ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2239 เขาอยากดื่มเหล้า
“คนงาม เพียงได้เห็นว่าเขาไม่เป็นอะไรข้าก็วางใจแล้ว แม้จะบาดเจ็บสาหัสก็ยังยอมทรมานตัวเองจนมาหาเจ้าถึงที่นี่ ได้ หลังจากนี้เจ้าจะต้องเฝ้าดูเขาไว้ให้ดี! สถานที่อย่างเหวนรกเช่นนั้นจะไปตามอำเภอใจได้อย่างไรกัน”
ถึงแม้ว่าจะถูกจิ่วเยี่ยรังเกียจ แต่จื่อโยวก็ยังคงไม่ยอมแพ้อยู่ดี และยังคงพูดคุยกับมู่เฉียนซีต่อไปอย่างไม่กล ลัวตายอีกด้วย
มู่เฉียนซีขี้เกียจเกินกว่าจะเห็นด้วยกับจื่อโยว นางกล่าวว่า “ปล่อยเรื่องดีกิเลนไปก่อน เราจะหาไม้เทพแห่งชีวิ ตและหอคอยนิรันดร์ให้เจอก่อน รอหลังจากที่หาหอคอยนิรันดร์เจอแล้ว พวกเราค่อยเอามันไปหากิเลนแห่งนรกเพื่อแก้ แค้นให้จิ่วเยี่ยกัน”
“แต่หากก่อนหน้านั้นเขาคิดที่จะแก้แค้นด้วยตนเอง ก็เตรียมฝันไปได้เลย” เมื่อพูดจบ มู่เฉียนซีก็เหลือบมองไปที่ จิ่วเยี่ยเพื่อเป็นการเตือน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! คนงามเผด็จการที่สุดแล้ว ตกลงตามนี้เลย ข้าจะสั่งให้คนตามหาสิ่งของทั้งสองอย่างนี้อย่างเต็มที่ทันท ที”
ถึงทั้งสองคนจะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย แต่เมื่อเห็นสีหน้าของจิ่วเยี่ยที่ค่อย ๆ เย็นชามากขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็คิด ว่าเพื่อชีวิตน้อย ๆ ของตนเองแล้วควรที่จะรีบไปเสียจะดีกว่า
“เช่นนั้นข้าขอตัวไปก่อนดีกว่า! ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ฝากเยี่ยไว้กับเจ้าก็แล้วกัน”
มู่เฉียนซีมองไปทางจิ่วเยี่ยแล้วกล่าวว่า “เรื่องที่ข้าตัดสินใจไปเมื่อครู่นี้ คนป่วยอย่างเจ้าไม่มีสิทธิ์พูด และต ต้องทำตามนี้เท่านั้น”
มีเพียงแค่มู่เฉียนซีเท่านั้นที่กล้ากล่าวกับท่านอ๋องจิ่วเยี่ยด้วยท่าทางหยิ่งผยองเช่นนี้ ส่วนจิ่วเยี่ยก็ได้แต่ พยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าเป็นคนป่วย ย่อมต้องเชื่อฟังซีทุกอย่างอยู่แล้ว แค่ซีตัดสินใจก็พอ”
ภายใต้การรักษาอย่างพิถีพิถันของมู่เฉียนซี ทำให้จิ่วเยี่ยหายจากอาการบาดเจ็บสาหัสได้เสียที
หลังจากนั้นท่านไป๋ก็มาบอกว่า “แม่นางมู่ นายท่านอยากให้เจ้าไปหาสักหน่อยน่ะ”
“ได้สิ!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในเมื่อมู่เฉียนซีต้องไป จิ่วเยี่ยก็ต้องตามนางไปด้วย
พวกเขาเห็นว่าคนผู้นั้นตั้งกระดานหมากรุกอยู่ในศาลา จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นมาว่า “แม่หนูน้อย ช่วงเวลาพักฟื้นค ค่อนข้างน่าเบื่อเลยทีเดียว อยากจะมาเล่นหมากรุกด้วยกันสักหน่อยไหม”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ได้สิเจ้าคะ! เป็นเกียรติของข้าที่ได้เล่นหมากรุกเป็นเพื่อนท่าน”
ในขณะที่พวกเขาทั้งสองคนเล่นหมากรุกมู่เฉียนซีก็ชนะกระดานแล้วกระดานเล่า มู่เฉียนซีดูไม่ออกว่าคนตรงหน้านี้กำล ลังอ่อนให้นางอยู่ แต่ถึงอย่างนางก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นคนที่เฉลียวฉลาดมากคนหนึ่ง แล้วเขาจะมาแพ้ให้น นางกระดานแล้วกระดานเล่าได้อย่างไรกัน?
