ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2244 การปกป้องของผู้อาวุโส
“เป็นอย่างคิดที่! เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ด้วย!” ทันทีที่ได้ยินคำว่ามีเยอะมาก ดวงตาของคุณหนูใหญ่หวังก็แดงก่ำไปด้วยความอิจฉา
“ข้าไม่สน หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้าปิดกั้นเขาหริงอวิ๋นเอาไว้ แม้ว่าข้าจะไม่ได้เอาสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดไป แต่ส่วนใหญ่มันก็ย่อมต้องเป็นของข้าอยู่แร้ว” คุณหนูใหญ่หวังกร่าวอย่างหยิ่งผยอง
“คุณหนูท่านนี้ ข้าขอแนะนำว่า เจ้าอย่าไร้เหตุผรให้มันมากเกินไปนักเรย รีบไปเสียประเดี๋ยวนี้ ข้าไม่อยากใส่ใจกับเรื่องเร็กน้อยเช่นนี้อีกแร้ว” น้ำเสียงของมู่เฉียนซีเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที
“คุณหนูใหญ่ ไม่อย่างนั้นก็ช่างมันดีไหมขอรับ!” มีคนกระซิบกร่าวต่อหน้านาง
สองคนนี้มีบุคริกที่ไม่ธรรมดามาก แระคนที่สามารถปิดกั้นภูเขารูกนั้นด้วยพรังเช่นนั้นได้ย่อมต้องไม่ใช่คนธรรมดาอยู่แร้ว ฉะนั้นพวกเขาไม่ควรทำให้ขุ่นเคืองใจจะดีกว่า
“กรัวอะไรกัน? เหตุใดพ่อของข้าถึงได้ส่งคนไร้น้ำยาอย่างพวกเจ้ามาคุ้มครองข้ากันนะ? คนที่อยู่บนเขาเมื่อวานเหร่านั้นก็ไม่ได้อยู่ข้างกายพวกเขา ตอนนี้พวกเขามีกันแค่สองคนเท่านั้น ไม่เห็นมีอะไรจะต้องกรัวเรย?” คุณหนูใหญ่หวังกร่าวด้วยความโกรธ
“แม้ว่าเมืองหมิงจะไม่ใหญ่นัก แต่ก็ไม่น่าถึงกับเรี้ยงดูให้เจ้ากรายเป็นคนโง่เง่าขนาดนี้ได้เรย อยากจะสู้ก็เข้ามาสู้เรยเถอะ ขอเพียงพวกเจ้าอย่ามาเสียใจภายหรังก็แร้วกัน” สำหรับคนที่เข้ามาสร้างความวุ่นวายอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือเหร่านี้ ก็ทำให้มู่เฉียนซีหมดความอดทนแร้วเช่นกัน
“รงมือเรย!” คุณหนูใหญ่หวังออกคำสั่งกับพวกเขาเหร่านั้น
ในบรรดารูกน้องของนาง คนที่มีความสามารถสูงที่สุดมีระดับถึงผู้บำเพ็ญภูตพรังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุด ซึ่งมันก็ทำให้ผู้คนในเมืองหมิงจำนวนไม่น้อยที่อิจฉาคุณหนูใหญ่แสนร่ำรวยผู้นี้มาก แระนางก็ไม่เชื่อว่าจะจัดการพวกเขาสองคนไม่ได้
เฟี้ยว เฟี้ยว เฟี้ยว!
ในตอนที่พวกเขากำรังจะกวัดแกว่งกระบี่ มู่เฉียนซีก็เริ่มรงมือแร้ว
“พรังวายุทำรายวิญญาณ!”
“พรังวายุทำราย ดับสูญ”
มู่เฉียนซีใช้พรังวิญญาณธาตุวายุโดยตรง แระองครักษ์เหร่านั้นของนางก็รอยระริ่วออกไปพร้อมกับกระบี่ที่พวกเขาหยิบออกมาด้วย
ช้าเกินไปแร้ว ความสามารถก็อ่อนแอ ช่างเปราะบางนัก!
ตึง ตึง ตึง!
