ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2238 เฝ้าดูด้วยตนเอง
จิ่วเยี่ยจำที่จื่อโยวเคยกล่าวเอาไว้ได้ว่า เมื่อได้รับบาดเจ็บก็ต้องทำตัวให้น่าสังเวชเข้าไว้ จากนั้นคนงามก็จะมอบอ้อมกอดที่อ่อนโยนให้เขาเอง
แต่น้อยมากที่เขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส และถึงแม้ว่าจะมีเขาก็ไม่ยอมให้ซีต้องเป็นกังวลเพราะตนเองอยู่ดี ฉะนั้นตอนนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ใช้กลอุบายนี้เสียที
แม้ว่าบนใบหน้าที่หล่อเหลาจะซีดเผือดราวกับคนป่วยก็ตาม แต่ความงดงามนั้นก็ยังคงสามารถทำให้หัวใจของมู่เฉียนซีสั่นไหวได้อยู่ดี
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เห็นแก่เจ้าที่กำลังป่วยอยู่ ข้าจะอนุญาตให้เจ้าก่อกวนได้ก็แล้วกัน”
ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกของจิ่วเยี่ยฉายแววอันตรายออกมาทันที “อนุญาตให้เฉพาะตอนที่ป่วยเท่านั้นหรือ?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ เพราะเงื่อนไขก็คือ เจ้ายังเป็นคนที่ข้าชอบด้วยยังไงล่ะ”
มู่เฉียนซีเทยาน้ำขวดนั้นเข้าไปในปากในคราวเดียว จากนั้นก็โน้มตัวไปบนร่างของจิ่วเยี่ยและจรดริมฝีปากลงไปบนปากของเขา
“อื้อ!” และจิ่วเยี่ยพลิกสถานการณ์ให้เป็นคนที่ได้เปรียบอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นก็ต้องเผชิญหน้ากับการปล้นชิงของจิ่วเยี่ย ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ได้สนใจยาน้ำสำหรับรักษาอาการบาดเจ็บนี้เลยแม้แต่น้อย
แต่สิ่งที่เขาสนใจก็คือร่างกายของคนที่ป้อนยาเขาต่างหาก สำหรับเขาแล้วพลังในการรักษาของนางแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และนางก็สามารถบรรเทาอาการทรมานจากแรงปรารถนาของเขาได้
หลังจากที่ดื่มเสร็จแล้ว ทว่าเขาก็ยังกล่าวราวกับว่ายังไม่หนำใจ “ซี ยังมีอีกหรือไม่?”
“ไม่มีแล้ว มีแต่ต้องฝังเข็ม!”
ฉึก ฉึก ฉึก!
มู่เฉียนซีฝังเข็มให้จิ่วเยี่ยหลายเข็มอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรเสียก่อนที่เขาจะฟื้นตัว เขาก็สามารถผนึกพลังคำสาปเอาไว้ได้ก่อนเล็กน้อยแล้ว
ส่วนคนที่อยู่ในเรือนหมายเลขหนึ่ง กำลังหน้านิ่วขมวดคิ้ว เพราะเขาสัมผัสได้ว่าพลังคำสาปที่ระเบิดออกมานั้น มีความทรงพลังยิ่งกว่าของเขาเสียอีก
การที่ปล่อยให้แม่หนูอยู่ด้วยกันกับคนเช่นนั้น มันทำให้เขากลัวว่านางจะถูกชายคนนั้นฉีกออกเป็นชิ้น ๆ อยู่ตลอดเวลา
“เสริมกำลังองครักษ์ของเรือนหมายเลขสอง และส่งผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณขั้นสูงสุดไปเฝ้าอีกคน หากแม่หนูนั่นมีอันตรายอะไร ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องช่วยนางเอาไว้ให้ได้”
“ขอรับ นายท่าน!”
