ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2249 ชิงอิ่งหายไป
“มันเป็นสถานการณ์เร่งด่วน เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก ข้าควรที่จะขอบคุณเจ้าสิถึงจะถูก!” มีรอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นมาตรงมุมปากของเขา ซึ่งเขาไม่ได้ใส่ใจมันเลย
“หากต้องการขอบคุณข้าละก็ เช่นนั้นหลังจากนี้ท่านก็จะต้องให้ความร่วมมือในการรักษาเป็นอย่างดีด้วย!”
“อื้ม! เช่นนั้นหลังจากนี้ท่านปรมาจารย์นักปรุงยามู่โปรดดูแลข้าด้วย” เขามองมู่เฉียนซีด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเชื่อใจ สำหรับแม่สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ เขาชื่นชอบนางจากก้นบึ้งของหัวใจเลยจริง ๆ!
มู่เฉียนซีปรึกษาหารือกับนักปรุงยาทุกท่านอีกครั้ง นักปรุงยาเหล่านั้นกล่าวว่า “ยาลูกกลอนหรือท่านอาจารย์มู่ หากเป็นยาลูกกลอนแล้วละก็ ถึงจะเป็นยาลูกกลอนที่สามารถใช้ประโยชน์ในการช่วยชีวิตนายท่านได้ แต่มันก็ทำให้นายท่านต้องเจ็บปวดมากอยู่ดี! แม้ว่ายาลูกกลอนเหล่านั้นจะสามารถรักษาแผลเก่ากับถอนพิษร้ายแรงเหล่านั้นได้ ทว่ามันไม่เพียงจะไม่ช่วยนายท่านแต่อาจจะสะท้อนกลับอีกด้วย”
“ใช่แล้ว สถานการณ์มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นภายใต้สถานการณ์ปกติพวกเราไม่สามารถใช้ยาลูกกลอนอะไรได้เลย และทำได้เพียงเฝ้ามองนายท่านต่อสู้กับความเจ็บปวดเท่านั้น”
“……”
พวกเขาโศกเศร้าเป็นอย่างมาก เพราะถึงพวกเขาจะถือได้ว่าเป็นนักปรุงยาระดับแนวหน้าของแดนซวนเทียน แต่ก็เป็นครั้งแรกที่รู้สึกไร้ความสามารถเช่นนี้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าจะใช้ยาลูกกลอนที่เหมาะสมและค่อนข้างอ่อนโยนมารักษาบาดแผลก่อน ส่วนพิษนั้นได้หยั่งรากลึกลงไปในร่างกายนายท่านของพวกท่านแล้ว ซึ่งมันน่าจะมีภูมิคุ้มกันแล้วแน่นอน ดังนั้นจึงควรที่จะทำให้ร่างกายของเขาแข็งแรงขึ้นมาก่อนจะดีกว่า”
“หากไม่สามารถใช้ยาลูกกลอนได้ ข้าค่อยคิดหาวิธีอื่นอีกที!”
มู่เฉียนซีได้นำยาลูกกลอนที่เหมาะสมทั้งหมดออกมาจากในมรดกที่ได้รับสืบทอดมาจากนิรันดร์ จนในที่สุดก็เลือกยาที่เหมาะสมออกมาได้แล้ว และยังปรับปรุงให้เหมาะสมขึ้นไปอีกด้วย
ถึงคุณสมบัติทางยาจะอ่อนไปสักหน่อยก็ไม่เป็นอะไร ขอเพียงแค่ผลของยาไม่รุนแรง และสามารถหลีกเลี่ยงการสะท้อนกลับของพลังอันน่าสะพรึงกลัวนั้นได้ก็เพียงพอแล้ว
การกลั่นยาลูกกลอนเป็นไปได้อย่างราบรื่นมาก ซึ่งมันก็ทำให้นักปรุงยาเหล่านั้นรู้สึกชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง
“หมอปีศาจสามารถสอนลูกศิษย์อย่างแม่นางมู่ออกมาได้ ช่างเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ”
“พรสวรรค์ของแม่นางมู่ ช่างทำให้ตาแก่อย่างพวกเรารู้สึกอับอายยิ่งนัก!”
