ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2248 ถังน้ำส้มสายชูพลิกคว่ำแล้ว
คัมภีร์หมื่นคำสาปกล่าวตอบว่า “มีสิ! หากไม่มีทางแก้แล้วละก็ เช่นนั้นก็ผนึกมันเอาไว้เสียสิ!”
“เช่นนั้นก็ส่งวิธีการผนึกออกมา!” มู่เฉียนซีกล่าว
“ได้สิ! เจ้าคือเจ้านายของข้า ข้าบอกว่าจะมอบให้เจ้าก็ต้องมอบให้เจ้าอยู่แล้ว แต่เจ้าต้องตอบรับคำขอของข้าอย่าง งหนึ่ง!” คัมภีร์หมื่นคำสาปกล่าว
เนื่องจากพลังจิตวิญญาณของเจ้านายแข็งแกร่งเกินไป แม้ว่าก่อนหน้านี้จะยังพอสู้นางได้บ้าง แต่ทว่าตอนนี้ มันรู้สึก กว่าตนเองอย่ารนหาที่ตายเลยจะดีกว่า ฉะนั้นมันย่อมเลือกที่จะให้ความร่วมมืออยู่แล้ว
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วกล่าวว่า “จะขออะไร?”
“คราวหน้าในตอนที่เจ้าพวกนั้นปรากฏตัวออกมา ข้าต้องการที่จะสู้ตัวต่อตัวกับพวกเขา ข้าก็ไม่ได้แย่ไปกว่าพวกเขาหร รอกนะ!” คัมภีร์หมื่นคำสาปกล่าว
“ข้าคิดว่าเจ้าอยากจะขอให้ข้าปล่อยเจ้าไปเสียอีก” นางกล่าวอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
“ปล่อยข้าหรือ เจ้าเป็นคนที่เหมาะสมที่จะมาเป็นเจ้านายของข้ามากที่สุดแล้ว เหตุใดข้าจะต้องไปจากเจ้าด้วยล่ะ น นอกจากนี้เจ้าก็จำเป็นที่จะต้องผนึกข้าเอาไว้ด้วย มิเช่นนั้นแล้วละก็ เกรงว่าพวกโง่เง่าอย่างเผ่าคำสาปเหล่านั่น นจะต้องหาข้าเจอเป็นแน่ เพราะตอนนี้กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวเหล่านี้ของข้าน่าจะถูกเปิดเผยจนพวกเขาสัมผัสถึงมัน ได้แล้วอย่างแน่นอน ฉะนั้นเจ้าก็อย่าตายเสียล่ะ”
และคราวนี้คัมภีร์หมื่นคำสาปก็เข้าสู่การจำศีลด้วยตนเอง ส่วนมู่เฉียนซีที่ได้รับวิธีการผนึกมาแล้ว ก็ได้ผนึกคั มภีร์หมื่นคำสาปเอาไว้ทันที
คัมภีร์หมื่นคำสาปให้ความร่วมมือมากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ จนทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกว่ามันคุ้มค่ามาก ถึงผลที่ตามม มาจะเป็นการดึงดูดพวกเผ่าคำสาปก็ตาม
หอหมอปีศาจของนางในตอนนี้มีรากฐานแล้ว นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งมากอีกด้วย อีกไม่นานนางก็จะหาท่านพ่อ อเจอแล้ว ฉะนั้นถึงเผ่าคำสาปจะเดินทางมาถึงอาณาเขตของแดนซวนเทียน ก็บอกไม่ได้ว่าชัยชนะจะเป็นของผู้ใดกันแน่!
“จิ่วเยี่ย พวกเรากลับกันเถอะ!”
