ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2237 ชอบด้วยเหตุผล
หลังจากที่ชายผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นมา เขาก็รู้สึกว่าสมบัติที่ล้ำค่ามากของเขาได้ถูกเจ้าสารเลวคนนี้แย่งชิงไปแล ล้ว และมันก็ทำให้เขาทนไม่ได้เลยจริง ๆ
เขาทนไม่ไหวอีกแล้ว และคิดว่าไม่จำเป็นต้องทนแล้วด้วย
น้อยครั้งนักที่พ่อบุญธรรมจะมีอารมณ์ที่แปรปรวน โดยเฉพาะอารมณ์โกรธเกรี้ยวเหมือนเช่นในวันนี้
ชิงหลงรู้สึกว่ามู่เฉินซีไม่เพียงแต่มีทักษะในการวางยาพิษเท่านั้น แต่ตัวของนางเองก็เต็มไปด้วยพิษเช่นกัน มิเช่ นนั้นพ่อบุญธรรมก็คงไม่มีทางได้รับผลกระทบจากนางได้หรอก
ชิงหลงไม่อยากที่จะเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของมู่เฉินซี แต่เห็นได้ชัดว่าพ่อบุญธรรมของเขาในเวลานี้กำลังโกรธเป็นอ อย่างมาก และเขาก็จำเป็นต้องลงมือเพื่อระงับความเดือดดาลของพ่อบุญธรรมเช่นกัน
ร่างสีเขียวสว่างวาบขึ้น และกระบี่ของชิงหลงก็ถูกชักออกมาอีกครั้ง
แต่ชั่วพริบตาที่กระบี่ถูกชักออกมา เขาก็ถูกพลังอันน่าสะพรึงกลัวโจมตีจนลอยละลิ่วออกไปทันที
ตึงง!
เสียงร่างกายที่ชนเขากับกำแพงดังสนั่นเป็นอย่างยิ่ง
แม้ว่าจิ่วเยี่ยจะดูเหมือนว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก แต่ทว่าการจัดการชิงหลงก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเนื่องจากชิงหลงลงมือ จึงทำให้ในที่สุดมู่เฉียนซีก็สามารถยุติจุมพิตที่ยาวนานของจิ่วเยี่ยนี้ได้เสียท ที
นางกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “มือหนักขนาดนี้ แล้วยังจะมาเอาเปรียบข้าอีกหรือ ได้รับบาดเจ็บก็ต้องรีบรักษาเจ้าไ ไม่รู้หรืออย่างไรกัน?”
ก่อนที่ริมฝีปากบางของจิ่วเยี่ยจะจรดลงมาอีกครั้ง เขาก็กล่าวด้วยเสียงที่แหบแห้งว่า “ยาอยู่บนตัวของซี ไม่ใช่ ว่าตอนนี้ข้ากำลังหามันอยู่อย่างนั้นหรือ?”
“อุ้บ…”
ดวงตาของมู่เฉียนซีเบิกกว้าง คนป่วยที่แหกกฎเช่นนี้ นางสามารถทุบให้หมดสติก่อนแล้วค่อยลากไปได้หรือไม่นะ!
“บัดซบเอ้ย!”
เมื่อเห็นว่านายท่านของเขาต้องการที่จะไปต่อสู้ด้วยตนเอง มันก็ยิ่งทำให้ท่านไป๋เหงื่อแตกพลั่กเลยทีเดียว
เมื่อครู่ที่ชายคนนั้นลงมือ เขาสัมผัสได้ถึงท่าทางที่น่ากลัวอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะว่าเขาออมมือ และต้องการ ที่จะสังหารคุณชายชิงหลงจริง ๆ เขาก็คงไม่มีความสามารถมากพอที่จะรักษาชีวิตของคุณชายชิงหลงจากการลงมือของคนผู นั้นได้เป็นแน่
นายท่านอย่าได้หุนหันพลันแล่นเด็ดขาดเลย!
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่สามารถหยุดความหุนหันพลันแล่นของนายท่านได้อยู่ดี และนายท่านของเขาก็กล่าวด้วยความโมโหว่ า “ปล่อยแม่หนูเดี๋ยวนี้!”