ท่านไป๋ค้นพบว่านายท่านใส่ใจแม่นางมู่ผู้นั้นอย่างไม่สมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก ยอดฝีมือขั้นสูงสุดนั้นหามาได้ยากยิ่ง แม้แต่ราชวงศ์ตงหวงหากสูญเสียไปสักคนก็ต้องเจ็บปวดเจียนตายเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังซ่อนตัวอยู่ในที่มืด ฉะนั้นจึงไม่สามารถเทียบเคียงกับกองกำลังของราชวงศ์ตงหวงได้เลย
แต่ทว่านายท่านกลับจัดสรรให้มู่เฉินซีคนหนึ่งโดยไม่พูดไม่จา และนี่ก็เป็นการปฏิบัติที่คุณชายทุกคนไม่เคยได้รับเลยเช่นกัน
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีเอาไว้แน่นแล้วกล่าวว่า “อื้ออ! การฝังเข็มของซีนี่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ถึงคืนนี้ข้าจะทำอะไรไม่ได้ แต่ก็สามารถควบคุมมันได้แล้ว”
“ที่จริงแล้วใครเป็นคนทำกันแน่?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
ทำให้คนของนางกลายเป็นเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะพวกเขาทั้งสองมีเศษชิ้นส่วนของสุ่ยจิงอิ๋งอยู่ในมือ จนทำให้จิ่วเยี่ยมาหานางได้อย่างสะดวก นางก็ไม่รู้ว่าจิ่วเยี่ยจะเปลี่ยนจนกลายเป็นเช่นไรบ้าง?
เขาอาจจะต้องตายด้วยน้ำมือของศัตรูก็ได้ แต่ที่น่าจะเป็นไปได้ยิ่งกว่าก็คือ พลังคำสาปของเขาอาจจะระเบิดออกมาอย่างสมบูรณ์ และกลืนกินสติทั้งหมดของจิ่วเยี่ยจนลืมทุกอย่างไปจนหมดสิ้นมากกว่า
“เป็นเพราะเหวนรก ความทรงพลังของเหวนรกเหนือกว่าที่ข้าคาดการณ์เอาไว้มากนัก” จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“กิเลนแห่งนรก!” มู่เฉียนซีค่อย ๆ พ่นสี่คำนี้ออกมา
“คราวหน้าข้าไม่มีทางประมาทเช่นนี้อีกแล้ว”
“คราวหน้า เจ้ายังคิดที่จะไปอีกครั้งอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวพลางจ้องมองไปที่เขา
นางไม่กลัวว่าจิ่วเยี่ยจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหวนรก แต่สิ่งที่กลัวยิ่งกว่าก็คือ กลัวว่าเขาจะใช้พลังในการจัดการศัตรูมากจนเกินไป และไม่สามารถตรึงคำสาปอันน่าสะพรึงกลัวนั้นเอาไว้ได้ต่างหาก
พวกเขาพยายามมาจนถึงขนาดนี้แล้ว ฉะนั้นไม่มีทางปล่อยให้เกิดปัญหาและต้องมาตกม้าตายในสองก้าวสุดท้ายอย่างแน่นอน
“เจ้าจะต้องเชื่อฟังข้าทุกอย่าง ข้าไม่อนุญาตให้ไปที่เหวนรกอีกแล้ว ในเมื่อคู่ต่อสู้แข็งแกร่งขนาดนั้น เช่นนั้นก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนแล้วค่อยไปอีกครั้ง! ต้องไปหาหอคอยนิรันดร์ให้เจอก่อน หากมีหอคอยนิรันดร์ เราก็จะสามารถควบคุมกิเลนแห่งนรกที่เป็นเพียงสัตว์เทพชนิดหนึ่งได้ ฉะนั้นอัตราความสำเร็จก็จะยิ่งมากขึ้นไปอีก”
มู่เฉียนซีรู้ดีว่าจิ่วเยี่ยกำลังคิดอะไรอยู่ เขาต้องการที่จะถอนคำสาปให้เร็วขึ้นอีกหน่อย เพื่อที่หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสองจะอยู่ด้วยกันได้ แต่ทว่านางก็ไม่อยากให้เขาต้องตกอยู่ในอันตรายซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ดี
คนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขากำลังกระสับกระส่ายเพราะอยากจะกัดเขาให้เนื้อหลุดออกมาเป็นชิ้น ๆ เขารู้ว่านางโมโหมากจริง ๆ โมโหที่เขาคิดจะไปเสี่ยงอันตราย และสิ่งที่ทำให้โมโหยิ่งกว่าก็คือกิเลนแห่งนรกที่ทำให้เขาต้องมาบาดเจ็บเช่นนี้
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีแน่นยิ่งขึ้นไปอีก พลางกล่าวว่า “ข้าจะเชื่อฟังซี!”