นี่มันผิดปกติมิใช่หรือ?
ทักษะการเล่นหมากรุกของนางก็ไม่ได้ถือว่าแย่นัก แต่มันก็ไม่ได้ดีเท่ากับทักษะการปรุงยาขนาดนั้น! หรือว่าคนผ ผู้นี้จะเล่นหมากรุกไม่เก่งจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?
“ข้าแพ้ตลอดเลย ข้าต้องการที่จะเปลี่ยคู่ต่อสู้ เจ้าจะลองสักหน่อยไหม? ท่านอ๋องจิ่วเยี่ย” และสายตาของเขาก็จ้อ องมองไปที่หวงจิ่วเยี่ย
มู่เฉียนซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จิ่วเยี่ยเพิ่งจะมาถึงได้สองวัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกคนผู้นี้ตรวจสอบตัวตนของ งเขาได้แล้ว
สีหน้าของจิ่วเยี่ยสงบนิ่ง ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกของเขากวาดมองไปที่คนผู้นี้ ถึงตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผยแต่เขา าก็ไม่ได้แสดงสีหน้าใด ๆ เลยแม้แต่น้อย
คนที่อ่อนแอจนกำลังจะตายอยู่มะรอมมะร่อผู้นี้ หลังจากที่รู้ตัวตนของเขาแล้วยังกล้าที่จะท้าทายเขาอีก ช่างเป ป็นคนที่แตกต่างเสียจริง ๆ
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย ข้ายังไม่เคยเห็นเจ้าเล่นหมากรุกมาก่อนเลย! จะลองดูหน่อยหรือไม่?”
จิ่วเยี่ยพยักหน้าเล็กน้อย “ในเมื่อซีอยากเห็น เช่นนั้นข้าก็จะลองดู!”
เกมหมากรุกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ตอนที่จิ่วเยี่ยวางหมากตัวแรกลงไป เขาก็ต้องตกลงลงไปในกับดักที่อีกฝ่ายป ปูเอาไว้ตั้งแต่แรกเสียแล้ว หลังจากนั้นทั้งคนทั้งหมากก็ราวกับถูกลมกวาดจนไม่เหลือแม้แต่เศษ จากนั้นก็ร่วงโรยราวกั บใบไม้ร่วงก็มิปาน
มู่เฉียนซีจ้องมองไปที่ฉากนี้ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง นี่…จิ่วเยี่ยพ่ายแพ้อย่างอนาถเลยนี่นา
ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้ว ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายเล่นหมากรุกไม่เก่ง แต่เขายอมให้นางมาตลอดนี่เอง
นอกจากนี้ยังยอมอย่างสงบและเยือกเย็นเป็นอย่างมาก แม้ว่านางจะไม่ทันสังเกตเห็น แต่มันก็แสดงให้เห็นว่าเขามีทักษ ษะหมากรุกขั้นสุดยอดเพียงใด
เขาถอนหายใจพลางกล่าวว่า “เป็นคนหนุ่มมีเพียงกำลังอันแข็งแกร่ง นับว่ายังไม่เพียงพอหรอกนะ ดูแล้วท่านอ๋องมีทักษ ษะการเล่นหมากรุกที่แย่มากจริง ๆ ทว่าแม่หนูน้อยกลับมีทักษะหมากรุกที่ดีเสียขนาดนั้น พวกเจ้าทั้งสองจะแตกต่างก กันมากเกินไปแล้ว ไม่เหมาะสม! ช่างไม่เหมาะสมกันเสียเลย!”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย นี่เขากำลังจะบอกว่านางฉลาด แต่จิ่วเยี่ยโง่อย่างนั้นหรือ?