“……”
เรื่องที่มู่เฉียนซีคือหมอปีศาจ มีเพียงพวกของชิงหลงทั้งหกคนและพ่อบุญธรรมของพวกเขา บวกกับท่านไป๋เท่านั้นที่รู้ความจริง
ส่วนคนอื่นต่างก็คิดว่านางเป็นเพียงแค่ลูกศิษย์ของหมอปีศาจเท่านั้น
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “ช่วยไม่ได้ เพราะอาจารย์ของข้ายอดเยี่ยมเกินไป หากข้าไม่สามารถเรียนรู้เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้ เช่นนั้นคงได้ทำให้อาจารย์ของข้าต้องอับอายเป็นแน่”
หลังจากที่ส่งยาลูกกลอนให้แล้ว เขาจึงกล่าวถามว่า “ต้องใช้ตอนนี้เลยหรือ?”
“ใช่แล้ว! ใช้ตอนนี้เลย ข้าเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว หากมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น ข้าก็จะทำการขจัดฤทธิ์ยานั้นให้ท่านทันที”
“ตกลง!”
เขาพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กินยาลูกกลอนลงไปอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีให้ความสนใจต่อร่างกายของเขาช่วงขณะหนึ่ง ในตอนแรกยาลูกกลอนนี้ค่อนข้างใช้ได้ผลเลยทีเดียว ซึ่งมันได้เข้าไปฟื้นฟูความบอบช้ำและความเสียหายที่อยู่ภายในร่างกายเหล่านั้น
แต่ทว่าในตอนที่กำลังจะเกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด พลังที่แปลกประหลาดนั้นกลับแพร่กระจายออกมา
พรวด! และเขาก็กระอักเลือดออกมาทันที
“แค่ก แค่ก แค่ก!”
เขาพยายามหายใจอย่างยากลำบาก และรู้สึกราวกับว่าถูกใครบางคนบีบคอเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น จึงทำให้เขาไอออกมาอย่างบ้าคลั่ง
เขาพยายามอย่างสุดความสามารถให้ตนเองดูดีสักเล็กน้อย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนตรงหน้าของเขาต้องตื่นตกใจเกินไปนัก
มู่เฉียนซีรีบป้อนยาน้ำให้เขาหลอดหนึ่งอย่างรวดเร็ว และยาน้ำหลอดนี้ก็มีคุณสมบัติทำให้ฤทธิ์ของยากลายเป็นความว่างเปล่า ซึ่งมันก็ทำให้พลังนั้นแอบซ่อนตัวกลับไปอีกครั้ง
ในเวลานี้ดวงตาอันชาญฉลาดคู่นั้นได้เปลี่ยนเป็นสับสน ริมฝีปากขาวซีด และร่างกายก็สั่นเทาขึ้น
มู่เฉียนซีกำหมัดเอาไว้แน่น “นั่นมันคือพลังบ้าอะไรกันแน่?”
นางไม่เคยเจอพลังที่ตามหลอกหลอนเช่นนี้มาก่อนเลย หากนิรันดร์อยู่ด้วยละก็ บางทีเขาอาจจะคลายความสงสัยให้นางได้บ้างก็เป็นได้
หลังจากที่ผ่านไปได้ไม่นาน เขาก็ค่อย ๆ ได้สติกลับคืนมา
สำหรับเรื่องที่ตนเองถูกส่งไปยังประตูยมโลกแล้วอีกรอบนั้น เขาก็ยังคงมีท่าทางที่สงบนิ่ง และดูเหมือนว่าจะเคยชินกับมันแล้ว
เขากล่าวปลอบมู่เฉียนซีกลับไปว่า “ข้าไม่เป็นอะไร เจ้าลงมือได้รวดเร็วมาก ความเจ็บปวดจากการกินยาในครั้งนี้ผ่อนคลายกว่าครั้งก่อนหน้านี้มากทีเดียว”
“ดูเหมือนว่า หลังจากนี้จะใช้ยาลูกกลอนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
หากไม่สามารถใช้ยาลูกกลอนได้ เช่นนั้นก็คงต้องลองยาน้ำ และก็ยังมีการฝังเข็มอีกด้วย!