“แค่เชื่อฟังข้าอย่างเดียวไม่พอ ในเมื่อพวกจื่อโยวไม่สามารถเฝ้าดูเจ้าได้ เช่นนั้นข้าก็จะเฝ้าดูเจ้าด้วยตนเอง หากเจ้ามีเรื่องที่จะต้องไปแดนนรก เช่นนั้นข้าก็จะไปที่แดนนรกเพื่อเฝ้าเจ้าด้วย อย่างไรเสียตอนนี้ข้าก็เป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างแน่วแน่
“ตกลง เช่นนั้นข้าจะให้ซีคอยเฝ้าข้าไว้ คอยเฝ้าดูข้าไว้ตลอดเวลาเลยแล้วกัน” สำหรับคำพูดนี้ของมู่เฉียนซี ทำให้ภายในใจของจิ่วเยี่ยมีความสุขเป็นอย่างมาก และหลังจากนั้นเขาก็ประทับจูบลงไปโดยตรง
“เจ้าไม่ได้บอกว่าคืนนี้…”
“อื้อ…”
วันรุ่งขึ้นมู่เฉียนซีซุกตัวอยูู่ในอ้อมแขนของจิ่วเยี่ยและหลับต่อไปอีกตื่นหนึ่ง เมื่อคืนนี้จิ่วเยี่ยไม่อยากที่จะเป็นคนป่วยที่สงบเสงี่ยมคนหนึ่งเลย แต่ภายใต้การปราบปรามอันแข็งแกร่งของมู่เฉียนซี จึงทำให้ไม่มีอะไรเกินเลยมากนัก และแน่นอนว่านางก็เป็นคนเริ่มที่จะแบ่งเขตเพื่อเป็นการชดเชยให้เขาอยู่ดี
ใครใช้ให้คนป่วยผู้นี้งดงามจนทำให้ใจนางหวั่นไหวกันเล่า นอกจากนี้คนผู้นี้ยังเป็นผู้ชายของนางอีกด้วย ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรเลยที่นางไม่สามารถควบคุมตนเองได้
จิ่วเยี่ยเป็นคนที่ร่างกายแข็งแกร่งมา ฉะนั้นเมื่อได้รับการรักษาจากมู่เฉียนซีเขาจึงสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นไปอีก
มู่เฉียนซีได้เริ่มรวบรวมสิ่งของต่าง ๆ เพื่อใช้ในการระงับพลังคำสาป และสมาคมการค้าเฉินซีก็สามารถช่วยได้มากเลยทีเดียว
ท่านไป๋คิดว่า สุขภาพของนายท่านช่วงนี้ถือได้ว่าไม่เลวเลย แต่กลับมักมีอารมณ์ฉุนเฉียวอยู่เล็กน้อย
“ก่อนหน้านี้แม่หนูทุ่มเทดูแลข้าอย่างเต็มที่ จนตอนนี้ดีขึ้นมาก ทว่าตั้งแต่เจ้าหนูนั่นมาถึง แม่หนูน้อยก็ทุ่มเทกำลังส่วนใหญ่ไปที่เขาหมดแล้ว” เขาเริ่มเล่าเรื่องหดหู่ที่อยู่ภายในใจให้คนอื่นฟัง
ท่านไป๋กล่าวตอบว่า “ความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวเป็นไปได้ด้วยดี นายท่านควรที่จะยินดีไปกับแม่นางมู่ถึงจะถูกนะขอรับ!”