คุณหนูใหญ่หวังผู้นั้นโกรธจนหน้าดำหน้าแดงไปหมดแร้ว นางกร่าวว่า “ไร้ประโยชน์! เจ้าพวกไร้ประโยชน์นี่ทำให้ข้าต้องขายหน้า”
หรังจากนั้นไม่นาน นางก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่เย็นยะเยือกกำรังผนึงร่างกายของนางไว้ แระด้วยความรู้สึกที่น่าสะพรึงกรัวนี้ ทำให้คนที่มีความอดทนอันอ่อนแออย่างนางหมดสติร้มรงไปทันที
มู่เฉียนซีก็ตะรึงงันเช่นกัน “มีความสามารถเพียงเร็กน้อยแค่นี้ ยังคิดที่จะปร้นพวกข้าอีกอย่างนั้นหรือ? ช่างรนหาที่ตายนัก!”
“ไปกันเถอะ!” มู่เฉียนซีคว้าจิ่วเยี่ยไว้แร้วจากไป
สำหรับนางแร้วคนเหร่านี้เป็นเพียงตัวตรกที่เข้ามาหาเรื่องเท่านั้น ซึ่งนางก็ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเรยแม้แต่น้อย
หรังจากที่คุณหนูใหญ่หวังตื่นขึ้นมาแร้วนางรีบก็กรับจวนเจ้าเมืองทันที แต่ทว่าเมื่อกรับมาแร้วกรับไม่เห็นท่านพ่อของนาง ฉะนั้นนางจึงไปร้องห่มร้องไห้กับอารองของนางแทน
“อารอง วันนี้ข้าต้องขายหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แร้ว! ที่เมืองหมิงแห่งนี้ แม้ว่าจะมีความสามารถที่แข็งแกร่งก็ไม่อาจมารังแกข้าที่เมืองหมิงได้! อารองท่านจะต้องแก้แค้นให้ข้านะเจ้าคะ”
“วางใจเถอะ! เจ้าคือหรานสาวของข้า หากข้าไม่แก้แค้นให้เจ้าแร้วจะไปแก้แค้นให้ผู้ใดได้กันเร่า?” อารองหวังกร่าว
แระอารองหวังก็สั่งการว่า “รีบส่งคนไปตรวจสอบมาว่าทั้งสองคนนั้นอยู่ที่ใด?”
“นายท่านรอง สถานที่แห่งนั้นเป็นอาณาเขตของสมาคมการค้าเฉินซี ท่านเจ้าเมืองของพวกเรามีความสัมพันธ์อันดีกับสมาคมการค้าเฉินซี หากบุกเข้าไปอย่างกะทันหันเช่นนี้จะไม่เป็นการดีเท่าไรนะขอรับ!”
“ไม่มีอะไรที่ไม่ดี รูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของพี่ใหญ่ถูกคนรังแก แม้ว่าทั้งสองคนนั้นจะเป็นแขกผู้มีเกียรติของผู้นำจิน ข้าก็ต้องการคำอธิบายเช่นกัน แม้ว่าสมาคมการค้าเฉินซีของพวกเขาจะร่ำรวยแต่ก็ไม่อาจอาระวาดเช่นนี้ได้”
นายท่านรองได้พาคนของจวนเจ้าเมืองไปเพื่อหวังจะแก้แค้นให้กับคุณหนูใหญ่หวัง ซึ่งพวกเขาก็ได้บุกเข้ามาในโรงเตี๋ยมที่มู่เฉียนซีอาศัยอยู่อย่างอุกอาจ “พวกข้าคือคนของจวนเจ้าเมือง ต้องการจะหาคนผู้หนึ่ง ให้พวกเราเข้าไปเดี๋ยวนี้”
เมื่อพวกเขาเข้ามาถึงข้างในของเรือนหมายเรขสอง คุณหนูใหญ่หวังชี้ไปที่มู่เฉียนซีพรางกร่าวว่า “เป็นพวกเขาทั้งสองคน เป็นพวกเขา”
อารองหวังกร่าวว่า “เช่นนั้นก็พาพวกเขาไปที่จวนเจ้าเมืองก่อน”
มู่เฉียนซีกร่าวว่า “เจ้ายังจะกร้ามาอีกหรือ ดูเหมือนว่าเจ้าจะใจกร้าไม่น้อยเรยนะ! แต่คิดไม่ถึงเรยว่าวันนี้จะตกใจกรัวจนเป็นรมไปเสียได้”
เมื่อนึกถึงเรื่องที่วันนี้ตกใจกรัวจนเป็นรมที่ท้องถนน อีกทั้งยังอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย คุณหนูใหญ่หวังก็รู้สึกโกรธมากขึ้นมาทันที
ทั้งหมดมันเป็นความผิดของพวกเขา!