นางรู้ดีว่าด้วยความสามารถในตอนนี้ของนางไม่อาจรักษาเขาได้อย่างแน่นอน แต่ก่อนที่นิรันดร์จะตื่นขึ้นมา ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องทำอะไรบ้างอยู่ดี
อย่างน้อยก็ทำให้เขาไม่ต้องทุกข์ทรมานเช่นนั้นอีก และต้องจัดการปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้นด้วย
“ท่านพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะไปคิดหาหนทางอื่นก่อน”
“อย่าเป็นกังวลเพราะข้ามากเกินไปนักเลย เจ้าเองก็ต้องพักผ่อนให้เยอะ ๆ ด้วยล่ะ” เมื่อเห็นว่านางพยายามใช้สมองอย่างเต็มที่เพื่อรักษาร่างกายของเขา เขาก็ทั้งรู้สึกอบอุ่นและรู้สึกปวดใจในเวลาเดียวกัน
ร่างกายนี้ของเขา ขนาดนักปรุงยาที่อยู่ข้างกายมานานหลายสิบปียังไม่อาจหาหนทางในการรักษาให้หายได้เลย
เมื่อมู่เฉียนซีเดินออกจากประตูไป นางก็เห็นว่าจิ่วเยี่ยกำลังรอนางอยู่ข้างนอกนั่น
เสียงที่ทุ้มต่ำของจิ่วเยี่ยดังขึ้นมาว่า “พลังนั่น ไม่ใช่ของเผ่าเทพ และไม่ใช่วิธีการของเผ่าใด ๆ เลย ข้าแน่ใจ!”
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง แม้แต่จิ่วเยี่ยก็ไม่รู้อย่างนั้นหรือ?
“เช่นนั้นมันจะเป็นอะไรได้บ้างล่ะ? หรือว่าจะต้องรอให้นิรันดร์ตื่นขึ้นมาก่อนถึงจะได้รู้อย่างนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีตัดสินใจแล้วว่าจะเลิกสนใจพลังที่แปลกประหลาดอันนั้นก่อน นอกจากนี้พลังนั้นก็ไม่ใช่พลังที่นางสามารถจัดการได้อีกแล้ว เรื่องที่สำคัญกว่าก็คือ คิดหาหนทางแอบพลังนั้นและทำการรักษาอาการบาดเจ็บก่อนจะดีกว่า
ช่วงนี้มู่เฉียนซีทำยาน้ำอย่างรอบครอบเป็นอย่างมาก และทั้งห้องปรุงยาของนางก็เต็มไปด้วยยาน้ำนานาชนิด ขณะเดียวกันมู่เฉียนซีก็เริ่มทำการทดลองต่าง ๆ แล้วเช่นกัน
นางไม่ต้องการที่จะเห็นคนไข้ของนางต้องมากระอักเลือดอีกแล้ว หากไม่ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด นางก็จะไม่ยอมให้เขาใช้มันอย่างแน่นอน
จิ่วเยี่ยคอยเฝ้ามองนางกลั่นยาอยู่เงียบ ๆ ข้างกายนางตลอดเวลา เขารู้ดีว่าหากนางตกอยู่ในการกลั่นยาด้วยจิตใจอันแน่วแน่แล้ว นางก็จะไม่สนใจแม้ว่าจะเป็นเขาก็ตาม
ในตอนนั้นเองดูเหมือนว่าจิ่วเยี่ยจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง และร่างสีดำก็หายไปอย่างกะทันหัน ซึ่งไม่มีผู้ใดสังเกตว่าเขาได้ออกไปแล้ว
ร่างสีเขียวเข้มร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าของจิ่วเยี่ย “เยี่ย แย่แล้ว แย่แล้ว! ขะ…ข้าทำเจ้าหุ่นเชิดนั่นหายไปแล้ว เจ้าว่าคนงามจะโกรธจนทำให้ข้ากลายเป็นคนพิการหรือไม่!?”
