ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2242 ชิงอิ่งกล่าวลา
มีกลิ่นหอมหวนของเนื้อย่างอบอวลไปทั่วทั้งภูเขา มู่เฉียนซีมองไปยังร่างที่กำลังง่วนอยู่กับการทำงานพลางกล่าว “จ จิ่วเยี่ย จิ่วเยี่ย มากินข้าวได้แล้ว!”
จิ่วเยี่ยหันหน้ากลับมาแล้วกล่าวว่า “ตกลง!”
เมื่อเขาเดินมาถึงตรงหน้าของมู่เฉียนซี นางก็รวบรวมพลังธาตุวารีพลางกล่าว “เจ้าล้างมือก่อน”
จิ่วเยี่ยนั่งอยู่ข้างกายของนาง จากนั้นก็ตรงเข้าไปกอดนางไว้ในอ้อมแขน พลางกระซิบถามว่า “ยังโกรธอยู่หรือไม่ ?”
“เรื่องที่เจ้าพูดว่าโกรธ หมายถึงตอนที่เจ้าต่อสู้กับกิเลนแห่งนรกอย่างไม่คิดชีวิตหรือว่าเป็นการกระทำที่ไร้มนุ ษยธรรมของเจ้าเมื่อคืนนี้กันล่ะ?” มู่เฉียนซีเลิกคิ้วถาม
“ทั้งสอง!”
“ฮึ! ตอนนี้เจ้าเพิ่งจะมารู้ตัวว่าก่อเรื่องใหญ่ไว้สองเรื่องอย่างนั้นหรือ?” สีหน้าของมู่เฉียนซีเต็มไปด้วยความโกรธ ธเคือง
“ท่าทางโกรธเคืองของซี ทำให้ข้ามีความอยากอาหารมากเลยทีเดียว!”
ความอยากอาหารของท่านอ๋องจิ่วเยี่ยไม่ใช่การกินเนื้อ แต่เป็นการกินมู่เฉียนซีเข้าไปต่างหาก
ซึ่งการยอมรับความผิดของเขาก็คือ เขาวางแผนที่จะใช้ร่างกายเพื่อชดใช้ความผิดของเขา และจะใช้ความงดงามเพื่อแก้ไข ขอารมณ์ที่กรุ่นโกรธของมู่เฉียนซี
“อุ้บ…”
มู่เฉียนซีอยากที่จะผลักออก เนื้อย่างใกล้จะไหม้อยู่แล้วเขายังจะมาเอาเปรียบนางเช่นนี้อีก
มันจะไหม้แล้วจริง ๆ นะ!
ในตอนที่เนื้อนั้นกำลังจะถูกย่างจนไหม้เกรียม จิ่วเยี่ยก็ยกมือขึ้นและเนื้อย่างนั้นก็ลอยขึ้นมากลางอากาศ หลั งจากนั้นมันจึงทำให้มู่เฉียนซียอมรับความใกล้ชิดจากเขาโดยที่ไม่ต้องวอกแวกอีกต่อไป
เมื่อเขาจูบจนใบหน้าของมู่เฉียนซีแดงระเรื่อและไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะโกรธแล้ว เขาจึงกล่าวขึ้นว่า “ข้าเพียงแค่ ไม่อยากให้ซีเห็นตอนที่ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่านั้นเอง หากว่าวันนี้ไม่ใช่วันเกิดของซี ในตอนนั้นข้าที่ไม่ใช่คู่ ต่อสู้ของกิเลนแห่งนรก ก็คงจะกลับไปฝึกฝนอยู่ที่แดนนรกอยู่ดี”
“คิดว่าข้าไม่รู้จักเจ้าหรือ เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ แล้วละก็ คาดว่าเจ้าน่าจะยังคงยืดหยัดอยู่ที่เหวนรก กนานกว่านี้ และคงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสยิ่งกว่านี้เสียมากกว่า”
“ใช่แล้ว! ซีเข้าใจข้ามากที่สุดเลย” จิ่วเยี่ยยอมรับสารภาพ