มู่เฉียนซีกลับไปอย่างรวดเร็ว และได้รับรู้ว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก แม้แต่หัวใจก็หยุดเต้นไปหลายครั้งแล้วเช่นก กัน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย ข้าคงต้องขอยืมเลือดของเจ้าอีกครั้งแล้วล่ะ”
ภายในวิธีที่คัมภีร์หมื่นคำสาปให้นางมา จำเป็นที่จะต้องใช้เลือดของคนที่มีคำสาประดับสูงกว่าถึงจะสามารถทำได้ ฉ ฉะนั้นเลือดของจิ่วเยี่ยจะต้องมีความสามารถในการผนึกวิชาคำสาปชนิดต่าง ๆ อย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ยังสามารถผนึกคำสาปนั้นบนร่างกายของอารองได้ ดังนั้นตอนนี้ก็ต้องสามารถทำได้เช่นกัน
จิ่วเยี่ยพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ตกลง!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกท่านถอยออกไปก่อน!”
หยดเลือดสองสามหยดลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ และพลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีก็ได้ควบคุมเลือดนั้นของจิ่วเยี่ยเอาไว้ หลังจากนั้นก็วาดอักขระคำสาปลงบนตัวของเขา!
“สามารถ…สามารถถอดหน้ากากของเขาออกมาได้หรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
นายท่านไป๋กล่าวว่า “แม้ว่าจะไม่สามารถถอดหน้ากากออกได้หากไม่ได้รับอนุญาตจากนายท่าน แต่ทว่า…สถานการณ์ตอนนี้กำ ำลังเร่งด่วนนัก ฉะนั้นได้โปรด…”
“พวกเจ้าถอยออกไปให้หมด หากผู้ใดกล้าแม้แต่เหลือบมอง ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”
“ขอรับ!”
มู่เฉียนซีถอดหน้ากากของเขาออก เดิมทีคาดหวังว่าจะสามารถมองเห็นใบหน้าที่สง่างามของเขาได้
อย่างไรเสียรูปร่างหน้าตาเช่นนั้นก็เหมาะสมกับนิสัยของเขามากกว่า แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่!
บนใบหน้านี้ มีรอยแผลสลับกันไปมาจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน และเนื่องจากรอยแผลเป็นมีมากจนเกินไป มันจึงทำให้มองรูปร ร่างหน้าตาก่อนที่จะถูกทำลายของเขาไม่ออกเลยจริง ๆ
หัวใจของมู่เฉียนซีกระตุกอย่างเจ็บปวด นางพยามอย่างยิ่งที่จะทำให้จิตใจสงบลง เพื่อทำเรื่องที่สำคัญอย่างการผน นึกคำสาปให้ได้ก่อน
ส่วนปัญหาเรื่องการฟื้นฟูใบหน้านั้น ไม่ได้ยากสำหรับหมอปีศาจอย่างนางเลย
อักขระคำสาปที่ซับซ้อนได้ถูกสลักลงไป จากนั้นมันก็ได้ผสานเข้ากับผิวหนังของเขา ราวกับว่าทั้งร่างกายทั้งหมดเต็ มไปด้วยรอยสักอย่างไรอย่างนั้นเลย
เนื่องจากว่ามันไม่ได้เข้าไปในร่างกาย ดังนั้นพลังนั้นจึงไม่ได้สะท้อนกลับมาแต่อย่างใด
เพียงแต่พลังปีศาจนั้นคืออะไรกันแน่? จนถึงตอนนี้มู่เฉียนซีก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้เลย
ผลกระทบของคำสาปได้ถูกตรึงเอาไว้ให้อ่อนแอที่สุดแล้ว และเมื่อมู่เฉียนซีได้ยินเสียงหายใจยาว ๆ ของเขา นางก็ค ค่อย ๆ สวมหน้ากากกลับเข้าไปอย่างแผ่วเบา พร้อมกับกล่าวว่า “ไม่เป็นไรแล้ว!”
