ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2246 ขี้งกเหมือนกัน
เพราะความเชื่อใจนี้ ทำให้นางไม่อยากให้มีเรื่องที่ไม่คาดคิดใด ๆ เกิดขึ้นกับเขาเลย
เพียงแต่การระมัดระวังเช่นนี้นั้นถูกต้องแล้ว นางในตอนนี้ยังไม่เข้าใจถึงพลังทั้งหมดของราชวงศ์ตงหวง และที่นางได้เคยพบเห็นมาก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง
อย่างไรเสียนางเพียงแค่ตบหน้าของมู่หลินหลางเท่านั้น ไม่ว่ามู่หลินหลางจะได้รับความโปรดปรานจากราชวงศ์ตงหวงมากเพียงใด แต่นางก็เป็นเพียงองค์หญิงคนหนึ่งเท่านั้น
แต่หากมีคนไปแตะต้องรากฐานของราชวงศ์ตงหวง และคุกคามตำแหน่งของราชวงศ์ตงหวง แน่นอนว่าราชวงศ์ตงหวงย่อมพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อมาทำลายมันอยู่แล้ว
“ข้าต้องเชื่อใจเจ้าอยู่แล้ว และข้าจะไม่มีทางสงสัยเจ้าแน่นอน ข้าสัญญา! ซึ่งแม้แต่คนอื่นก็ไม่ได้รับอนุญาติเช่นกัน” เขากล่าวพลางมองไปที่มู่เฉียนซี
ความเชื่อใจอย่างสมบูรณ์นี้ทำให้มู่เฉียนซีมีความสุขเป็นอย่างมาก และไม่ว่าอย่างไรนางก็จะไม่มีทางทรยศต่อความเชื่อใจนี้อย่างแน่นอน
พวกเขาเตรียมทุกอย่างเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว และเริ่มทำการเคลื่อนย้ายในทันที ภายนอกของรถม้าที่เตรียมไว้ให้เขาดูธรรมดาเป็นอย่างมาก แต่ทว่าภายในกลับได้รับการออกแบบมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ
เมื่อดูจากฝีมือแล้ว มู่เฉียนซีก็รู้ว่าเป็นนักปรุงยาขั้นเทวะลงมือทำด้วยตนเอง และคาดว่าน่าจะใช้เวลาพอสมควรถึงสามารถสร้างมันออกมาได้
หลังจากที่มู่เฉียนซีประคองคนขึ้นไปบนรถม้าแล้ว นางกลับถูกดึงเอาไว้ “แม่หนูนั่งข้างบนนี้กับข้าเถอะ ข้างในค่อนข้างกว้างขวางมาก เพิ่มมาอีกคนคงไม่แออัดเกินไปนักหรอก”
จิ่วเยี่ยรีบกล่าว “ไม่ได้!”
มู่เฉียนซีเอ่ยปากกล่าว “การเดินทางไม่ไกลมากนัก อีกทั้งคนอื่นไม่สามารถสัมผัสเขาได้ แต่ข้าทำได้ ฉะนั้นข้าจึงสามารถดูแลเขาบนนี้ได้พอดี!”
“อืม!”