เรื่องเหล่านี้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว คราวหน้านางจะต้องเฝ้าดูจิ่วเยี่ยเอาไว้ และไม่ปล่อยให้เขาไปจัดการเจ้ากิเลนแห่ง งนรกตัวนั้นเพียงลำพังอีก
“ส่วนเรื่องเมื่อคืนนี้!” จิ่วเยี่ยกระซิบที่ข้างหูของนาง
“ข้าฉลองวันเกิดกับซีมาเป็นครั้งที่สามแล้ว แต่ข้าก็ยังไม่ได้ขอให้ซีแต่งงานกับข้า ข้าจึงอยากทำให้ซีเป็นผู้ห หญิงของข้าอย่างสมบูรณ์ ฉะนั้นข้าเลยยั้งสติไม่ค่อยอยู่เท่าไร” ภายใต้น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ไพเราะนี้เต็มไปด้วยร่ องรอยแห่งความโศกเศร้า
“ข้ารับไม่ได้จริง ๆ กลยุทธ์ที่ทำท่าทางเศร้าสร้อยเช่นนี้จื่อโยวก็เป็นคนสอนเจ้าอย่างนั้นหรือ! คิดไม่ถึงเลยว ว่าท่านอ๋องจิ่วเยี่ยที่น่าเกรงขามจะมาทำทางเศร้าสร้อยต่อหน้าข้า!” และมุมปากของมู่เฉียนซีก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย
“ต่อหน้าหญิงสาวอันเป็นที่รักของตนเอง ทำท่าเศร้าสร้อยไปก็ไม่ขายหน้าหรอก และที่ข้าพูดไปล้วนเป็นเรื่องจริงทั้งส สิ้น!”
เห็นได้ชัดว่าจิ่วเยี่ยรอมาเป็นเวลานานมากแล้ว และมู่เฉียนซีก็คิดว่าหากคำสาปถูกถอนไปแล้ว นางคงได้กลายเป็นหม มาป่าเข้าปากเสือจริง ๆ เป็นแน่
อย่างไรก็ตามสัตว์ร้ายตัวนี้เติบโตมาได้สอดคล้องกับความปรารถนาของเขาที่สุด ทั้งยังวางนางไว้ในหัวใจด้วยความร รักอย่างสุดซึ้งอีกด้วย
แม้นางจะรู้ว่าหนทางเบื้องหน้าจะเต็มไปด้วยอันตราย แต่ก็ไม่มีทางที่จะเสียใจภายหลังอย่างแน่นอน
“ข้าหิวแล้ว!”
“ซีหิวแล้ว เช่นนั้นอยากจะกินตรงไหนดีล่ะ?” จิ่วเยี่ยปลดเสื้อคลุมของตนเองออก
“ข้าไม่ชอบกินดิบ ๆ แล้วก็ไม่ได้ชอบกินเนื้อมนุษย์ด้วย” มู่เฉียนซีกล่าวพลางกัดฟันกรอด
“เช่นนั้นข้าจะป้อนเจ้าเอง!”
เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเนื้อย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ทันที่จะได้กินเข้าไป กลับต้องถูกเจ้าจิ่วเยี่ยนี่เข้ ามานัวเนียเสียก่อน
รอหลังจากที่เขาสงบลงแล้ว จิ่วเยี่ยก็ป้อนเนื้อย่างให้มู่เฉียนซีด้วยตนเอง โดยเขาค่อย ๆ ป้อนเนื้อย่างเข้าไป ในปากของมู่เฉียนซีทีละคำ ๆ
“เนื้อย่างของซีอร่อยเหมือนกันกับซีเลย!” มุมปากของจิ่วเยี่ยยกโค้งขึ้นมาเล็กน้อย
“ข้าอยากที่จะอุดปากของเจ้าเสียจริง ๆ!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างดุดัน
“แล้วแต่ซีจะจัดการเลย!”
หลังจากที่ทั้งสองกินกันจนอิ่มหนำสำราญแล้ว มู่เฉียนซีก็ดึงจิ่วเยี่ยเอาไว้พลางกล่าวว่า “ไปเก็บสมุนไพรด้วยกันกับ ข้าเถอะ!”