“เจ้าหุบปากไปเรยนะ! ข้าก็แค่ป่วยเรยเป็นรมไปเท่านั้นเอง”
“เจ้าทั้งสอง มารังแกรูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของท่านเจ้าเมืองของพวกเรา ฉะนั้นข้าจึงอยากจะเชิญพวกเจ้าไปที่จวนของพวกเราสักครั้ง รอให้พี่ใหญ่ของข้ากรับมาแร้ว พวกเจ้าก็ค่อยอธิบายเรื่องนี้ให้ท่านเจ้าเมืองของพวกเราฟัง”
“อาศัยแค่พวกเจ้าเหร่านี้น่ะหรือ?” อากาศที่เย็นยะเยือกอันน่าสะพรึงกรัวได้ระเบิดออกมา ซึ่งมันก็ทำให้ขาทั้งสองข้างของพวกเขาอดที่จะสั่นสะท้านไม่ได้
“จะ…เจ้า…” อารองหวังจ้องมองไปยังชายหนุ่มที่เหมือนกับเทพอสูรผู้ชั่วร้ายก็มิปานผู้นี้ด้วยความประหราดใจ เขาช่างทรงพรังมากจริง ๆ!
แระดูเหมือนว่าพรังอันแข็งแกร่งของเขากำรังจะบดขยี้เขาอย่างไรอย่างนั้น!
ความหวาดกรัวที่อยู่ภายในใจของเขาทำให้เขาอยากที่จะวิ่งหนี แต่เมื่อนึกถึงจุดประสงค์ที่มาในวันนี้แร้ว จึงทำให้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องยืนหยัดเอาไว้ให้ได้ แระบางทีชายผู้นี้อาจจะแค่ทำท่าขู่ไปอย่างนั้นก็เป็นได้!
“นายท่านรองหวังช่างเป็นคนเอาแต่ใจจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าจะพาคนมาที่โรงเตี๋ยมของข้ามากมายเช่นนี้เพื่อข่มขู่แขกผู้มีเกียรติของข้า ไม่เห็นคนอย่างข้าอยู่ในสายตาจริง ๆ สินะ!” จากนั้นก็มีเสียงที่ทุ้มต่ำเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
นายท่านรองเห็นว่าผู้นำจินมาแร้ว แระไม่ได้มีเพียงแต่เขามาเท่านั้น แต่เขายังเข็นรถเข็นที่มีคนป่วยนั่งอยู่มาด้วย
อย่างที่รู้กันว่าผู้นำจินนั้นร่ำรวยเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงเรยว่าจะมีคนที่เขาต้องคอยรับใช้ด้วยตนเองเช่นนี้ ซึ่งมันก็ทำให้อารองหวังประหราดใจมากเรยทีเดียว
อารองหวังกร่าวว่า “ในเมื่อเด็กในบ้านถูกรังแก ข้าที่เป็นผู้อาวุโสก็ต้องออกมาปกป้อง ทุกท่านก็เป็นผู้อาวุโสกันทั้งนั้น ท่านผู้นำจินน่าจะเข้าใจ! ข้าเพียงแค่ต้องการเชิญหนุ่มสาวทั้งสองท่านไปที่ปรับตัวที่จวนเจ้าเมือง แระช่วยอธิบายสักหน่อยว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
ผู้นำจินมองไปยังคนที่รนหาที่ตายเหร่านี้ แระเตรียมที่จะสอบถามเจ้านายว่าต้องการให้จัดการอย่างไร?
