าเป็นคนที่มีลูกมีเมียแล้วนะ เจ้าอย่าได้มีความคิดอย่างอื่นเลย หากพ่อบุญธรรมของข้ารู้เข้า จะต้องจับเจ้าโยนออกไปเป็นแน่ ข้าไม่อยากทำให้คนที่จะมาดูแลพ่อบุญธรรมน้อยลงไปหรอกนะ”
สีหน้าของมู่เฉียนซีเต็มไปด้วยความเอือมระอา นี่มันเรื่องอะไรกัน? ชิงหลงช่วยหยุดเดาส่งเดชได้หรือไม่เนี่ย!
นางกล่าวว่า “ชิงหลง ข้าว่าเจ้าคงจะไม่ได้สู้กับข้ามานานมากจนคันไม้คันมือไปหมดแล้วสินะ ดีมาก! เช่นนั้นก็มาลองกันสักหน่อยเถอะ!”
ในเมื่อมู่เฉียนซีบอกว่าจะลงมือก็ลงมือทันที ส่วนชิงหลงเองก็ชักกระบี่ออกมาโต้กลับเช่นกัน เพราะเขาเองก็อยากจะต่อสู้กับนางสักรอบอยู่แล้ว
ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงนำเอากระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณออกมาโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย “เอาล่ะ! เช่นนั้นพวกเราก็มาต่อสู้กันให้กึกก้องไปเลยเถอะ”
เพราะการดูแลเอาใจใส่ของนาง ทำให้สีหน้าของเขาดูดีขึ้นมากเลยทีเดียว แต่นางกลับไม่สามารถหลอกตนเองได้
เพราะนางยังคงไม่อาจหาหนทางได้ นอกจากนี้ยังหาคำใบ้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อยอีกด้วย
นางจะต้องคิดหาหนทางต่อไป แม้ว่าจะไม่มีนิรันดร์คอยช่วยเหลือ คอยชี้แนะและตักเตือน แต่นางก็จะต้องเผชิญหน้าและจัดการกับปัญหาที่ยากจะแก้ไขนี้เพียงลำพังให้ได้
ตูมมม โครมม!
ความสามารถของพวกเขาทั้งสองอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน ฉะนั้นมันจึงเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด และตอนนี้มันก็ได้ดึงดูดความสนใจของคนที่อยู่เรือนข้าง ๆ กันทันที
“เจ้าเด็กชิงหลงนั่นมักจะสุขุม ทั้งยังไม่หุนหันพลันแล่นอยู่เสมอ เหตุใดถึงได้ไปรังแกแม่สาวน้อยคนนั้นกันนะ ไม่ได้การแล้ว ข้าจะต้องไปดูสักหน่อย”
ท่านไป๋กล่าวว่า “นายท่าน บางทีอาจจะเป็นเพียงการแข่งขันกันระหว่างหนุ่มสาวเท่านั้น ทะ…ท่านพักอยู่ที่นี่เถิดขอรับ!”
“หลายวันมานี้ข้ารู้สึกดีขึ้นมาแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องพักผ่อนอยู่ตลอดเวลาหรอก และข้าก็ค่อนข้างสนใจการแข่งขันของเจ้าพวกเด็กน้อยเหล่านั้นมากกว่าด้วย ข้าว่าจะไปดูสักหน่อย”
ท่านไป๋ไม่มีทางห้ามได้เลย และทำได้เพียงเข็นรถเข็นออกไปจากเรือนหมายเลขหนึ่งเท่านั้น
และในชั่วพริบตานั้น มู่เฉียนซีก็ต่อสู้กับชิงหลงอย่างดุเดือดไปหลายกระบวนท่า
พลังธาตุวิญญาณสามธาตุระเบิดออกมาอย่างสมบูรณ์ ความสามารถที่นางแสดงออกมาตอนนี้ไม่ได้ง่ายดายเหมือนอย่างตอนที่อยู่ในงานแข่งขันอัจฉริยะเลย
องครักษ์ที่แอบซ่อนตัวอยู่เหล่านั้นต่างก็ตะลึงงันไปเช่นกัน “คิดไม่ถึงเลยว่านางจะเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวิญญาณสามธาตุ!”
เมื่อเห็นว่าชิงหลงถูกทักษะพลังธาตุวิญญาณสามธาตุของมู่เฉียนซีโจมตี คนที่เป็นพ่อบุญธรรมอย่างเขากลับชมการต่อสู้อยู่อีกด้านหนึ่งอย่างสงบ อีกทั้งยังมองไปทางมู่เฉียนซีด้วยสีหน้าที่ชื่นชมอย่างเปิดเผยอีกด้วย
เท่าที่เขารู้มา ทั่วทั้งแดนซวนเทียนคนที่เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวิญญาณสามธาตุ ดูเหมือนว่าในเด็กรุ่นเยาว์นี้จะมีปรากฏขึ้นเพียงคนเดียวเท่านั้น
และด้วยการที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ แม่สาวน้อยผู้นี้จึงเรียกได้ว่าเป็นที่โปรดปรานจากสวรรค์คนหนึ่งเลยทีเดียว
แต่ทว่า…
แววตาของเขามืดมนลง และเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าการที่ได้รับความโปรดปรานจากสวรรค์เป็นเรื่องที่โชคดีเท่าไรนัก
บุตรแห่งสวรรค์ที่เขาบ่มเพาะออกมาก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน ซึ่งทักษะการเคลื่อนไหวของชิงหลงในตอนนี้ก็รวดเร็วขึ้นมาเรื่อย ๆ จนสามารถหลบหลีกการโจมตีของมู่เฉียนซีได้แล้ว
กระบี่ถูกเหวี่ยงเป็นมุมโค้งไปในกลางอากาศ และทันใดนั้นก็มีเงาแยกจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา
“แยกเงาสังหาร!”