ยามที่แสงอาทิตย์อัสดงสาดส่องไปบนร่างของของทั้งสอง ก็เป็นตอนที่พวกเขาเก็บสมุนไพรส่วนสุดท้ายเรียบร้อยพอดี
ในปีที่เงียบสงบนี้ ขอเพียงได้จับมือไปด้วยกันกับเจ้าก็พอแล้ว!
เมื่อท่านไป๋ค้นพบว่านายท่านของพวกเขาเมาแล้ว และไม่เพียงแต่เมาเท่านั้น อีกทั้งยังดูเหมือนว่าเขาจะกำลังฝันดีอ อีกด้วย เขาจึงกล่าวกับตนเองว่า “นี่ผ่านมาก็นานหลายปีแล้ว ส่วนใหญ่ในวันนี้ของทุก ๆ ปี นายท่านมักจะฝันร้ายอย ยู่เสมอ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผ่านไปได้อย่างสบายใจเช่นนี้ แม่นางมู่ผู้นั้นช่างมีความสามารถมากจริง ๆ เลย”
ท้องนภาค่อย ๆ มืดมิดลงอย่างช้า ๆ ส่วนมู่เฉียนซีและจิ่วเยี่ยก็ได้ลงมาจากเขาแล้ว และทั้งสองก็เตรียมกลับกันใน นทันที
หลังจากที่กลับมาแล้ว มู่เฉียนซีก็ได้รู้จากปากของท่านไป๋ว่าคนผู้นั้นดื่มจนเมามาย และได้หลับไปแล้ว
นอกจากนี้ร่างกายของเขายังปกติมากและไม่มีอะไรที่ผิดปกติเลย อีกทั้งยังฝันดีอีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นก็ดีแล้ว!”
“พวกจูเชว่และชิงหลงยังอยู่หรือไม่? วันนี้ยังไม่ได้ผ่านพ้นไป ข้าว่าจะชวนพวกเขามาเลี้ยงอาหารมื้อค่ำกันอีกสั กมื้อ”
ท่านไป๋ผงะไปเล็กน้อย “วันนี้ก็เป็นวันเกิดของแม่นางมู่อย่างนั้นหรือ?”
“ยังมีคนที่เกิดวันนี้อีกหรือ?” มู่เฉียนซีชะงักงันไปทันที
“มีอยู่คนหนึ่ง แต่แม่นางมู่ไม่รู้จัก ส่วนคุณชายทุกท่านวันนี้ต่างก็ดื่มสุรากันจนเมามายและแยกย้ายกันไปพักผ่อ อนหมดแล้ว สุราที่แม่นางมู่เตรียมให้ในวันนี้ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ” ท่านไป๋กล่าวตอบ
เมาก็ดีแล้ว!
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีเอาไว้พลางกล่าวว่า “วันนี้มีเพียงข้าคนเดียวที่อยู่กับซี”
ส่วนคนอื่นก็ไสหัวออกไปซะ!
ชายหนุ่มผู้นี้ยิ่งเหนียวแน่นมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วจริง ๆ แม้แต่ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยที่มักจะกระหายเลือดอยู่เสมอ ทว ว่าเมื่ออยู่ด้วยกันกับหญิงอันเป็นที่รักแล้วก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเช่นกัน
“ตกลง! วันนี้ข้าจะอยู่กับเจ้าเท่านั้น”
ในค่ำคืนนี้ มีบางคนที่เมามายอยู่ในความฝัน และมีบางคนที่กำลังเมามายไปกับสาวงามที่น่าหลงใหลมากที่สุดคนหนึ่ง ง
ทันทีที่มู่เฉียนซีตื่นขึ้นก็สัมผัสได้ถึงจุมพิตของจิ่วเยี่ยที่มอบให้นางในตอนเช้า เขากล่าวถามว่า “ยังเหนื่อยมา ากอยู่หรือไม่?”