ใบหน้าของมู่เฉียนซีแดงระเรือขึ้นมาทันที เขา…พวกเขา…
จิ่วเยี่ยปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน นอกจากนี้พลังคำสาปที่ล้นทะลักออกมาก็ทำให้เขามีสภาพที่บาดเจ็บสาหัสอีกด้ว วย เขาบังคับจูบนางครั้งแรกยังไม่พอ แต่กลับยังมีครั้งที่สองอีกด้วยนี่สิ
หากมีเพียงพวกนางสองคนก็ยังไม่เท่าไร แต่นะ…นางลืมไปเลยว่ามีคนอื่นอยู่ที่นี่ด้วย!
เขาคือพ่อบุญธรรมของชิงหลงและคนอื่น ๆ และอาจจะเป็นพี่น้องหรือคู่หูของท่านพ่อ นางจึงเชื่อใจและใกล้ชิดเขาตาม มสัญชาตญาณ ราวกับเป็นญาติกันก็มิปาน คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกเขาเห็นตอนที่นางกับจิ่วเยี่ย…
เมื่อจิ่วเยี่ยสัมผัสได้ว่าใบหน้าของมู่เฉียนซีเริ่มร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาจึงยอมผละออกจากมู่เฉียนซีอย่างอาลัย ยอาวรณ์ และดวงตาสีฟ้าที่เย็นยะเยือกที่ดูนิ่งสงบราวกับน้ำแข็งหมื่นปีคู่นั้นก็จ้องมองไปที่ชายที่สวมชุดสีขาว คนนั้น
เพราะซีใส่ใจคนผู้นี้ เมื่อครู่ถึงได้กระสับกระส่ายเช่นนั้น
การเหลือบมองของอ๋องจิ่วเยี่ย ทำให้พวกเขารู้สึกกดดันขึ้นมาอีกเท่าหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้โต้กลับแต่อย่างใด ทว่า ความโกรธที่อยู่ภายในดวงตากลับลุกโชนมากขึ้นเรื่อย ๆ
“แม่หนูคนนี้เป็นคนรุ่นหลังที่ข้าชื่นชอบเป็นอย่างมาก แต่เจ้าอยู่ ๆ ก็ปรากฏตัวออกมา หลังจากนั้นยังมาเอาเปรียบแม ม่หนูน้อยอีก นี่เจ้าคิดว่าผู้อาวุโสอย่างข้าเป็นแค่ของประดับหรืออย่างไรกัน?” เขากล่าวพลางจ้องมองจิ่วเยี่ยอย ย่างถมึงทึง
จิ่วเยี่ยกล่าวตอบว่า “ข้าเป็นคู่หมั้นของซี!”
ความหมายก็คือ พวกเขาสามารถใกล้ชิดกันได้อย่างชอบธรรม และถึงเขาจะเป็นผู้อาวุโสก็ไม่สามารถเข้ามาก้าวก่ายได้มาก กนัก
“เขาพูดจริงอย่างนั้นหรือ?” เขากล่าวถามพลางมองมาทางมู่เฉียนซี
“เจ้าค่ะ! จิ่วเยี่ยคือคู่หมั้นของข้า ข้าแยกกับเขามานานมากแล้ว เขาคงจะคิดถึงข้ามากเกินไป บวกกับร่างกายที่ ค่อนข้างมีปัญหาเขาถึงควบคุมตนเองไม่ได้เช่นนี้ แต่ปกติแล้วเขาไม่ทำอะไรตามอำเภอใจขนาดนี้หรอกเจ้าค่ะ” มู่เฉียน ซีกล่าวอธิบาย
ภายในใจของเขารู้สึกขมขื่นยิ่งนัก ทั้งยังรู้สึกราวกับว่าลูกสาวที่เขาเฝ้าเลี้ยงดูมาอย่างยากลำบากจนโตได้ทอดทิ้ งพ่อแก่ ๆ อย่างเขาคนนี้ แล้วไปหาเจ้าเด็กเหลือขอที่อยู่ข้างนอกนั่น
เขาคิดว่า เขาไม่มีทางยอมแพ้อย่างแน่นอน มิเช่นนั้นหากลูกสาวของเขาถูกคนเช่นนี้แย่งชิงไปเหมือนแม่หนูน้อยนี่จ จะทำอย่างไรล่ะ?