จิ่วเยี่ยพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็หายไปจากสายตาของทุกคนทันที
เมื่อมู่เฉียนซีได้นั่งอยู่บนรถม้า มันก็ทำให้คนอื่นรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก นายท่านประคบประหงมมู่เฉินซีผู้นี้จนขาดสติไปแล้ว และก็คงเป็นเพราะนายท่านคิดถึงลูกสาวมากเกินไปอย่างแน่นอน
เขากล่าวว่า “ท่านอ๋องจิ่วเยี่ย ชายผู้นั้นช่างขี้งกเหลือเกิน”
“หรือว่าในความรู้สึกของท่าน ท่านไม่ใช่คนขี้งกอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
คนที่เฉลียวฉลาดราวกับปีศาจอย่างเขาถูกคำพูดเช่นนี้สกัดเอาไว้จนพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว และเพราะมันเป็นเรื่องบังเอิญมาก ที่เขาเองก็เป็นคนขี้งกเช่นเดียวกัน
เนื่องจากภายในความรู้สึกนั้นมีความรักอย่างลึกซึ้ง ฉะนั้นมันจึงยิ่งทำให้มีความใส่ใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
มีน้อยคนนักที่จะสามารถเข้าใกล้และพูดคุยกับเขาได้ ซึ่งตอนนี้ก็มีคนที่ทำให้เขามีความสุขเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้ว และแน่นอนว่าผู้ที่แอบซุ่มควบคุมกองกำลังไว้อย่างมากมายเช่นเขาไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้อยู่แล้ว
หลังจากที่ขึ้นไปบนรถม้าได้เพียงไม่นาน เขาก็ออกคำสั่งหลายอย่างติดต่อกัน และก็ไม่รู้ว่าวางแผนส่งคนไปทั้งหมดกี่คนแล้วกันแน่?
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ท่านช่างยอดเยี่ยมมากจริง ๆ หากร่างกายของท่านดีขึ้นบางแล้ว ข้าก็อยากที่จะได้คำแนะนำจากท่านเช่นกัน”
“แม่หนูน้อยไม่รู้สึกว่าวิธีการสั่งการคนอย่างลับ ๆ เป็นเรื่องที่ร้ายกาจมากอย่างนั้นหรือ? เพราะสุดท้ายแล้วมันก็ไม่ใช่พฤติกรรมที่ปิดเผยและตรงไปตรงมาเลย”
“หากท่านมีสุขภาพร่างกายที่สามารถต่อสู้กับศัตรูได้อย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา เช่นนั้นข้าก็รู้สึกว่าคงจะไม่มีศัตรูเหล่านั้นอยู่อีกต่อไปแล้วล่ะ และไม่ว่ามันจะเป็นวิธีการอะไร? แค่สามารถปกป้องตนเองได้ สามารถปกป้องคนสำคัญของตนเองได้ เช่นนั้นความเสี่ยงและการเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาจะไปสำคัญอะไร สู้ไร้จิตสำนึกไปเลยก็ยิ่งดี” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าคิดที่จะจัดการผู้ใดกันล่ะ? ตามที่ข้ารู้มาด้วยความฉลาดของแม่หนูน้อย แม้แต่ซวนอู่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าเลย เจ้าไปเจอคู่ต่อสู้แบบใดมากันแน่?” เขากล่าวถาม
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “ท่านก็คงจะคุ้นเคยกับคนผู้นั้นเป็นอย่างมากเช่นกัน เขาก็คือเป่ยกงจั๋ว”
“องค์รัชทายาทเป่ยกงสินะ! เป็นกระดูกที่เคี้ยวยากจริง ๆ” เขากล่าวพลางถอนหายใจ
“ข้าจะช่วยเจ้าวางแผนเอง” และเขาเริ่มให้ความสนใจขึ้นมาแล้ว
“ตอนนี้จัดการเรื่องของท่านให้เรียบร้อยก่อนเถอะ! เรื่องที่ท่านจะต้องจัดการยังมีอีกไม่น้อยเลย ในช่วงนี้เป่ยกงจั๋วยังไม่กล้าที่จะมาหาเรื่องข้าหรอก” เนื่องจากว่าคราวที่แล้วจิตวิญญาณของเป่ยกงจั๋วได้รับบาดเจ็บ ฉะนั้นเสี่ยวไป๋ไม่มีทางปล่อยเขาไปง่าย ๆ แน่นอน
และสิ่งที่มู่เฉียนซีต้องคิดไม่ถึงหลังจากที่พวกเขาออกมาจากเมืองหมิงแล้ว นั่นก็คือการมาช้าไปของมู่เฟิงหลิงนั่นเอง
ซึ่งคราวนี้สถานที่ที่พวกของมู่เฉียนซีเคลื่อนย้ายไป ไม่ได้มีการทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ให้กับคนของหอหมอปีศาจเลย และนี่ก็ทำให้มู่เฟิงหลิงแทบจะคลั่งไปเลยทีเดียว
“แล้วคนของสมาคมการค้าเฉินซีเหล่านั้นลักพาตัวซีเอ๋อร์ของข้าไปถึงไหนแล้ว?”