ในตอนแรกที่ชิงอิ่งกล่าวลา จิ่วเยี่ยก็ได้ส่งให้จื่อโยวเป็นคนไล่ตามเขาไป
เดิมทีคิดว่าด้วยความสามารถของจื่อโยว การติดตามชิงอิ่งก็น่าจะไม่เป็นปัญหาใหญ่มากนัก แต่จิ่วเยี่ยก็คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะหายไปเช่นนี้
ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกมืดมนลงเล็กน้อย “เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าคอยตามอยู่ตลอด!”
“ข้าแน่ใจสิ! ตามเจ้าหมอนั่นไม่ง่ายเลย ข้าจะกล้าไปมีความสุขกับสาวงามระหว่างทางได้อย่างไรกันล่ะ! แต่ถึงข้าจะพยายามอย่างเต็มที่ขนาดนี้แล้ว เขากลับยังหายไปได้อีก! ในตอนที่เขามาหายไปเช่นนั้น ข้าก็ตามหาไปจนรอบบริเวณแล้วแต่ก็ยังคงไม่รู้ว่าเขาหนีไปทางไหนอยู่ดี?”
“ในเมื่อหายไปแล้วเหตุใดไม่ส่งคนไปตามหาล่ะ!”
“ข้าได้ส่งคนไปแล้ว! จริง ๆ แล้วนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหุ่นเชิดที่วิ่งพล่านไปทั่วเช่นนี้”
“ยังจะกล้ามาบ่นอีกหรือ? ข้าจะให้ซีเป็นคนจัดการเจ้า! เจ้าไปอธิบายกับซีเองก็แล้วกัน!” จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชา
ในช่วงเวลาเดียวกัน มือของมู่เฉียนซีถือยาน้ำเอาไว้ทั้งหมดสามหลอด นางกล่าวว่า “ยาน้ำทั้งสามหลอดนี้น่าจะพร้อมใช้งานแล้ว”
และในตอนที่มู่เฉียนซีเปิดประตูออกไป ก็มีร่างร่างหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้า ตึง! และเขาก็ชนเข้ากับธรณีประตูอย่างจัง
“อ๊ากก! หน้าข้า ฟันข้า ข้า…” และเสียงร้องโหยหวนที่คุ้นเคยดังขึ้นมา
“จื่อโยว นี่เจ้าทำให้จิ่วเยี่ยโกรธอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความประหลาดใจ
ด้วยความสามารถที่ไม่ธรรมดาของจื่อโยว ทำให้คนที่กล้าปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ได้ นอกจากเจ้านายของเขาก็ไม่มีใครอื่นอีกแล้ว
“คนงาม ข้ามาเพื่อขอให้เจ้ายกโทษให้! ข้าทำเจ้าหุ่นเชิดที่หนีออกจากบ้านของเจ้าหายไปแล้ว ไม่ใช่ว่าข้าประมาทเลินเล่อนะ! แต่เป็นเขาที่ผิดปกติเกินไป เพียงแค่พริบตาเดียวก็ไม่รู้ว่าหนีไปทางไหนแล้ว?” จื่อโยวกล่าวด้วยหน้าตาที่น่าสงสารเป็นที่สุด
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวอย่างตกใจว่า “อะไรนะ? แม้แต่เจ้าก็ยังปล่อยให้ชิงอิ่งหายไปได้อย่างนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีสัมผัสได้ว่าระหว่างพวกเขายังคงมีพันธสัญญาอยู่ แต่พลังของพันธสัญญานั้นไม่ชัดเจนเท่าไรนัก เนื่องจากว่าเขาอยู่ห่างจากนางไกลมากเกินไป ไกลมากจนเหมือนกับว่าไม่ได้อยู่ในมิติเดียวกันอย่างไรอย่างนั้น
นี่ชิงอิ่งกำลังทำอะไรอยู่กันแน่นะ?