กระบวนท่านี้คือกระบวนท่าสังหาร และทันใดนั้นเสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา
“ชิงหลง เจ้าจะมากเกินไปแล้วนะ คิดไม่ถึงว่าในการแข่งขันกันเจ้าจะใช้กระบวนท่าสังหารที่เอาไว้ฆ่าคนเช่นนี้ นี่เจ้ากำลังจะรังแกแม่สาวน้อยคนนี้อย่างนั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินเสียงของพ่อบุญธรรม มือของชิงหลงก็สั่นเทาขึ้นเล็กน้อย เพียงแต่เขาได้ปล่อยกระบวนท่าสังหารออกไปแล้ว ซึ่งมันก็เรียกคืนกลับมาไม่ได้แล้วด้วย
และนอกจากนี้เขายังไม่อยากจะเชื่อว่า พลังในการป้องกันอันวิปลาสของมู่เฉินซี จะไม่สามารถขวางการโจมตีนี้เอาไว้ได้?
มุมปากของท่านไป๋กระตุกขึ้นเล็กน้อย ‘นายท่าน ในตอนที่คุณชายชิงหลงถูกมู่เฉินซีโจมตี เหตุใดท่านถึงได้มีความสุขขนาดนั้นกันเล่า?’
แต่พอคุณชายชิงหลงโต้กลับเพียงแค่เล็กน้อยเท่านี้ ท่านกลับโมโหถึงขนาดนี้เสียแล้ว
ตอนนี้เขาได้ค้นพบแล้วว่านายท่านชื่นชอบแม่นางมู่เป็นพิเศษ ซึ่งที่ผ่านมานายท่านยังไม่เคยปฎิบัติตัวเช่นนี้กับคุณชายทั้งแปดคนก่อนหน้านี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ
ดูท่าทางเหมือนว่านายท่านจะชอบลูกสาวมากที่สุด แต่ทว่านายท่านกลับเลือกเลี้ยงดูแต่เด็กผู้ชายทั้งแปดคนนี้เท่านั้น
ตอนแรกมีเด็กสาวที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมมากมาย แต่นายท่านไม่แม้แต่จะเหลือบมองด้วยซ้ำ
และในตอนที่พลังกระบี่นั้นจะกระทบโดนตัวมู่เฉียนซี ก็ได้มีลำแสงสีฟ้าระเบิดออกมาจากตัวของมู่เฉียนซีอย่างกะทันหัน
พวกเขาชะงักงันไปทันที เนื่องจากพวกเขาได้กลิ่นเลือดลอยคละคลุ้งอย่างรุนแรง และยังมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวนั้นอีก
สีหน้าของมู่เฉียนซีเปลี่ยนไปอย่างมาก และทันใดนั้นท่ามกลางลำแสงสีฟ้าก็ได้มีชายคนหนึ่งเดินออกมา
นางกอดคนผู้นั้นเอาไว้ และเลือดสด ๆ ก็ย้อมเสื้อผ้าของนางจนกลายเป็นสีแดง
ติ๋ง… เสียงเลือดหยดลงพื้นทีละหยด
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างตกใจ “จิ่วเยี่ย…”
จิ่วเยี่ยลืมตาขึ้น และดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกคู่นั้นก็มองไปทางมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “ข้าทำให้ซีต้องมาเห็นสภาพที่จนตรอกของข้าเสียแล้ว”
“ข้าไม่รังเกียจมันหรอก!”
“ในเมื่อซีไม่รังเกียจ เช่นนั้นข้า…”
กลิ่นอายของจิ่วเยี่ยห่อหุ้มมู่เฉียนซีเอาไว้ทันที และริมฝีปากบางของเขาก็เข้ามาใกล้เรื่อย ๆ จากนั้นก็ประทับจูบลงไปโดยตรง
“เจ้าบาดเจ็บ…อื้อ…”
ชิงหลงร่อนลงมาจากกลางอากาศ การต่อสู้ที่ดีในครั้งนี้ได้ถูกขัดจังหวะโดยชายชุดดำที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันคนหนึ่ง นอกจากนี้ชายคนนั้นยังเอาเปรียบมู่เฉินซีที่นี่อีกด้วย
“แกร่ก!” มีเสียงหักของไม้ดังออกมา และชิงหลงก็เห็นว่าพ่อบุญธรรมของเขาบีบกิ่งไม้จนหักไม่เหลือชิ้นดีแล้ว
พ่อบุญธรรมที่รักษาท่าทีเป็นอย่างดีมาโดยตลอดกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “ชิงหลง เจ้ายังจะมายืนงงอะไรอยู่ตรงนี้? ยังไม่รีบลงมือสั่งสอนเจ้าหนูสารเลวที่กล้ามาเอาเปรียบแม่หนูน้อยคนนั้นอีก”
“พ่อบุญธรรม มู่เฉินซีทำด้วยความสมัครใจขอรับ” หากว่าไม่สมัครใจ เดิมทีแล้วมู่เฉินซีก็มีวิธีมากมายที่จะวางยาพิษชายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสผู้นี้จนกลายเป็นเศษซากได้อยู่แล้ว
เขาได้แต่โกรธเคืองอยู่ภายในใจ ก่อนหน้านี้ในสายตาของแม่หนูมีเพียงแต่เขา และถือเขาเป็นคนสำคัญที่สุดอีกด้วย