และในขณะนั้นเอง ก็มีร่างเงาของคนผู้หนึ่งพุ่งทะยานเข้ามา “นายท่าน ข้อมูลถูกส่งมาแล้วขอรับ!”
ทันทีที่เขาเปิดอ่านจดหมายฉบับนี้ เขาก็ผงะไปครู่หนึ่ง!
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นอ๋องจิ่วเยี่ย!”
ในแดนซวนเทียนแห่งนี้เขามีอำนาจมากมาย อีกทั้งยังมีคนคอยสืบข้อมูลในดินแดนต่าง ๆ อยู่อีกด้วย ซึ่งชายผู้นั้นก็มีความสอดคล้องกับอ๋องจิ่วเยี่ยของแดนนรกอย่างสมบูรณ์
ชายผู้นั้นทรงพลังมากที่สุดในแดนนรก พร้อมทั้งยังมีตำนานอันดำมืดและน่าสะพรึงกลัวต่าง ๆ มากมายอีกด้วย
เขาคาดเดาเอาไว้แล้วว่าคนผู้นั้นต้องไม่ธรรมดา และไม่ใช่คนของแดนซวนเทียนอย่างแน่นอน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีภูมิหลังเช่นนี้?
“นายท่าน หากคนผู้นั้นคือท่านอ๋องจิ่วเยี่ยแล้วละก็ พวกเรา…พวกเราไม่ควรตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาจะดีกว่านะขอรับ เขา…”
ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยนั้นมีพลังที่น่าสะพรึงกลัว นอกจากนี้นิสัยการลงมือที่กระหายเลือดของเขา ยังสามารถทำให้ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณขั้นสูงสุดตกใจกลัวจนเป็นลมได้อีกด้วย คนเช่นนี้หากสามารถไม่เข้าไปยุ่งได้ก็อย่าเข้าไปยุ่งเลยจะดีที่สุด
“อ๋องจิ่วเยี่ยก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรขนาดนั้นหรอก หากเขากล้าทำเรื่องที่ไม่ดีกับแม่หนูน้อย และทำให้แม่หนูน้อยต้องเสียใจ ข้าก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปเช่นกัน” ถึงคนอื่นจะหวาดกลัวตัวตนของอ๋องจิ่วเยี่ย แต่ว่าเขากลับไม่เป็นเช่นนั้น
ในตอนที่พวกเขากำลังสืบเรื่องตัวตนของจิ่วเยี่ยอยู่นั้น พวกของจื่อโยวก็ตามมาแล้วเช่นกัน
ร่างเงาสีม่วงร่างหนึ่งรีบบุกเข้ามาภายในห้องอย่างร้อนรน จากนั้นก็ร้องตะโกนอย่างตื่นตระหนกว่า “เยี่ย …เยี่ย …เยี่ย …”
“เจ้าจะร้องไห้คร่ำครวญไปทำไม! จิ่วเยี่ยยังไม่ตายเสียหน่อย!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเอือมระอา
จื่อโยวบ่นออกมาเป็นชุดว่า “คนงามตัวน้อย เจ้าจะต้องคุยกับเยี่ยให้ได้นะ! เขาไปที่เหวนรกแต่ไม่ยอมพาข้าไปด้วย เจ้าบอกว่าเดิมทีแล้วการบุกไปยังชั้นที่แปดของเหวนรกมันเป็นรื่องที่อันตรายมาก และในตอนสุดท้ายยังต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอีก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะบุกเดียวเข้าไปถึงที่นั่นเพียงลำพัง คิดว่าตนเองเหมือนตอนก่อนที่ยังไม่โดนคำสาปจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
จิ่วเยี่ยไม่ชอบที่เจ้าหมอนี่พูดมากเกินไป ฉะนั้นเขาจึงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไสหัวออกไปซะ!”
.