จิ่วเยี่ยไม่ได้โง่ เพียงแต่แผนการที่ชั่วร้ายและซับซ้อนนั้นไม่สามารถหลอกล่อคนตรงหน้านี้ได้เท่านั้นเอง นอกจากนี้ เขายังชอบที่จะใช้ความสามารถอันแข็งแกร่งพิชิตและทำลายทุกอย่างมากกว่าอีกด้วย
มู่เฉียนซีจับมือของจิ่วเยี่ยเอาไว้ เพราะการเยาะเย้ยจิ่วเยี่ยเช่นนี้ ทำให้นางกลัวว่าจิ่วเยี่ยจะทำลายคนผู้นี้ ด้วยการโบกมือเพียงครั้งเดียวจริง ๆ
อย่างไรเสียตอนนี้ก็อยู่ต่อหน้ามู่เฉียนซี ฉะนั้นจิ่วเยี่ยจึงสามารถปรับอารมณ์ของตนเองได้เป็นอย่างดี
คนผู้นี้สำหรับซีแล้วเปรียบเสมือนญาติคนหนึ่งก็มิปาน ฉะนั้นเขาจึงไม่สามารถทำลายได้ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ เขาได้เจอกับความไม่พอใจของญาติของซีอีกด้วย
แต่ทว่าวิธีการของคนผู้นี้ยอดเยี่ยมกว่าอาเล็กและอารองมากก็เท่านั้นเอง
“เอาใหม่!” จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
หลังจากที่ผลลัพธ์ยังคงเหมือนเดิมอยู่หลายเกม และจิ่วเยี่ยก็ยังถูกฆ่าจนไม่เหลือแม้แต่ซาก ทว่าถึงแม้จะพ่ายแพ้อย ย่างน่าสังเวช แต่เขาก็ก้าวหน้าขึ้นมากเลยทีเดียว
“หยุด! ไม่เล่นแล้ว ข้าเหนื่อยแล้ว เหล่าไป๋ พาข้ากลับไปพักผ่อนเถอะ!”
“ขอรับ นายท่าน!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เช่นนั้นพวกข้าก็ขอตัวลาเช่นกัน”
เหล่าไป๋ที่อยู่ข้างหลังของเจ้านายของพวกเขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ดูนายท่านจะอารมณ์ดีนะขอรับ!”
“ใช่แล้ว! ดีมากเลยล่ะ หลังจากที่ข่มใจมานานในที่สุดก็ได้ทรมานเจ้าหนูนั่นด้วยหมากรุกเช่นนี้เสียที ข้ารู้สึกว่า าทั้งร่างกายและจิตใจผ่อนคลายไปไม่น้อยเลยทีเดียว” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เพียงแต่ว่าสมกับที่เป็นอ๋องจิ่วเยี่ย เขาจะต้องเคยเล่นหมากรุกมาไม่มากแน่นอน แต่หลังจากที่เล่นไปได้หลายกระดาน น เขากลับสามารถพบจุดสำคัญได้ แม้ว่าถึงจะเล่นต่อไป ข้าก็คงจะไม่ยอมปล่อยให้เจ้าหนูนั่นเอาชนะได้อยู่ดีก็เถอะ ะ แต่ก็คงไม่สามารถฆ่าได้อย่างมีความสุขเช่นนี้อีกแล้ว” และด้วยเหตุนี้เขาจึงรีบบอกว่าจะหยุดทันทีเช่นนี้
“นายท่านไม่ชอบคนรักของแม่นางมู่มากขนาดนี้ หากเจ้านายน้อยเจอคนที่รักเช่นกัน เช่นนั้นเกรงว่านายท่านน่าจะยิ งยากที่จะยอมรับได้นะขอรับ และก็ไม่รู้ว่านายท่านจะทำอะไรลงไปบ้าง?” ท่านไป๋กล่าวอย่างจนปัญญา
“มีใครบ้างเล่าที่จะดีใจหากลูกหัวแก้วหัวแหวนที่ดูแลมาอย่างดีถูกคนอื่นมาแย่งเอาไป หากเป็นลูกสาวสุดที่รักของข ข้า…”
“ไม่ได้ คิดไม่ได้ ทันทีที่คิดข้าก็รู้สึกโมโหจนอยากจะให้แม่หนูน้อยรีบมาช่วยรักษาข้าเสียตั้งแต่ตอนนี้เลย” เขาพยายามควบคุมตนเองไม่ให้คิดฟุ้งซ่าน และประคองความมั่นคงของอารมณ์เอาไว้ให้ได้
“ขออภัยด้วยขอรับนายท่าน! เป็นเพราะเหล่าไป๋พูดจาไร้สาระเองขอรับ”
ในวันนี้ มู่เฉียนซีก็ได้รู้มาว่า คนผู้นั้นไม่ให้ใครเข้ามาพบเลยทั้งวัน นอกจากนี้ยังเห็นคนนำสุราเข้าไปข้าง งในอีกด้วย?