“ออกเดินทางเถอะ เราไม่ควรอยู่ที่นี่นานเกินไปนัก” มู่เฉียนซีกล่าวกับคนอื่น ๆ
“แต่ร่างกายเช่นนี้ของนายท่านหากรีบออกเดินทางจะไม่เป็นอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่เป็นไร! ไปกันเถอะ! ถึงจะอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่ได้ดีเท่าไรนักหรอก”
แน่นอนว่า ในการเดินทางหลังจากนี้มู่เฉียนซีไม่สามารถอยู่ในรถม้าได้อีกแล้ว
ไม่ใช่เพราะภายในรถม้ากว้างขวางไม่พอ แต่เป็นเพราะนางถูกจิ่วเยี่ยลักพาตัวไปแล้วนั่นเอง
“อุ้บ...” ซีจะใส่ใจคนผู้นั้นมากเกินไปแล้ว และการใส่ใจมากเกินไปของนางก็ทำให้ถังน้ำสมสายชูของจิ่วเยี่ยพลิกคว่ำ ำไปเรียบร้อยแล้ว
ในที่สุดก็มาถึงที่หมาย และหมู่บ้านแห่งนี้ก็ได้ถูกคุ้มกันอย่างเข้มงวดเป็นอย่างมาก
ในระหว่างทางนายท่านของพวกเขาก็ไม่ได้มีตรงไหนที่รู้สึกไม่สบายแต่อย่างใด ซึ่งนี่ก็ทำให้ทุกคนต่างถอนหายใจด้วย ความโล่งอก
ทุกเรือนหลักภายในหมูบ้านแห่งนี้ต่างก็มีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติด้วย และมู่เฉียนซีก็ถูกจัดให้อยู่ภายในเรือนที รองลงมาจากเจ้านายของพวกเขาเช่นเคย
เพราะอย่างไรเสียนางไม่เพียงแต่เป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตนายท่านเอาไว้ แต่ยังเป็นคนที่ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศ ศษจากนายท่านอีกด้วย ฉะนั้นพวกเขาย่อมต้องเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดให้นางอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีลงมาแช่อยู่ในบ่อน้ำพุร้อน เพื่อชำระล้างความเหนื่อยล้าและความตึงเครียดในระหว่างการเดินทาง
มู่เฉียนซีหลับตาทั้งสองข้างลงพลางกล่าวถามว่า “จิ่วเยี่ย เจ้าว่าพลังนั้นที่จริงแล้วมันคือพลังอะไรกันแน่? มั นช่างพิลึกพิลั่นมากเหลือเกิน”
ตูมมม!
เดิมทีจิ่วเยี่ยยังคงอยู่บนบ่อน้ำ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉียนซีเขาก็กระโดดลงไปในน้ำ จากนั้นก็ว่ายไปทาง ข้างหลังของนาง
“อื้ม! ในเวลาเช่นนี้ ซีก็ยังคงคิดถึงเขาอีกสินะ!” จิ่วเยี่ยเข้ามาใกล้ จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างหลังข ของนาง
และตอนนี้มู่เฉียนซีก็รู้สึกว่า การถามจิ่วเยี่ยในเวลานี้เป็นเรื่องที่ผิดพลาดเป็นอย่างมาก
เดิมทีไหน้ำส้มสายชูนี้ก็พลิกค่ำไปแล้ว บวกกับเวลาและสถานที่ที่เหมาะสม จึงทำให้นางตกลงไปในปากเสืออย่างรวดเ เร็ว
“อื้อ…”
สุดท้ายแล้วมู่เฉียนซีก็ไม่รู้ว่าถูกจิ่วเยี่ยพาออกมาจากในบ่อน้ำพุร้อนตั้งแต่เมื่อไร และคืนนี้ทั้งคืนนางก็หล ลับสนิทดีมากจริง ๆ
เรื่องคำสาปที่อันตรายพอ ๆ กันของพวกเขาทั้งสองคนระเบิดออกมาในเวลาเดียวกันนั้น เป็นเรื่องที่น่าอกสั่นขวัญแขวนมา ากจริง ๆ
แม้ว่านางจะเป็นหมอปีศาจ แต่ก็เกือบที่จะต้านทานไม่ไหวเช่นกัน แต่โชคยังดีที่คัมภีร์หมื่นคำสาปรู้จักเอาตัวรอด ดมากกว่าที่คิด
จู่ ๆ คนที่นอนหลับอยู่ภายในเรือนหลักก็ตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน และการหลับใหลไปในครานี้ก็ช่างเป็นการนอนหลับท ที่สบายมากจริง ๆ
ในตอนที่สติของเขาเลือนรางจนไม่สามารถประคับประคองเอาไว้ได้อีกต่อไป เขาก็สัมผัสได้ว่ามีพลังบางอย่างมาห่อหุ้ม ร่างกายของเขาเอาไว้
และในตอนที่เขายกมือขึ้น เขาก็พบว่ามีอักขระคำสาปสีดำถูกสลักไว้ทั่วทั้งร่างกายของเขา
แม้ว่าอักขระคำสาปนี้จะเป็นสีดำ แต่กลับไม่ได้น่าเกลียดนัก อีกทั้งทุกลายเส้นของมันก็ยังสมบูรณ์แบบ จนสามารถร รับรู้ได้เลยว่าคนที่สลักมันนั้นใส่ใจมากเพียงใด
เขากล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “เหล่าไป๋!”