ในเมื่อมีใครสักคนร่วมทางไปด้วย มันจึงทำให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วมากเป็นพิเศษ
เป้าหมายของพวกเขาในคราวนี้คือเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง และในเมืองเล็ก ๆ นั้นยังมีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติมากมายอีกด้วย ซึ่งมันเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับบำรุงร่างกายมากทีเดียว
และแน่นอนว่า พวกเขาไม่ได้ไปถึงที่หมายอย่างสงบสุขตลอดทั้งทางอยู่แล้ว เพราะในระหว่างที่ผ่านมาได้ครึ่งทางก็มีกองกำลังสังหารกลุ่มหนึ่งเคลื่อนไหว
ปัง ปัง ปัง!
ลูกธนูนับไม่ถ้วนถูกรถม้าป้องกันเอาไว้ได้ ซึ่งการป้องกันนี้เทียบเท่ากับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพ ฉะนั้นอาวุธธรรมดาไม่มีทางทำลายได้อยู่แล้ว
ตอนนี้พวกเขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับการลอบโจมตี คนที่อยู่ข้างกายยังคงนิ่งสงบไม่ไหวติง อีกทั้งยังจัดการเรื่องของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างไม่มีความสะทกสะท้านแต่อย่างใดอีกด้วย
สำหรับเรื่องลอบสังหารเช่นนี้เขาเห็นจนชินชาแล้ว และในตอนนี้ก็มีกลิ่นบางอย่างกำลังโชยมา เขาผงะไปเล็กน้อย “ไม่ใช่พิษ!”
“ไม่ใช่พิษ แต่ว่า…”
“ทะ…ท่านกลั้นหายใจให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้เสีย!”
หากเป็นคนอื่น นางสามารถใช้การฝั่งเข็มเพื่อปิดกั้นประสาทสัมผัสทั้งห้า และทำให้เขาไม่ได้รับผลกระทบจากกลิ่นหอมนี้ได้
แต่ทว่าคนตรงหน้านี้ของนางคือข้อยกเว้น นางไม่กล้าแม้แต่จะแทงเข็มลงไปบนตัวของเขาสักเข็มเดียว
เนื่องจากว่าหากแทงลงเพียงครั้งเดียว มันก็เพียงพอที่จะปลิดชีพของเขาได้แล้วนั่นเอง
ร่างของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหว และนางก็พุ่งทะยานออกไปโดยตรง
มู่เฉียนซีที่เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตคนหนึ่ง ซึ่งดูอ่อนแอมากอย่างเห็นได้ชัด เมื่อมาปรากฏอยู่ในสนามรบที่สับสนวุ่นวายเช่นนี้ ทำให้ตอนนี้ก็ไม่มีใครคิดที่จะลงมือกับนางแม้แต่คนเดียว
“คิดไม่ถึงเลยว่าข้างกายของคนผู้นั้นจะมีสาวน้อยที่ดูบอบบางเช่นนี้คอยอุ่นเตียงให้ด้วย”
ขณะที่พูดเช่นนั้น ก็เริ่มลงมือโจมตีไปทางมู่เฉียนซี
ร่างเงาสีดำร่างหนึ่งสว่างวาบขึ้น จากนั้นพลังที่น่าขนพองสยองเกล้าก็ได้สกัดกั้นเขาเอาไว้ และทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าตนเองหายใจไม่ออกขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ภายในมือของเขายังบีบไปที่ต้นคอของคนผู้นั้นเอาไว้ และมู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นมาว่า “คนผู้นี้ก็คือคนที่ปล่อยกลิ่นธูปดูดคำสาปออกมา”