นี่เขาบ้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ มู่เฉียนซีรีบบุกเข้าไปทันที นางมองไปยังเหล่าไป๋ที่กำลังเดินเข้ามาพลางกล่าวด้ว วยความโกรธว่า “สุรานั่นเอาไว้ให้ใครดื่มกัน? หรือพวกเจ้าไม่รู้ว่าร่ายกายของเขาไม่สามารถดื่มสุราได้อย่างนั้ นหรือ?”
ท่านไป๋เองก็ปวดหัวเช่นกัน จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “นี่คือสุราวิญญาณที่ดีที่สุดที่พวกเราสามารถหามาได้แล้ว พร รุ่งนี้เป็นวันที่พิเศษวันหนึ่ง และทุกครั้งที่ถึงวันนี้นายท่านก็ต้องการที่ดื่มสุราเล็กน้อยอยู่เสมอ”
มู่เฉียนซีผงะไปเล็กน้อย สำหรับคนที่ควบคุมสติของตนเองมาโดยตลอดก็ยังอดที่จะดื่มไม่ได้แม้จะมีสภาพร่างกายเช่นนี้ ฉะนั้นวันที่พิเศษนี้เกรงว่าคงจะไม่ใช่วันที่พิเศษธรรมดาแน่นอน!
“ไม่มีทางขัดขวางได้เลยจริง ๆ หรือ?”
“ไม่มีทางเลย ก่อนหน้านี้พวกเราเคยลองมาแล้ว ผลปรากฏว่านายท่านแอบไปหาสุรามาดื่มจนเป็นอันตรายยิ่งกว่าเดิมอีก ไม่สู้ทำเช่นนี้ดีกว่า! อย่างไรเสียนักปรุงยาทุกท่านต่างก็เคยลองสุราวิญญาณนี้มาแล้ว ซึ่งมันสร้างความเสียหายต ต่อร่างกายของนายท่านน้อยที่สุดแล้ว”
“ไม่สนใจแล้ว อย่างไรข้าก็ต้องเข้าไปคุยกับเขาสักหน่อย!” พลันนั้นมู่เฉียนซีก็วิ่งเข้าไปทันที
ทันทีที่มู่เฉียนซีผลักประตูเข้าไป เขาก็รู้ได้ทันทีว่านางต้องการจะมาพูดเรื่องอะไร เขาจึงกล่าวว่า “คิดไม่ถึงเ เลยว่าข้าจะซ่อนมันจากแม่หนูน้อยอย่างเจ้าไม่ได้ พวกเขาไม่ระวังเอาเสียเลย”
เมื่อเห็นดวงตาคู่นั้น มู่เฉียนซีก็รู้แล้วว่าถึงพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี มันเป็นเรื่องที่เขาตัดสินใจแ แล้ว และเขาก็ดื้อรั้นเกิดกว่าที่จะยอมให้ผู้ใดมาเปลี่ยนแปลงได้
“ข้าจะยึดสุราเหล่านี้เอาไว้ หากท่านต้องการที่จะดื่มจริง ๆ ข้าก็จะไปเตรียมสุรามาให้ท่านเอง!” มู่เฉียนซีกล่าว วกับเขา
และมู่เฉียนซีก็ไม่ยอมปล่อยให้เขาได้ปฏิเสธ จากนั้นนางก็หยิบสุราเหล่านั้นเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ และหา ายเข้าไปในห้องของตนเองทันที
นิรันดร์เองก็ชอบสุราเช่นกัน ฉะนั้นจึงมีวิธีการสร้างสุราเลิศรสจากสมุนไพรมากมาย และหลังจากที่มู่เฉียนซีหาชนิด ดที่เหมาะสมได้แล้วนางก็ดึงจิ่วเยี่ยเอาไว้พลางกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย รีบมาช่วยข้าเร็วเข้า! ข้าจะต้องกลั่นสุรา ที่เหมาะสมออกมาให้ได้ก่อนวันพรุ่งนี้”