“เหตุใดผู้อาวุโสของเจ้าถึงยอมให้เจ้าหมั้นหมายกับคนเช่นนี้ได้ พวกเขายอมได้ลงจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?” แม้ว่าเขา จะเป็นเพียงคนพิการที่ไร้ความสามารถคนหนึ่ง แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนี้อันตราย อีกทั้งร่างกายของเขายัง งถูกคำสาปอีกด้วย
ถึงความสามารถในวิชาคำสาปของแม่หนูนี่จะยอดเยี่ยมมาก แต่วิชาคำสาปนี้แม้แต่นางก็ไม่อาจถอนได้ ทำให้เขาคิดไม่อ ออกเลยว่าชายผู้นี้จะถูกวิชาคำสาปที่น่าสะพรึงกลัวมากเพียงใด
แม่หนูน้อยเคยพูดเอาไว้ว่า เขาคือคนไข้คนที่สองที่ไร้เรี่ยวแรงและรับมือได้ยากที่สุด เช่นนั้นเจ้าเด็กเหลือขอ อนี่ก็คงจะเป็นคนแรกอย่างนั้นสินะ
เจ้าหมอนี่ช่างเป็นเหมือนกับสัตว์ร้ายจริง ๆ เขามีความคิดที่คาดไม่ถึงเช่นนี้ต่อแม่หนูน้อยที่ช่วยรักษาให้เขาด้ วยความเมตตาได้อย่างไร
เขากล่าวว่า “หากข้าเป็นพ่อของแม่หนู ข้าจะต้องไม่ยอมอย่างแน่นอน ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมเด็ดขาดเลย”
มู่เฉียนซีกระพริบตาพลางมองไปที่จิ่วเยี่ย นางคิดมาตลอดว่าคนผู้นี้เป็นคนที่มีความสามารถที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ต ติทั้งทางด้านสติปัญญาและการควบคุมอารมณ์ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะไม่ชอบจิ่วเยี่ยมากขนาดนี้
คนผู้นี้มีความคล้ายคลึงกับท่านอารองมาก อีกทั้งเขายังเหมือนกับท่านพ่อมากอีกด้วย รอหลังจากที่หาท่านพ่อเจอ อแล้ว หากจิ่วเยี่ยต้องตกเป็นจำเลยเพราะเรื่องที่เกิดในวันนี้แล้วละก็ เกรงว่าเขาคงทำได้แต่ขอพรให้ตนเองแล้ วล่ะ
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ความจริงแล้วมีผู้อาวุโสคนอื่นอนุญาตให้ข้าแต่งงานได้ พ่อแม่ของข้ายังไม่รู้หรอ อกเจ้าคะ หากพวกเขาไม่ยินยอมแล้วละก็ เช่นนั้นข้าก็จะให้เขาแต่งเข้าบ้านแทนที่จะต้องแต่งออกไปก็สิ้นเรื่องแล้ ว”
สิ่งของที่ต้องใช้กับคัมภีร์หมื่นคำสาปเหลืออีกเพียงแค่สองอย่างก็จะรวบรวมได้ครบแล้ว และหลังจากที่หาเจอก็จะ ะสามารถถอนคำสาปให้กับจิ่วเยี่ยได้แล้ว ทั้งตัวของจิ่วเยี่ยจะต้องเป็นของนางตามสัญญาที่ทำกันไว้ก่อนหน้านี้ ฉะ ะนั้นเขาสามารถแต่งเข้ามาในตระกูลของนางได้แน่นอนอยู่แล้ว
ถึงแม้ว่าการที่ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยแห่งแดนนรกจะแต่งงาน จะเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงและเป็นเรื่องที่ยากที่จะเชื่อได้ ก็ตาม
“เช่นนั้นเป็นผู้อาวุโสแบบไหนกัน ถึงได้ตัดสินใจด้วยตนเองเช่นนี้” ภายในใจของเขาโกรธมาก จนอยากที่จะจับผู้อาวุ โสคนนี้มาฉีกออกเป็นชิ้น ๆ แทบทนไม่ไหวอยู่แล้ว มันจะต้องมีเจตนาที่ไม่ดีเป็นแน่
บนมือของมู่เฉียนซีถูกย้อมไปด้วยเลือด แต่จิ่วเยี่ยกลับไม่ได้สนใจอย่างสิ้นเชิง
มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “อาการบาดเจ็บบนร่างกายของจิ่วเยี่ยสาหัสเกินไป ข้าควรที่จะรักษาเขาเดี๋ยวนี้ เช่นนั้นเรา คงต้องหยุดคุยกันก่อนแล้วล่ะเจ้าค่ะ”
มู่เฉียนซีลากจิ่วเยี่ยเข้าไปภายในห้องแล้วกล่าวว่า “หากเจ้าไม่นอนลงบนเตียงแล้วละก็ เชื่อเถอะว่าหมอปีศาจอย่าง ข้าจะตัดมือทั้งสองข้างของเจ้าทิ้งแน่”
“ซีทนทำไม่ได้หรอก!” มุมปากของจิ่วเยี่ยยกโค้งขึ้นเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงนอนลงไปอย่างเชื่อฟังอยู่ดี
แคว่ก!