ปลายนิ้วของเขานวดลงเบา ๆ บนร่างกายของมู่เฉียนซี และน้ำเสียงที่เกียจคร้านของมู่เฉียนซีก็เปลี่ยนเป็นอ่อนระทวย ไปทันที “เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
ดูเหมือนว่าน้ำเสียงนี้จะเต็มไปด้วยตะขอก็มิปาน ซึ่งมันด้เกี่ยวจนใจของจิ่วเยี่ยสั่นไหวไปหมดแล้ว
ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกจองเขามืดมนลงเล็กน้อย มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า ” นวดดี ๆ แล้วก็เลิกคิดเรื่องอื่นได้แล้ว ข้ าจะไม่ยอมให้คนที่ชอบรังแกคนอื่นเข้าใจไหม?”
จิ่วเยี่ยพยายามระงับความกระสับกระส่ายภายในใจ เขากระซิบกล่าวว่า “ได้สิ! ข้าไม่กล้ารังแกซีอีกแล้ว แต่ว่าซึไม่มีคว วามคิดที่จะอยากรังแกกลับมาบ้างหรือ?”
“จะ…เจ้าถอยออกไปให้ห่างหน่อย ข้าไม่มีความคิดเช่นนั้นหรอก!”
จิ่วเยี่ยอยู่ฉลองวันเกิดกับนางมาเป็นครั้งที่สามแล้ว และถึงจะดูเหมือนนิ่งสงบแต่ความบ้าคลั่งที่อยู่ภายในใจของ งคนกลับยากที่จะหาทางสงบลงได้
วันรุ่งขึ้น ร่างกายของมู่เฉียนซีก็ยังคงอ่อนแรงและยังไม่อยากที่จะลุกขึ้นไปไหนเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่าในตอนนี้นางก กลับเห็นร่างเงาที่คุ้นเคยกำลังรอนางอยู่นอกประตู
ซึ่งคนผู้นั้นก็คือชิงอิ่งนั่นเอง!
มู่เฉียนซีเปิดประตูแล้วเดินออกมา และเมื่อเห็นว่ามู่เฉียนซีออกมาแล้ว ชิงอิ่งก็จ้องมองไปทางมู่เฉียนซีพลางเรีย ยกว่า “เฉียน!”
“ชิงอิ่ง! เจ้ารอข้าอยู่อย่างนั้นหรือ?”
ชิงอิ่งจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างนิ่งงัน อยากที่จะเอ่ยปากออกไปแต่กลับกลั้นไว้ไม่ให้ตนเองพูดออกมา
“เป็นอะไรไป? ” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเป็นกังวล
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงแล้วสินะ ชิงอิ่งกำหมัดเอาไว้แน่นพลางกล่าวว่า “เฉียน ชิงอิ่งมาเพื่อบอกลาเจ้า”
“บอกลาหรือ! เจ้าเพิ่งจะตื่นมาจากการจำศีลได้เพียงไม่นาน เจ้าจะไปไหนกัน?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ข้าต้องไปยังที่ที่ข้าสมควรไป แน่นอนว่าข้ายังมีโอกาสที่จะได้เจอกับเฉียนอีก! ฉะนั้นเฉียน เจ้าวางใจเถอะ!” ชิงอิ่งให้สัญญา
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เจ้ายอมไปด้วยความเต็มใจหรือไม่? ไม่มีผู้ใดมาบังคับเจ้าใช่หรือไม่?”
ชิงอิ่งจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างตะลึงงัน แต่ด้วยใบหน้าที่แข็งทื่อของเขาย่อมทำให้มู่เฉียนซีคาดเดาอารมณ์ของ เขาไม่ออกแม้แต่น้อย
แต่เมื่อเขามองไปที่หวงจิ่วเยี่ย เขาก็สามารถจับพลังที่อันตรายทั้งยังไม่สงบที่อยู่รอบตัวของเขาได้ และดวงต ตาคู่นั้นของเขาก็สงบมากยิ่งขึ้น
ชิงอิ่งเงยหน้ามองไปที่มู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “อื้ม! ข้ายอมเต็มใจไปด้วยตนเอง ฉะนั้นเฉียนไม่ต้องเป็นกังวลเพราะ ข้าหรอก”
เขายอมเต็มใจที่จะทำให้ความปรารถนาของเฉียนประสบความสำเร็จ เขาไม่อยากให้ผู้ใดมาทำร้ายเฉียน และอยากจะให้นางมีค ความสุขตลอดไป