“แค่ก แค่ก แค่ก!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! มันคือธูปดูดคำสาป ชายผู้นี้ และคนที่อยู่ในรถม้าคนนั้นถูกวิชาคำสาป หากได้สูดดมกลิ่นของธูปดูดคำสาป พลังคำสาปก็จะไม่สามารถควบคุมได้อย่างสิ้นเชิง จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็จะต้องตาย! ต้องตายแน่นอน ภารกิจของข้าลุล่วงแล้ว วิธีของท่านนักเล่นคาถาอาคมนี้ ในแดนซวนเทียนแห่งนี้ไม่มีผู้ใดสามารถทำลายได้” คนผู้นั้นกล่าวพลางหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
และยังไม่ทันที่เสียงหัวเราะจะหยุดลง คอของเขาก็เปลี่ยนจนกลายเป็นเพียงกระดูกขาว และเขาก็ถูกจิ่วเยี่ยบีบจนคอหัก
ร่างของคนผู้นั้นร่วงลงไปจากกลางอากาศ และในระหว่างที่ร่างของเขากำลังร่วงลงไปนั้นมันก็ได้กลายเป็นเถ้ากระดูกสีขาว จนสุดท้ายก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
และกองกำลังลอบสังหารเหล่านั้นก็เผยสีหน้าที่หวาดกลัวออกมา!
“ผนึก!” มู่เฉียนซีกล่าวออกมาคำหนึ่ง และพลังคำสาปในร่างคำสาปของนางระเบิดออกมา
ธูปดูดคำสาปนั้นยังคงแพร่กระจายออกมา ซึ่งมีเพียงวิชาคำสาปเท่านั้นถึงสามารถผนึกมันเอาไว้ได้ และบังเอิญว่ามู่เฉียนซีสามารถใช้กระบวนท่านั้นได้พอดี
ฟู่ ฟู่ ฟู่!
หลังจากที่ผนึกธูปดูดคำสาปนั้นแล้ว มู่เฉียนซีก็พ่นยาน้ำเพื่อขจัดกลิ่นของธูปนี้ออกไปจนหมดสิ้น
แต่ทว่ากลิ่นธูปที่พวกเขาทั้งสองคนสูดดมเข้าไปก่อนหน้านี้ยังคงมีผลกระทบอยู่ดี อาทิเช่นพลังคำสาปบนร่างกายของจิ่วเยี่ยไม่สามารถควบคุมได้ จนระเบิดออกมาในที่สุด
และการทำให้คนที่ปล่อยกลิ่นธูปดูดคำสาปเมื่อครู่นี้กลายเป็นเถ้ากระดูก็ยังไม่เพียงพอสำหรับเขา!
ร่างสีดำของจิ่วเยี่ยสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง และเริ่มเข่นฆ่าอย่างไม่ออมมือ!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเจ้าถอยออกไปให้หมด ไปคุ้มครอบอยู่ข้างกายเจ้านายของพวกเจ้า ออกห่างจากจิ่วเยี่ยไปให้ไกลหน่อย”
มู่เฉียนซีค้นพบว่าจิ่วเยี่ยสูญเสียการควบคุมตนเองไปเล็กน้อย และหากสูญเสียการควบคุมไปแล้วละก็เขาจะโจมตีคนโดยไม่เลือกหน้าแน่นอน
พวกเขาเองก็ค้นพบว่าท่านอ๋องจิ่วเยี่ยในเวลานี้อันตรายเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของมู่เฉียนซีก็รีบล่าถอยไปอยู่ข้างรถม้า จากนั้นก็ปกป้องรถม้าของเจ้านายไว้เป็นชั้น ๆ ทันที
กองกำลังสังหารเหล่านั้นกล่าวอย่างหวาดกลัวว่า “ให้ตายเถอะ! ท่านนั้น…ท่านนั้นคือท่านอ๋องจิ่วเยี่ย!”