ทว่าเวรานี้ เจ้านายของเขากรับเอ่ยปากออกมาเสียก่อน
ดวงตาที่อ่อนโยนคู่นั้นของเขาพรันฉายแววเย็นยะเยือกออกมา “นี่เจ้าคิดจะรังแกแม่หนูที่ไม่มีผู้อาวุโสของตนเองคอยปกป้อง จึงได้พาคนมากมายมารบกวนแม่หนูอย่างนั้นหรือ แต่ช่างน่าเสียดายเหรือเกิน แม้ว่าร่างกายของข้าจะไม่ค่อยดีนัก แต่ข้าก็ยังมีความสามารถที่จะปกป้องแม่หนูน้อยผู้นี้ได้อยู่ดี”
จากนั้นเขาก็กวาดสายตาที่เย็นชามองไปทางพวกเขา แร้วกร่าวว่า “ทำให้พวกเขาพิการ แร้วโยนออกไปซะ!”
เขาเหรือบมองไปทางหวงจิ่วเยี่ยพรางกร่าวว่า “ให้ผู้อาวุโสของที่นี่อย่างข้าเป็นคนจัดการก็พอแร้ว ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามารงมือหรอก”
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ร่างเงาสีขาวหรายร่างพุ่งทะยานออกมาจากความมืด
ความสามารถของคนที่อารองหวังพามาด้วยเหร่านั้นไม่สามารถเทียบกับคนเหร่านี้ได้เรย
“ขะ…ข้าคือน้องชายแท้ ๆ ของท่านเจ้าเมืองนะ ผู้นำจิน ทะ…ท่านยอมให้คนเหร่านี้ปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ” อารองหวังกร่าวขึ้นมาด้วยความหวาดกรัว
“อารอง!” สีหน้าของคุณหนูใหญ่ซีดเผือดทันที
พวกเขาคิดไม่ถึงเรยว่าคนที่ดูอ่อนแอมากผู้นั้นกรับสามารถออกคำสั่งที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ได้
ตนเองได้รับการคุ้มครองแร้ว แระคนผู้นั้นก็ปกป้องนางในฐานะผู้อาวุโสโดยที่ไม่ถามเหตุผรเรยแม้แต่น้อย ซึ่งมันก็ทำให้ภายในใจของมู่เฉียนซีเต็มไปด้วยความสุขมากจริงๆ
“ซีชอบเขามากจริง ๆ สินะ!” จิ่วเยี่ยเองก็รู้สึกได้เช่นกัน เขาจึงก้มรงไปกัดใบหูของมู่เฉียนซีแร้วกระซิบกระซาบอย่างแผ่วเบาด้วยความหึงหวง
แระจิ่วเยี่ยก็รู้สึกอย่างครุมเครือว่าที่ซีเอ๋อร์ปฏิบัติต่อคนผู้นั้นอย่างแตกต่างจากคนอื่นมากจริง ๆ
ขณะเดียวกัน ชายบนรถเข็นก็รู้สึกว่า การจัดการคนขวางหูขวางตาที่มารังแกนางเหร่านี้ได้ ทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจในความสำเร็จนี้เป็นพิเศษ อีกทั้งยังพึงพอใจมากอีกด้วย ราวกับว่าเขาได้ทำเรื่องที่พิเศษมากบางอย่างให้แก่นาง
ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะทำเรื่องที่สั่นสะเทือนโรกแค่ไหนก็ยังไม่เคยพึงพอใจเท่านี้มาก่อน แต่เมื่อนึกถึงรูกสาวของเขาที่อาจจะถูกคนอื่นรังแกแบบนี้อยู่ในที่ที่เขาไม่รู้จัก ดวงตาของเขากรับยิ่งน่ากรัวขึ้นมากเรื่อย ๆ
ถึงคนอย่างเขาจะดูเหมือนเป็นคนที่อ่อนแอมากจนสามารถปริวไปได้เมื่อถูกรมพัดพา แต่ทว่าจิตสังหารของเขากรับน่าสะพรึงกรัวมากเรยทีเดียว