อาการบาดเจ็บสาหัสมากเกินไป หากจะบอกว่าชุ่มโชกไปด้วยเลือดก็คงไม่ใช่เรื่องที่พูดเกินจริงเลย
มีเพียงแต่คนวิปลาสเช่นเขาเท่านั้นที่ไม่ขมวดคิ้วเลยสักนิด ตอนที่มู่เฉียนซีกำลังฉีกเสื้อผ้าของเขาออก
ชิงหลงที่ได้รับบาดเจ็บเดินเข้ามา แล้วกล่าวว่า “พ่อบุญธรรม ลมแรงมากแล้ว ท่านควรจะกลับห้องได้แล้วนะขอรับ”
“เจ้าเข็นข้ากลับไปเถอะ! มาให้ข้าดูอาการบาดเจ็บบนร่างกายของเจ้าหน่อย เจ้าหนูนั่นโหดร้ายเกินไปแล้ว ไม่มีความอ่ อนโยนเลยสักนิดแล้วจะเหมาะสมกับแม่หนูคนนั้นได้อย่างไรกัน?” เขากล่าวอย่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก
หลังจากที่กลับไปแล้ว เขาก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไปตรวจสอบมา!”
“ขอรับ นายท่าน!”
อาการบาดเจ็บบนร่างกายของจิ่วเยี่ยดูเหมือนกับว่าถูกโจมตีด้วยพลังอันมหาศาล ราวกับว่าถูกสัตร์ร้ายฉีกทึ้งก็ม มิปาน มู่เฉียนซีได้ฝังเข็ม เย็บแผล ใส่ยาและพันแผล หลังจากนั้นก็ส่งยาให้เขาพร้อมกล่าวว่า “ดื่มยาซะ!”
ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกทอดมองไปที่มู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “ข้าเป็นคนป่วยนะ ซีจะไม่ป้อนข้าหน่อยหรือ?”
“เจ้าไม่ใช่เด็กเล็กที่กำลังป่วยเสียหน่อย!”
“แต่ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสนี่นา!” จิ่วเยี่ยเอื้อมมือออกไปดึงมู่เฉียนซีมากอดไว้ในอ้อมแขน จากนั้นก็กระซิบข้างห หูของนางว่า “บาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าซีควรจะดูแลข้าเป็นพิเศษอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าคิดถึงเจ้า ข้าอยากที่จะสัมผัสกลิ่นอายของซีอยู่ตลอดเวลาเลย”
ใบหูของมู่เฉียนซีเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เจ้าหมอนี่จะกินยาเข้าไปง่าย ๆ ไม่ได้หรืออย่างไรกันนะ? ช่างมีความคิดที่ สกปรกจริง ๆ เลย
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมากจริง ๆ และเมื่อมู่เฉียนซีจินตนาการถึงความสามารถของเขา มันก็เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะ มีผู้ใดสามารถทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสจนกลายเป็นนี้ไปได้?
และถึงขั้นสามารถบีบบังคับให้เขาระเบิดพลังคำสาปออกมา จนเขาไม่สามารถระงับมันเอาไว้ได้เช่นนี้อีกด้วย