“นายท่าน!” ท่านไป๋ปรากฏตัวขึ้นทันที และรู้ว่านายท่านต้องการที่จะรู้อะไรบ้าง ดังนั้นเขาจึงได้รายงานสถานการณ ณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้นายท่านฟังอย่างละเอียด
“แม่นางมู่เป็นคนที่พิเศษมากจริง ๆ ตอนนี้นางได้ผนึกคำสาปที่อยู่ในตัวของนายท่านเอาไว้ได้แล้ว หากหลังจากนี้ หากเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้น คำสาปนี้ก็จะสงบลงไปมากเลยทีเดียวขอรับ”
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “แม่หนูใช้เลือดของท่านอ๋องจิ่วเยี่ยมาผนึกคำสาปบนร่างกายของข้าอย่างนั้นหรือ ให้ตายเถอะ! ! ข้าไม่อยากที่จะติดหนี้บุญคุณของเจ้าหนูนั่นเลยจริง ๆ”
ท่านไป๋เองก็จนปัญหามากจริง ๆ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว นายท่านยังจะมีอคติต่อท่านอ๋องจิ่วเยี่ยมากมายถึงเพียงนี อยู่อีก
มู่เฉียนซีตื่นสายเล็กน้อย นางจึงรีบไปที่เรือนหลักเพื่อตรวจคนไข้หมายเลขสองของนาง และหลังจากที่ตรวจเสร็จแล้ว ว มู่เฉียนซีก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อพลังคำสาปได้ถูกผนึกไปแล้วมันก็จะผ่อนคลายขึ้นมากเลยทีเดียว หลังจ จากนี้ข้าก็สามารถลองใช้วิธีที่อ่อนโยนในการรักษาแผลและถอนพิษให้ท่านได้แล้ว เพียงแต่ข้ากลัวว่าพลังนั้นจะเป ป็นพลังของปีศาจ จึงไม่กล้ารับประกันว่าจะมีปัญหาหรือไม่ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องได้รับการอนุญาตจากท่านก่อน”
เขากล่าวตอบว่า “มีครั้งใดบ้างที่ข้าได้รับการรักษาโดยไม่มีความเสี่ยง นอกจากนี้ไม่มีคำสาปคอยมาขัดขวางแล้วน่าจะ ไม่เสี่ยงมากเท่าไรนัก แม่หนูน้อยเจ้าลงมือทำได้เลย!”
“ตกลง! ข้าจะทำอย่างสุดความสามารถแน่นอน” มู่เฉียนซีกล่าวตอบ
เขาจ้องมองไปที่ใบหน้าของมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “เมื่อวานนี้ ตอนที่เจ้าถอดหน้ากากของข้าออก มันคงไม่ได้ทำให้ เจ้าตกใจกลัวใช่หรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าเป็นถึงนักปรุงยาที่ยอดเยี่ยม อาการบาดเจ็บบนใบหน้าของท่านไม่เท่าไรเลยเมื่อเทียบกับอาก การบาดเจ็บบนร่างกายของท่าน ฉะนั้นมันจะทำให้ข้าตกใจกลัวได้อย่างไร? รอหลังจากที่ร่างกายของท่านได้รับการฟื้นตัว วจนหายดีแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากสำหรับข้า”
“แต่ข้าก็ต้องขอโทษด้วย ที่ข้าถอดหน้ากากของท่านออกโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต” มู่เฉียนซีกล่าวขอโทษ